l ประวัติศาสตร์การกำเนิดของพรรคมวลมหาประชาชน ในประเทศต่างๆ ต้องมีเงื่อนไขและสถานการณ์ เช่น การบริหารของรัฐบาลที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็น และประชาชนแน่ใจแล้วว่า “ไม่สามารถแก้วิกฤติได้” หรือการมีภัยรุกรานจากต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลที่มีอยู่ กลับไปยอมจำนน ไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้กู้ชาติ ฯลฯ ทำให้มีผู้นำสังคม ผู้นำประชาชนที่มีอุดมการณ์รักชาติรักประชาธิปไตย ทนไม่ได้ ไม่ยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ จึงลุกขึ้นมาร่วมกับประชามหาชน เข้าร่วมต่อสู้กับรัฐบาลที่มิชอบหรือรัฐบาลขายชาติฯลฯ
@ การก่อเกิดพรรคการเมืองใหม่ การพัฒนาจนไปบรรลุชัย ได้นั้น ต้องผ่านจังหวะก้าวขั้นตอนที่จำเป็น กล่าวคือ ในช่วงการก่อเกิด อาจจะเริ่มจากเล็กหรือกลางใหญ่ ที่เกิดจากมีความพร้อมของประชาชนที่มีความตื่นตัว และผ่านการต่อสู้ของขบวนการประชาชนมาในระดับที่แน่นอนแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับพรรคการเมืองเก่าที่เป็นพรรคขนาดใหญ่ มีบทบาทมานาน ทั้งเคยเป็นรัฐบาลพรรคเดียวหรือพรรคร่วมรัฐบาล พรรคการเมืองที่เกิดขึ้น ก็ยังต้องถือว่า มีพลังน้อยกว่าหรือเป็นรอง ฉะนั้น จึงมีความจำเป็น ทั้งในการสร้างพรรคการเมืองโดยการระดมกลั่นกรองประชาชนในหลากหลายวิชาชีพ จากภาคต่างๆ ที่มีคุณภาพคือ มีอุดมคติ มีความรักชาติรักประชาธิปไตย และสถาบันชาติศาสน์ กษัตริย์ มาร่วมกันจัดตั้ง “พรรคมวลมหาประชาชน”
และเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่พรรคการเมืองใหม่ จะต้องมีการร่วมมือกับ กลุ่มองค์กรภาคประชาชนต่างๆ ผู้รักชาติรักประชาธิปไตย สถาบันหน่วยงานที่มีความคิดรักบ้านเมือง รวมทั้งพรรคการเมืองที่มีหลักการ เพื่อให้มีพลังมีความเข้มแข็ง และการมีสส.ที่มีคุณภาพจำนวนที่มากพอ ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ การเป็นรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลเป็นเงื่อนไขที่สำคัญ ในการผลักดัน “อุดมการณ์ แนวทาง นโยบาย” ออกมา เพื่อปฏิรูปสังคม การเมือง เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม และการใช้อำนาจรัฐกลไกรัฐ ให้เกิดการปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ พรรคการเมือง การกระจายอำนาจ ฯลฯ ได้อย่างเป็นจริง
l สำหรับสังคมไทย ที่ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบรัฐสภาฯที่นำเข้ามา (Imported) จากต่างประเทศ นอกจากไม่สามารถนำพาประชาชนให้พ้นทุกข์ มีความสุข จากการขจัดหรือทำลายระบบโครงสร้างของสังคม ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมแล้ว ยังก่อวิกฤติให้ประชาชนและประเทศมาตลอด
แต่ชนชั้นนำและนักการเมืองเก่า นักธุรกิจนักวิชาการเสรีนิยมที่ได้รับความคิดนี้จากในและต่างประเทศ ต่างก็ยังยึดมั่นในระบบการเลือกตั้งแบบรัฐสภาแบบเดิม ไม่มีการปฏิรูปให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชน เพราะ “พวกเขาอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบและได้ประโยชน์จากระบบนี้” แต่ไม่เสนอความเป็นจริงให้ประชาชนรับรู้ กลับกล่าวหาว่า “เหตุที่เป็นเช่นนี้” เพราะมีการรัฐประหารจากกองทัพมาขัดขวางการพัฒนาของการเมือง หากปล่อยให้ “การเมืองพัฒนาไป” ก็จะมีการพัฒนาตนเองและประชาชนก็จะเกิดการเรียนรู้และพัฒนาไปได้
@ วิญญูชน ที่ติดตามความจริงที่เกิดขึ้นต่างก็ตระหนักว่า “เป็นเพียงข้อแก้ตัวที่ขัดกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น” เพราะนับวัน “การเมืองเก่าแบบเลือกตั้ง” ยิ่งสร้างวิกฤติให้ประชาชนและประเทศหนักขึ้น แทนที่พรรคการเมืองเก่าจะมีการปฏิรูปให้เป็นพรรคของมวลชน มีตัวแทนที่หลากหลายเข้ามาเป็นกรรมการ สามารถเป็นตัวแทนของพรรคลงสมัครและมีตำแหน่งสำคัญในพรรค หรือการเป็นรัฐมนตรีเมื่อเข้าร่วมรัฐบาล
ความจริงที่ปรากฏคือ “นักธุรกิจการเมือง นายทุนใหญ่ นายทุนสามานย์ ข้าราชการชั้นสูงที่เกษียณ รวมทั้งลูกท่านหลานเธอ กลับได้เข้ามีตำแหน่งสำคัญในพรรค และรัฐบาลหรือรัฐสภาฯ
@ ดังนั้นเมื่อประชาชนได้เห็นร่วมกันและมีประชามติร่วมกันว่า
“ระบบการเมืองและพรรคการเมืองเก่า” นอกจากยังไม่สามารถนำพาประชาชนและประเทศชาติก้าวไปได้ ยังคงสร้างวิกฤติทางการเมืองเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมรวมทั้งกระบวนการยุติธรรม ให้กับบ้านเมือง มาตลอด และบางพรรคการเมือง เป็นเพียงตัวประกอบ ที่ไม่สามารถนำพาประชาชนและประเทศไปสู่เป้าหมายได้”
ฉะนั้น จึงเป็นเงื่อนไข สำหรับการเปลี่ยนแปลง และเป็นโอกาสของพรรคการเมืองมวลมหาประชาชน
กล่าวสรุปให้เห็นภาพชัดเจน คือ สภาพสังคมที่มวลมหาประชาชน ไม่เอาพรรคการเมืองเก่า ที่นำไปสู่รัฐบาลทุนสามานย์ หรือการมีพรรคการเมืองเก่าที่ยึดหลักการมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน จึงเป็นเงื่อนไขของ “การเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่แก้ทุกข์ นำสุขมาสู่ประชาชนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันของสังคม” ของพรรคมวลมหาประชาชน ที่จะเกิดขึ้นและพัฒนาเติบโต จากการสนับสนุนช่วยจากประชาชนเรือนล้านที่เคยมีประวัติศาสตร์เข้าร่วมตัวสู้มาแล้ว ทั้งกรุงเทพฯต่างจังหวัดและต่างประเทศ
l พรรคมวลมหาประชาชน จะต้องร่วมกับใคร และคัดค้านใคร จึงจะได้รับการสนับสนุนและเติบใหญ่ได้จริง
คัดค้านใคร : นักการเมืองเก่า กลุ่มทุนสามานย์ กลุ่มบุคคลที่เอาผลประโยชน์ส่วนตนพวกพ้องมาก่อนบ้านเมือง
1.พรรคการเมืองเก่าที่เป็นตัวแทนของกลุ่มทุนใหญ่สามานย์ นักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจที่ไม่ดี ที่มีประวัติในการโกงชาติและการใช้อำนาจมิชอบ แสวงหาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ที่หวังจะกลับมาเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากหรือรัฐบาลผสม จากการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม
2.นักการเมืองที่ถูกพิพากษาจากศาลฎีกาเป็นคดีถึงที่สุด แล้วหนีคดี ไม่ยอมรับโทษ แล้วไปเคลื่อนไหว เพื่อผลประโยชน์ของตนและครอบครัว และพวกพ้องรวมทั้งคดีฆ่าตัดตอน สังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ ฯลฯ
3.การร่วมมือกันระหว่างพรรคการเมืองเก่า เพื่อหวังจัดตั้งรัฐบาล โดยมิสนใจในหลักการการตรวจสอบถ่วงดุล
4.พรรคการเมืองเก่าที่มีแนวคิดปฏิเสธสถาบันหลักของชาติ รวมทั้งการสนับสนุนบุคคลกลุ่มที่จาบจ้วงละเมิด
5.พรรคการเมืองเก่าที่สมคบคิดและนำเอาองค์กรต่างชาติ มาเป็นเครื่องมือกล่าวหาประชาชนและประเทศ
l สนับสนุนใคร : โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ มาก่อน
1.กลุ่ม องค์กรอาชีพที่หลากหลายที่มีความคิดรักชาติรักประชาธิปไตย ต้องการแก้ไขวิกฤติบ้านเมือง
2.นักการเมือง พรรคการเมืองใหม่หรือเก่า ที่ปฏิเสธระบอบทุนสามานย์ ต้องการปฏิรูปสังคม
3.รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่ได้มีส่วนสำคัญในการยุติสถานการณ์ความขัดแย้งในปี 2557 แล้วจัดตั้งรัฐบาล แม่น้ำ 5 สาย ทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ ที่มีนโยบายและผลงานในการแก้ปัญหาของบ้านเมือง ช่วยเหลือประชาชนไปได้พอสมควร แม้ยังไม่สามารถปฏิรูปการเมือง ข้าราชการตำรวจ สื่อ เนื่องจากเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม ซึ่งสะสมกันมาจากรัฐบาลก่อนๆ
4.รัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ ฉบับปราบโกงและการมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการเลือกตั้งแบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้กับประชาชน ในการใช้สิทธิเลือกตั้ง และการจัดตั้งพรรคการเมืองเชิงอุดมการณ์ขึ้นได้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเข้าสู่อำนาจรัฐ ใช้อำนาจรัฐ ตรวจสอบถ่วงดุลฯ
5.สนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
หลักการในการสนับสนุนใคร ตามที่กล่าวมานี้ เป็นพื้นฐานสำคัญในการนำบ้านเมืองไปสู่ประชาธิปไตยได้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี