กฎเกณฑ์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในการลงคะแนนเสียงและการเลือกตั้งทั่วไปนั้น คือการให้ผู้มีสิทธิ์ กาได้เพียงเบอร์เดียว-ครั้งเดียว ซึ่งหมายถึง เลือกหนเดียวได้ทั้งคน(ผู้สมัคร)และพรรค ฉะนั้นความนิยมชมชอบในตัวพรรคจึงมีแนวโน้มว่าจะมาเหนือตัวบุคคล ซึ่งก็เป็นภาระหน้าที่หนักหน่วงของพรรคที่จะต้องพยายามดำเนินกิจการต่างๆให้เป็นที่ชื่นชมแก่สังคม ไม่ว่าจะเป็นความโปร่งใสของการบริหารจัดการ หรือด้วยนโยบายและคำมั่นสัญญาที่จะมีต่อประชาชนและสังคม และด้วยความพิถีพิถันในการคัดเลือกตัวผู้สมัครที่ต้องมีคุณภาพเพียงพอหรือไม่ขี้เหร่จนเกินไป เพื่อไม่ให้ไปลบล้างความขลังของพรรค จึงจะสามารถทำให้ผู้คนสามารถตัดสินใจกาหรือให้คะแนนพรรคมากกว่าตัวบุคคล
ในการนี้ พรรคจึงดูมีความสำคัญกว่าตัวบุคคล ฉะนั้นพรรคก็ต้องทำตัวให้เป็นที่น่าเชื่อถือและดึงดูดใจคนให้สนับสนุน พรรคก็ควรจะต้องมีคุณสมบัติที่น่าพิสมัยที่จะดึงดูดความสนอกสนใจ และอำนวยให้ผู้คนตัดสินใจกาเบอร์พรรค หรือมอบคะแนนเสียงให้พรรคได้ ฉะนั้น พรรคต้องแสดงออกซึ่งคุณงามความดีต่างๆ นานาของพรรคให้มากที่สุด
แต่สภาพความเป็นจริง ณ วันนี้ ก็ยังมีพรรคที่มีภาพลักษณ์การเป็นองค์กรส่วนตัว ส่วนบุคคล และพึ่งระบบอำนาจเงิน อิทธิพล และบุญคุณต้องทดแทน โดยคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้พรรคได้รับคะแนนเสียงได้ ก็เป็นเรื่องที่บางพรรคจะต้องคิด ต้องตัดสินใจที่จะไปในทิศทางนั้น แต่ก็ต้องคาดหวังว่า พรรคส่วนใหญ่จะไม่กระทำเช่นนั้น แต่จะรู้ด้วยจิตสำนึกและความรับผิดชอบเป็นสำคัญ
ในทางคู่ขนานกันไป เราชาวไทยเจ้าของประเทศ เจ้าของเสียงศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องเพียรพยายามในการยืนหยัดกับหลักการและความถูกต้อง แทนที่จะโอนอ่อนไปกับอามิสสินจ้าง ความเห็นแก่ได้ชั่วครั้งชั่วคราวจากนโยบายฉาบฉวยล่อหลอก โดยมิได้ตระหนักว่า หากเลือกพรรคไม่ดีมาเสนอผลประโยชน์ระยะสั้นให้กับคนกลุ่มเดียว ท้ายสุดแล้ว ผลเสียจะกลับมาที่ตัวประชาชนคนไทยทุกคน อย่างที่มีตัวอย่างให้เห็นกันมาแล้วในอดีต
ในการกาบัตรให้พรรคหนึ่งพรรคใด ก็คงต้องมีองค์ประกอบ หรือเนื้อในของพรรคต่างๆ กันไว้บ้าง เพื่อพรรคจักได้ไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนคนไทยเรา เพื่อทำประโยชน์ให้กับเราทั้งหลายทั้งปวง และเพื่อมิได้ไปเป็นตัวแทน เพื่อจักได้หาประโยชน์เข้าตัว บ่อนทำลายชาติบ้านเมือง
ในการพินิจพิจารณาว่า จะเลือกพรรคใดนั้น ก็คงมีหลักหรือเครื่องชี้ทาง ดังนี้
1.หัวหน้าพรรค ต้องมาด้วยการเลือกตั้งของสมาชิก
2.ความโปร่งใสของที่มาที่ไปของงบประมาณพรรค
3.นโยบายพรรคที่ตอบสนองส่วนร่วม และความเป็นไปได้ภายใต้กรอบกฎหมาย และความชอบธรรม
4.นโยบายนั้นเป็นคำมั่นสัญญาผูกมัดหลีกเลี่ยงและบิดพลิ้วมิได้
5.ขีดความสามารถในการชี้แจงนโยบาย มาตรการ หรือคำสัญญาใดๆ ต้องชอบด้วยกฎหมาย และชอบด้วยธรรม
6.ยึดมั่นในเจตนารมณ์และหลักกฎเกณฑ์ประชาธิปไตย ไม่ข้องแวะกับอำนาจนิยมใดๆ ไม่เอาด้วยกับความสุดโต่งใดๆ เป็นต้น
พรรคการเมืองที่ไม่น่าพึงปรารถนา จะเป็นพรรคที่ยึดมั่นอำนาจนิยม บุคคลบูชานิยม ประชานิยม เสียงข้างมากเป็นเผด็จการรัฐนิยม รัฐบาลทหารนิยม ลักษณะพรรคเหล่านี้ใช้เวทีประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง เพื่อเป็นเครื่องมือกลไกเข้าสู่อำนาจเท่านั้น แต่มิได้มีความเป็นประชาธิปไตยในตัว และมิได้คิดจะเล่นตามกติกาและครรลองประชาธิปไตย (ทำนอง “พวกข้า” เท่านั้นที่เป็นใหญ่)
ฉะนั้น จะพรรคเล็กพรรคใหญ่ก็ต้องยึดมั่นในอุดมการณ์และกฎเกณฑ์ประชาธิปไตย เบี่ยงเบน หันเหเป็นอย่างอื่นมิได้ หากเป็น ก็จะเป็นการหลอกลวงประชาชน ฉะนั้น ประชาชนก็ต้องไม่หลงเชื่อ คล้อยตามไปด้วย พรรคที่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตยก็จะอยู่กับระบบอุปถัมภ์ เล่นพรรคเล่นพวก ใช้อำนาจโดยมิชอบ เป็นอันตรายยิ่งต่อประชาธิปไตย และความผาสุกของปวงชน
พรรคที่เป็นประชาธิปไตยคงมีความหลากหลายเช่น ยึดกติกา เคารพกติกา เป็นที่ตั้ง บางพรรคมุ่งส่งเสริม ขับเคลื่อนเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นการเฉพาะ หรือให้ความสำคัญสูงสุด เช่น ต่อแรงงานเกษตร สิ่งแวดล้อม สิทธิเด็กและสตรี สิทธิผู้ด้อยโอกาส สิทธิคนจน
พรรคบางพรรคอยากเสนอให้รัฐ(ระบบราชการ)เล็กลง และมีการกระจายอำนาจมากขึ้น ให้ส่วนต่างๆ ของสังคมดูแลรับผิดชอบตนเอง พรรคบางพรรคอยากให้รัฐมีบทบาทมากขึ้นในเรื่องความเสมอภาคทางด้านการศึกษา การสาธารณสุข และที่อยู่อาศัย
ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนพลเมืองจะเลือกเอาตามชอบและความเชื่อถือ
ดูๆ รูปการแล้ว พรรคการเมืองไทยร่วม 100 พรรค อาจแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม
1.กลุ่มพรรคทหารการเมืองเป็นแกน
2.กลุ่มพรรค ผู้นำประชานิยมนำพา
3.กลุ่มพรรคขับเคลื่อน ประเด็นเฉพาะ
4.กลุ่มเคารพกติกา
ก็จับตาดู ศึกษากันแต่บัดนี้ โดยคิดวิเคราะห์ให้ถ้วนถี่กันว่า พรรคใดๆกลุ่มใดๆ จะอาสาเข้ามาเพื่อรับใช้เราประชาชนอย่างแท้จริง ถึงจะยอมมอบเสียงของเราให้ไปทำหน้าที่ตัวแทนนำพาประเทศชาติให้ก้าวหน้าในวันลงคะแนน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี