l เราท่านทั้งหลาย มารับรู้ความเป็นจริง(ที่เจ็บปวดรวดร้าว) ของสังคมไทยกัน
l ก.โจทก์ประเทศไทย
1.สังคมไทยมีปัญหาและวิกฤติ จากความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมของระบบโครงสร้าง และขาดคนมีคุณภาพ
2.การแก้วิกฤติทางการเมือง ไม่ประสบความสำเร็จทั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐประหาร
3.ผลกระทบจากปัจจัยภายนอกซ้ำเติมทำให้สถานการณ์การเมืองไทย สับสนซับซ้อน เกิดวิกฤติใหญ่ขึ้นฯ
4.ไม่มีการสรุปบทเรียนและปล่อยให้วัฏจักรวงจรอุบาทว์ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และหนักขึ้น แก้ยากขึ้นทุกที
l ข.ทางออกของสังคมไทย
1.ระบบการเมืองเก่า ระบบรัฐสภาจากการเลือกตั้งยังเป็นความหวังของนักการเมืองนักวิชาการเก่าฯ
2.อุปสรรคใหญ่สำคัญที่เกื้อหนุนจุนเจือ “ระบบการเมืองเก่า” ให้ดำรงอยู่ต่อไปได้
1) ระบบอุปถัมภ์และค่านิยมเก่า ความคิดอคติต่อสถาบันทหารและสถาบันหลักฯ
2) ระบบทุนนิยม ระบบทุนนิยมสามานย์ ระบบราชการ ระบบสื่อสารมวลชนที่กลายเป็นทุนใหญ่
3) การนำเสนอนโยบายประชานิยม การแบ่งผลประโยชน์ให้กับชาวบ้าน ให้พออยู่รอดไปได้วันๆ
4) การดึงประชาชนส่วนใหญ่(ในชนบท) ให้เป็นเครื่องมือ เป็นฐานทางการเมืองให้คนเหยียบย่ำต่อไป
5) การใช้ความไม่เข้าใจต่อ ระบอบประชาธิปไตยและความคิดปฏิเสธสถาบันของต่างชาติเป็นเครื่องมือ
3.บทเรียนประวัติประชาธิปไตยต่างประเทศที่สามารถแก้วิกฤติ นำไปสู่ความสุขความเจริญทั่วหน้ายั่งยืน
1) การมีผู้นำระดับรัฐบุรุษมีวิสัยทัศน์ กล้าเสียสละ นำพาประชาชนและสถาบันหลักของสังคม แก้วิกฤติ
2) การมีพรรคการเมืองของประชาชนที่มีแนวนโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอนฯ
3) มีสถานการณ์ที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง ที่ผู้นำสามารถจับกระแส และนำมาใช้ ก่อการเปลี่ยนแปลงฯ
4) การปรับและพัฒนานโยบาย กลไกรัฐ ฯลฯ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง อย่างต่อเนื่อง
4.ปัจจัยเงื่อนไข ที่เอื้ออำนวย ต่อการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของสังคมไทย
1) ความล้มเหลวของระบบการเมืองเก่า ถึงขั้น ที่ก่อวิกฤติ ที่ไม่มีทางออกฯ
2) ประชาชนเริ่มตระหนักถึงผลเสียหาย มีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
3) วิกฤติทางเศรษฐกิจสังคมและกระบวนการยุติธรรม ที่ส่งผลให้ประชาชน ดิ้นรนหาทางออก
4) สถานการณ์ทางการเมืองในไทยและต่างชาติ กดดันบีบคั้น ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงฯ
5) การนำเสนอความคิดและโอกาสของ “การเมืองใหม่” ที่เป็นระบบมากขึ้น
6) มีผู้นำทั้งจากระบบเก่าและระบบใหม่ ที่ตระหนักถึงภัยอันตรายต่อชาติ มีมากขึ้น
7) ปัจจัยจากต่างประเทศที่เป็นลบต่อ “ระบอบรัฐสภาจากการเลือกตั้ง” ในอเมริกาและยุโรป
ปัจจัยที่เป็นบวก ต่อ “ระบอบประชาธิปไตยที่มีลักษณะเฉพาะและสอดคล้องกับสังคม” ในจีน
5.ปัจจัยหลักที่สำคัญ อาจจะมาจากบุคคล องค์กร สถาบันฯ ที่คาดไม่ถึงฯ
1) อันเกิดจาก “อัตตวิสัย” ที่มองเห็นภัยอันตรายอันยิ่งใหญ่ หากไม่มีการลงมือกระทำ ทันที
2) เกิดจาก “ภววิสัย” จากบุคคล องค์กร สถาบันฯ ที่หวังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่เพื่อตน ซึ่งอาจจะมีการใช้ “พรรค กลไกพรรคและรัฐ (ที่สัมพันธ์อยู่) มวลชนฯ” ก่อการฯอันจะนำมาซึ่ง ความขัดแย้งที่พัฒนาไปมาก (เคยเกิดมาแล้ว แต่กองทัพฯระงับได้)
6.การเปลี่ยนแปลงใหญ่ จักต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยมี 2 Scenario
1) การเปลี่ยนแปลงโดยสงบราบรื่น อันเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะของประเทศไทย (ประวัติศาสตร์) เป็นการเปลี่ยนแปลง จากบนลงมา และผู้นำสถาบันและประชาชนฯ เห็นร่วม
2) การเปลี่ยนแปลงโดยการเสียเลือดเนื้อ จนถึงการเกิดสงครามกลางเมืองฯ เป็นการเปลี่ยนแปลงโดยผู้นำรัฐบาล นักการเมืองใหม่ ที่สู้กับผู้นำนักการเมืองเก่าและกลุ่มทุนใหญ่ โดยมีคนชั้นกลาง คนชั้นล่างเข้าร่วมสนับสนุน โดยมีจุดหนักในแต่ละฝ่าย
7.จุดเปลี่ยนแปลงสังคมจะเกิดจากการสะสมของปัญหาและการรวมตัวกันของปัจจัยสำคัญที่ลงตัว และประชาชนส่วนหนึ่งพร้อมจะร่วมสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วจะทวีมากขึ้น
8.เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงใหญ่ไม่มีทางหยุดยั้ง “การเตรียมความคิดรับมือ” เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดการเตรียมความพร้อมให้สมบูรณ์ : สามารถดำเนินการได้ทันท่วงที, เมื่อโอกาสมาถึง
9.อื่นๆ
l ค.What is to be done?
1.การจัดตั้งพรรคการเมืองของประชาชน ต่างจากพรรคการเมืองเก่า ที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง กลุ่มทุน ข้าราชการ อิทธิพลท้องถิ่น และการกำหนดนโยบาย กรรมการ และหัวหน้าพรรค ผู้สมัครลงสส. รัฐมนตรีฯ มาจากเจ้าของพรรคฯ
เป็นพรรคการเมืองใหม่ ที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง โดยที่สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการกำหนดนโยบาย การตัดสินในเรื่องที่มีความสำคัญฯ และเป็นพรรคการเมือง ที่สามารถนำเสนอแนวทางนโยบายและแก้ปัญหาของสังคมได้อย่างแท้จริงฯ
2.แนวทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอนเป้าหมาย ต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง
แนวทาง
1) ยึดระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2) อาศัยพลังที่ตื่นตัวของประชามหาชนอันกว้างใหญ่ไพศาลเข้ามาร่วมกันขับเคลื่อน
3) เสริมสร้างพัฒนาคุณภาพคน ควบคู่ไปกับ การปฏิรูปโครงสร้างและระบบสังคมที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม
4) การใช้ระบบการบริหารจัดการที่ทันสมัยทันกาล ตามการพัฒนาทางเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียฯ
5) ใช้ระบบพรรคการเมือง ที่มีการตรวจสอบถ่วงดุลด้านนโยบาย-ด้านจรรยาบรรณของพรรคและรัฐบาล
6) ร่วมมือกับพลังรักชาติรักประชาธิปไตยรักชาติศาสน์กษัตริย์และประชาชน
7) สร้างแนวร่วมกับ ประชาชน นักธุรกิจ ข้าราชการ นักวิชาการ และนักการเมืองที่ดีมีคุณธรรม
8) คัดค้านระบบการเมืองทุนสามานย์ การเมืองเก่าฯ ที่หวังหวนกลับมามีอำนาจฯเพื่อเจ้าของพรรคฯ
9) พลังอัตตวินิจฉัยของปัจเจก ที่คิดสร้างสรรค์ได้ไม่มีที่สิ้นสุด จักต้องได้รับการส่งเสริมสนับสนุน
10) การประสานพลังประชาธิปไตยทั้งปัจเจก-องค์กร “ที่เป็นจริง” กับ “อุดมคติ” เป็นความจำเป็น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี