ผู้อ่านหลายท่านอาจไม่ทราบว่าวันที่ 7 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา เป็นวันที่มีความสำคัญกับวงการนาฬิกาไทยอย่างน่าประหลาดใจ เพราะนั่นคือวันแรกที่ ป.ป.ช. ได้ส่งหนังสือให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วัน กรณีครอบครองนาฬิกาหรูหลายเรือน โดยไม่ได้มีการแจ้งในรายการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามกฎหมาย และเป็นวันเดียวกันกับที่ ป.ป.ช.แถลงว่า ได้สรุปสำนวนคดีนาฬิกาหรูมูลค่า 2.5 ล้านบาท ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากสอบหาข้อเท็จจริงมาตั้งแต่ พ.ศ.2557 แต่ถึงแม้จะใช้เวลายาวนานกว่า 3 ปีในการสรุปสำนวนคดีนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นที่สิ้นสุดแล้ว เพราะยังต้องนำเข้าพิจารณาต่อโดยอนุกรรมการไต่สวนอีก
เมื่อทราบข้อมูลเช่นนี้ ประชาชนจำนวนหนึ่งจึงเกิดความหวั่นใจว่า การสอบหาข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการครอบครองนาฬิกาหรูของนักการเมืองจะต้องใช้เวลานานแสนนานเช่นนี้เหมือนกันทุกกรณีหรือไม่ มาถึงวันนี้ความหวั่นใจนี้ยิ่งเพิ่มขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ว่า นับจากวันที่ 7 ธันวาคม 2560 มาจนถึงวันนี้วันที่ 21 มีนาคม 2561 เป็นเวลา 3 เดือน กับ 12 วัน หรือ 104 วัน แต่ ป.ป.ช.ได้ประกาศเลื่อนการแถลงผลสอบหาข้อเท็จจริงกรณียืมนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร เป็นครั้งที่ 4 แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่เลย ดังนั้นในครั้งนี้หาก ป.ป.ช.ยังไม่สามารถแถลงสรุปข้อเท็จจริงอย่างน่าเชื่อถือ โดยมีหลักฐานสนับสนุนที่หนักแน่น ในเวลาอันรวดเร็ว ความศรัทธาของประชาชนต่อการทำงานของ ป.ป.ช. ตลอดเวลากว่า 20 ปี ขององค์กรนี้ ก็คงจะลดลงจนอาจเกิดเป็นวิกฤติศรัทธาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพื่อความเป็นธรรม หน่วยงานที่ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีทุจริตอย่าง ป.ป.ช.ก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนและพิจารณาตามหลักฐานและข้อเท็จจริง ไม่ใช่ทำตามอารมณ์และกระแสสังคม ดังนั้นเพื่อทำหน้าที่นักวิชาการและสื่อสาธารณะที่ดี ที่นำเสนอข้อเท็จจริงโดยไม่บิดเบือนและบทวิเคราะห์ที่ยุติธรรม บทความนี้จึงขอนำเสนอเรื่องราวกรณีนี้อย่างวันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์เลยว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง และ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง ท่ามกลางกระแสของประชาชนที่เฝ้าติดตามมาตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2560 เมื่อพล.อ.ประวิตรยกแขนขึ้นบังแดดในระหว่างนั่งถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดที่ปรับใหม่ ซึ่งทำให้นักข่าวมองเห็นประกายสะท้อนแสงอาทิตย์จากแหวนเพชรจึงจับภาพไว้ และต่อมามีสื่อและผู้คนจำนวนมากได้เห็นว่า มีนาฬิกา Richard Millie ราคาแพงกว่า 13.17 ล้านบาท อยู่ที่ข้อมือด้วย ซึ่งเมื่อมีการสืบค้นต่อ ก็พบว่า ไม่มีการแจ้งทรัพย์สินนาฬิกาเรือนนี้ไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อป.ป.ช. เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง
7 ธ.ค.2560 ป.ป.ช.ส่งหนังสือให้พล.อ.ประวิตรชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วัน
19 ธ.ค.2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบนักข่าวถึงกระแสกดดันเรื่องพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณกับนาฬิกาหรูว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่รับผิดชอบคือป.ป.ช. กับตัวท่านเอง ไม่มีใครจะไปดูแลหรือปกป้องได้
27 ธ.ค.2560 พล.อ.ประวิตรส่งคำชี้แจงมาให้ป.ป.ช. ก่อนวันครบกำหนด 30 วัน
5 ม.ค.2561 ป.ป.ช.ให้พล.อ.ประวิตรชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมมาภายใน 25 วัน เนื่องจากมีผู้แจ้งพบนาฬิกาเพิ่มขึ้นมาอีกเป็น 25 เรือน ครบกำหนดชี้แจงครั้งที่สามในวันที่ 8 ก.พ. 2561
8 ก.พ.2561 พล.อ.ประวิตรขอเลื่อนอีก 7 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561
13 ก.พ.2561 เลขาธิการป.ป.ช.ชี้แจงว่า ยังไม่สามารถยืนยันว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ตามที่เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะต้องรอคำชี้แจงครั้งล่าสุดของพล.อ.ประวิตรซึ่งจะครบกำหนดอีกครั้งในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้
15 ก.พ.2561 พล.อ.ประวิตรไม่ส่งคำชี้แจง แต่ขอเลื่อนเวลาส่งออกไปอีก 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 2 มีนาคม 2561
26 ก.พ.2561 ป.ป.ช. ได้ส่งหนังสือให้พล.อ.ประวิตรมาชี้แจงรอบที่ 4 โดยกำหนดให้ส่งภายในกลางเดือนมีนาคม
28 ก.พ.2561 เลขาธิการป.ป.ช. ชี้แจงว่าได้สอบพยานบุคคลรวม 4 ปาก แล้วและจะเชิญอีก 2 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า สามารถสอบถามไปยังบริษัทผู้ขายนาฬิกาหรูเหล่านี้ในต่างประเทศ เพื่อให้ส่งข้อมูลมาให้ป.ป.ช.ได้
15 มี.ค.2561 พล.อ.ประวิตรได้ส่งหนังสือชี้แจงครั้งที่ 4 ต่อป.ป.ช.ในช่วงเย็นซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ ป.ป.ช.กำหนด
17 มี.ค.2561 บทความไทยโพสต์ขึ้นหัวข้อในหน้าหนึ่งว่า“จับตาปมนาฬิกาหรู-แหวนเพชรพิสูจน์องค์กรป.ป.ช.ร่วงหรือโรจน์”
18 มี.ค.2561 สวนดุสิตโพล โดยมหาวิทยาลัยสวนดุสิต แถลงสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,157 คนระหว่างวันที่ 13-17 มี.ค.พบว่า กลุ่มผู้สำรวจกว่าร้อยละ 40.97 ระบุว่าข่าวการทุจริต ณ วันนี้มีผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์มากเพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือถูกมองว่าเป็นการปกป้องพวกพ้อง
19 มี.ค.2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า “...ที่บอกว่าผมปกปิดปกป้องบอกว่ารักพี่รักน้องอันนั้นเป็นอีกเรื่องเขา(พล.อ.ประวิตร) จะเอามาใส่จากไหนก็ต้องตอบคำถามป.ป.ช.เอง…”
จริงๆแล้วเลขาธิการป.ป.ช.ก็เคยให้สัมภาษณ์ในช่วงต้นๆว่า จะใช้เวลาหาข้อเท็จจริงไม่นาน เพราะไม่ใช่เรื่องซับซ้อน ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไม่ถูกต้องนั้น มีนักการเมืองหรือข้าราชการระดับสูงถึง 9 คนเป็นอย่างน้อยที่ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดและถูกปลดออกจากตำแหน่ง และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาแล้ว บุคคลสำคัญที่สุดที่ถูกลงโทษกรณีเช่นนี้ก็คือพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็ต้องออกจากตำแหน่งไป เพราะไม่ได้แจ้งหนี้สิน 1 รายการ และล่าสุดก็มีข้าราชการระดับสูงคืออดีตปลัดกระทรวงคมนาคม นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม กรณีภรรยายืมรถยนต์ Volkwagen มูลค่า 2.9 ล้านบาทจากนักธุรกิจมาใช้งาน ศาลชี้ว่า จากพฤติกรรมการใช้รถ แสดงว่า รถเป็นของภรรยานายสุพจน์เมื่อประกอบกับที่มาของทรัพย์สินอื่นที่สุพจน์ชี้แจงไม่ได้ จึงตัดสินให้จำคุกเขาเป็นเวลา 10 เดือน และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี
นอกจากนี้ รายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองอื่นๆที่ ป.ป.ช.ได้ตัดสินลงโทษไปแล้วเช่น นายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต สส.เชียงใหม่ ที่ไม่แจ้งเรื่องโอนหุ้นให้มารดา,นางอรพินท์ มั่นศิลป์ อดีตสว.นครสวรรค์ไม่แจ้งหนี้สิน 171 ล้านบาท, นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภาและอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ทำนิติกรรมอำพรางด้วยการโอนหุ้นบริษัทแห่งหนึ่งให้กับน้องภรรยา,นายพีระพงศ์ อิศรภักดี อดีตผอ.ขสมก. ถูกกล่าวหาว่าไม่ได้แสดงบัญชีเงินฝาก 15 บัญชี, นางสาวชิณณิชา วงศ์สวัสดิ์ อดีต สส.เชียงใหม่ ปกปิดไม่แจ้งการเป็นหนี้เงินกู้ 100 ล้านบาท,นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงและสส.อ่างทองหลายสมัย อ้างว่าที่ไม่แจ้งเพราะทรัพย์สินเหล่านั้นไม่ได้ใส่ชื่อตนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และนายวิฑูร กรุณา อดีตที่ปรึกษารมว.วัฒนธรรม ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพราะอยู่ในช่วงน้ำท่วมใหญ่
เมื่อมีตัวอย่างมากมายเช่นนี้แล้ว จึงได้แต่หวังและเป็นกำลังใจให้ ป.ป.ช. สามารถรักษาศรัทธาของประชาชนจากผลงานที่ได้สร้างสมมาตลอดเวลากว่า 20 ปี ด้วยการพิจารณาผลการสอบหาข้อเท็จจริงกรณีนี้อย่างตรงไปตรงมา ด้วยหลักฐานสนับสนุนที่แน่นหนาและเชื่อถือได้ ในเวลาที่ไม่นานเกินไปเหมือนกรณีอื่นๆ ที่คล้ายกันในอดีตครับ
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี