คนรวยๆ ที่มีเส้นสายการเมือง เมื่อถูกดำเนินคดี มักได้สิทธิพิเศษมากกว่า
คนธรรมดา จริงหรือ?
1. เสือดำต้องไม่ตายฟรี -นั่นคือวลีฮิต ในการไล่บี้ให้ดำเนินคดีกับนายเปรมชัย
เมื่อครั้งนายเปรมชัย เดินทางออกนอกประเทศ ประชาชนกังวลว่า
จะกลับมาไหม หรือจะหนีไปเลย
แต่เปรมชัยก็กลับมา ต่อสู้คดีในชั้นศาล เพราะยังมีระยะเวลาอีกยาวนาน กว่าศาลชั้นต้น - อุทธรณ์ - ฎีกา
2. บอส ลูกกระทิงแดง เลือกทางเดินที่ต่างจากนายเปรมชัย
อาศัยการขอเลื่อน คดียืดเยื้อ กระทั่งว่าอัยการไม่ได้ตัวมาฟ้องศาลในอายุความสำหรับบางข้อหา
จนบัดนี้ ยังมีหมายจับติดตัว
เจ้าตัวก็ยังไม่มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
เชื่อกันว่า เมื่อหนีไปแล้ว คงไปให้สุด คือ ไปจนกว่าคดีที่มีอยู่จะหมดอายุความ
3. โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของทักษิณ ชินวัตร
“ตัวพ่อ” หนีคดีอยู่ต่างประเทศ หมายจับคดีทุจริตหลายใบ
“ตัวลูก” ถูกแจ้งข้อหาฟอกเงิน คดีพิเศษที่ 25/2560 กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบบุคคลที่รับโอนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินอันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จากคดีทุจริตเงินกู้
กรุงไทย (ซึ่งบิดาของนายพานทองแท้เป็นจำเลยที่ 1 แต่หนีคดีไป ในขณะที่
จำเลยคนอื่นๆ ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด ต้องรับโทษอยู่ในคุกแล้ว)
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งข้อกล่าวหาบุคคลจำนวน 4 คน ได้แก่ 1. นางเกศินี จิปิภพ 2.นางกาญจนาภา หงษ์เหิน 3.นายวันชัย หงษ์เหิน
และ 4.นายพานทองแท้ ชินวัตร ในข้อหา “สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคน
ขึ้นไป, ร่วมกันฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้
มีการสมคบแล้ว”
เงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ในเรื่องนี้ จำนวน 10 ล้านบาท และ จำนวน 26 ล้านบาท
บุคคลทั้ง 4 ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ปฏิเสธตลอดข้อหา
น่าสนใจว่า เวลาของคดีนี้ งวดเข้ามาทุกวัน กระชั้นเข้ามาทุกขณะ
บัดนี้ จ่อที่จะหมดอายุความแล้ว (ราวๆ กลางปีนี้)
หากคณะพนักงานสอบสวน มีความเห็นสั่งฟ้อง ก็ยังจะต้องส่งไปอัยการ แล้วกว่าอัยการจะสั่งคดี
สังคมจะต้องจับตาว่า จะได้ตัวนายพานทองแท้ไปส่งฟ้องที่ศาล ในอายุความ หรือไม่?
จะเข้าอีหรอบเดียวกับลูกกระทิงแดง หรือไม่?
4. เงิน 10 ล้านบาท เป็นการรับเช็คจากจำเลยในคดีทุจริตเงินกู้กรุงไทย
ส่วนเงิน 26 ล้านบาท ปรากฏในคำวินิจฉัยส่วนตัวของนายศิริชัย วัฒนโยธิน รองประธานศาลฎีกา และเจ้าของสำนวนคดีทุจริตเงินกู้กรุงไทย เส้นทางยักย้ายถ่ายโอนหลายทอด แต่พัวพันกับกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา
ในคำวินิจฉัยของนายศิริชัย วัฒนโยธิน อดีตรองประธานศาลฎีกา และเจ้าของสำนวนคดีเงินกู้กรุงไทย ระบุถึงเส้นทางการเงินไว้ด้วย
“...เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2546 นายธีรโชติ พรมคุณ พนักงานของจำเลยที่ 20 (บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อแคชเชียร์เช็คธนาคารไทยธนาคาร 26 ล้านบาท โดยหักจากบัญชีของจำเลยที่ 25 (นายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร) สั่งจ่ายนายพานทองแท้ ชินวัตร และนำเข้าบัญชีของนายพานทองแท้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 184-0-47447-0 แต่ในวันเดียวกันมีการยกเลิกรายการ
ครั้นวันรุ่งขึ้น นายธีรโชติซื้อแคชเชียร์เช็ค 26 ล้านบาท สั่งจ่ายบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เพื่อชำระค่าหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางเกศินี จิปิภพ มารดาของนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขาฯส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร (ภรรยาของนายทักษิณ ขณะนั้น)
ต่อมา นางเกศินี ได้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 1.8 ล้านบาท เข้าบัญชีของนายพานทองแท้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักรัชโยธิน
อย่างไรก็ดี นายพานทองแท้ ชี้แจงเป็นหนังสือต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ว่า จำเลยที่ 26(นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรนายวิชัย กฤษดาธานนท์) ฝากนายวันชัย หงษ์เหิน(สามีนางกาญจนาภา หงษ์เหิน) ซื้อหุ้นบริษัท ช.การช่าง จำกัด ผ่านบัญชีของนางเกศินี ครบกำหนดชำระหุ้นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2546 ซึ่งก่อนครบกำหนดชำระค่าหุ้น เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2546 จำเลยที่ 26 โทรศัพท์มาแจ้งว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่นำแคชเชียร์เช็คค่าหุ้น 26 ล้านบาท เข้าบัญชีของตนเพื่อฝากโอนให้บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ตนเกรงว่าอาจล่าช้าชำระไม่ทันกำหนด จึงแนะนำให้จำเลยที่ 26 ชำระเงินให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต โดยตรง จำเลยที่ 26 จึงยกเลิกธุรกรรมที่นำแคชเชียร์เช็คฝากเข้าบัญชีของตน
เห็นว่า เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ทางปฏิบัติในการซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์นั้น ผู้จะซื้อขายหลักทรัพย์จะต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์และจะต้องแจ้งเลขที่บัญชีธนาคารให้บริษัทหลักทรัพย์ทราบเพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์โอนเงินเข้าบัญชีเมื่อมีการสั่งขายหลักทรัพย์ หรือให้บริษัทหลักทรัพย์หักเงินจากบัญชีเมื่อมีการสั่งซื้อหลักทรัพย์
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ทั้งนายพานทองแท้และจำเลยที่ 26 มีความสนิทสนมกัน ต่างก็มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง หากจำเลยที่ 26 ได้ฝากนายวันชัยซื้อหุ้นตามที่อ้าง จำเลยที่ 26 ย่อมสามารถโอนเงินค่าหุ้นเข้าบัญชีธนาคารของนายวันชัยหรือโอนเข้าบัญชีธนาคารของบริษัทหลักทรัพย์ได้โดยตรงอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จำเลยที่ 26 ต้องนำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็คฝากเข้าบัญชีธนาคารของนายพานทองแท้เพื่อฝากชำระค่าหุ้นให้นายวันชัยอีกทอดหนึ่ง ข้ออ้างของนายพานทองแท้ฟังไม่ขึ้น..”
คดีนี้ สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลฎีกาฯ จึงมุ่งตรงที่กลุ่มบุคคลซึ่งปรากฏว่าได้รับเงินอันเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ นั่นเอง
จนถึงบัดนี้ ใช้เวลาสอบสวนกันมายาวนานข้ามปี จ่อจะหมดอายุความรอมร่อ
5. ก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้มอบให้ที่ทนายความเที่ยวไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมหลายหน่วยงาน
ยื่นต่ออัยการสูงสุด(อสส.) ขอให้ตรวจสอบและพักการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการที่รวมทีมพนักงานสอบสวนในคดีนี้ นั่นก็คือ “นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ”
กล่าวหาว่า มีการปฏิบัติหน้าที่มีอคติ ไม่เป็นธรรมต่อผู้ต้องหา
นายขจรศักดิ์ ยันยันว่า ตนสอบสวนตามหลักฐานที่เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน โดยนายพานทองแท้ ยื่นขอให้สอบพยานเพิ่มถึง20 ปาก ซึ่งคดีใกล้ขาดอายุความ ตนก็พิจารณาให้สอบพยานเพิ่ม 8 ปากแล้ว และเขาขอเลื่อนสอบพยานไปอีก เราต้องให้เวลาพนักงานอัยการพิจารณาสำนวนโดยไม่ใกล้ขาดอายุความ ปล่อยให้ยืดเยื้อก็ไม่เสร็จ พยานหลักฐานในคดีนี้ก็เริ่มต้นมาจากเอกสารทั้งนั้น เราตรวจสอบตามที่ปรากฏ ไม่ได้เอาใครมากลั่นแกล้ง เราให้โอกาสให้ความเป็นธรรมแล้ว ต้องมาพิสูจน์เอง และสู้คดีต่อได้ในศาล
ท่านอัยการ “ขจรศักดิ์” และคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ กำลังยืนหยัดต่อสู้ เพื่อผดุงระบบยุติธรรม มิให้ยอมก้มหัวแก่อภิสิทธิ์ชน
ขอชื่นชม และขอให้กำลังใจเต็มที่
และเรียกร้องให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ และท่านอัยการสูงสุดจงสนับสนุนคนกล้ายืนหยัด ทำหน้าที่ “ทนายของแผ่นดิน” คืนความเชื่อมั่นศรัทธากลับสู่ระบบยุติธรรมของประเทศ
นายทักษิณหนีคุกไปแล้ว
นางสาวยิ่งลักษณ์หนีคุกไปแล้ว
บอส ลูกกระทิงแดง หนีจนหมดอายุความไปบางคดีแล้ว
สำคัญที่สุด คือ หากคดีหมดอายุความ ใครจะรับผิดชอบ?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี