ต่อตระกูล : ประเทศหนึ่งที่ผมให้ความสนใจมากในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคือประเทศจีน นั่นเพราะเรามักได้ยินข่าวการปราบปรามและลงโทษข้าราชการทุจริตอย่างรุนแรงและ
กว้างขวาง ซึ่งแสดงถึงความเอาจริงของรัฐบาลจีนในการต่อต้านการคอร์รัปชัน แต่กระนั้นก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการจับและลงโทษคนโกงเหล่านี้เป็นเพียงการสร้างภาพหรือการควบคุมศัตรูทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ยิ่งล่าสุดเมื่อต้นเดือนนี้เอง จีนมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งใหญ่อีก เพื่อเปิดโอกาสให้สี จิ้น ผิงสามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปได้อีกโดยไม่จำกัดวาระดำรงตำแหน่ง ไม่รู้ว่าจะเป็นคุณหรือโทษต่อการต่อต้านการคอร์รัปชันในจีน เลยอยากรู้ว่า สถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตของการต่อต้านคอร์รัปชันในจีนเป็นอย่างไรบ้าง
ต่อภัสสร์ : พอดีผมได้มีโอกาสไปอ่านประเด็นนี้ในบทความเรื่อง “ทำไมการแก้รัฐธรรมนูญจีนจึงสำคัญ” ของอาจารย์อาร์ม ตั้งนิรันดร ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ จึงได้ทราบว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญของจีนในครั้งนี้ นอกจากจะมีการปรับแก้ระยะการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ยังมีการแก้ไขเนื้อหาสำคัญอีกหลายเรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเพิ่มความเข้มข้นในการต่อต้านคอร์รัปชันด้วยการจัดตั้งองค์กรปราบปรามคอร์รัปชันที่มีอำนาจสูงมาก สามารถตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐได้ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแต่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเดิม
เมื่ออ่านจบแล้ว ผมก็อดตื่นเต้นอยากรู้เพิ่มเติมเพื่อมาคุยกับพ่อและเล่าต่อให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมาก จึงได้ติดต่ออาจารย์อาร์ม ขอให้ช่วยเล่าเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรนี้และสถานการณ์การต่อต้านการคอร์รัปชันในจีน เพื่อนำมาศึกษาเป็นบทเรียนสำหรับประเทศไทยต่อไป ซึ่งอาจารย์อาร์มก็กรุณาเขียนตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ผมจึงขอนำจดหมายที่อาจารย์อาร์มเขียนตอบเราสองคนมาให้ผู้อ่านได้พิจารณากันนะครับ
...............................................
เรียน รศ.ดร.ต่อตระกูล และ อ.ดร.ต่อภัสสร์
ขอบคุณที่ติดต่อมาและถามคำถามที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับสถานการณ์การต่อต้านการคอร์รัปชันในจีนและส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของจีนในครั้งนี้นะครับ ผมขอตอบคำถามโดยสังเขปตามนี้ครับ
ในการประชุมใหญ่สภาประชาชนจีน ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มเติมบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรใหม่ คือองค์กรปราบคอร์รัปชันโดยมีสถานะเทียบเท่ากับ ครม. ศาล และอัยการ เลยทีเดียว และยังมีการออกกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปราบคอร์รัปชัน เพื่อกำหนดรายละเอียดการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรดังกล่าวด้วย
การปราบคอร์รัปชัน นับเป็นนโยบายสำคัญของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง และเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ทำให้สี จิ้น ผิงได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอย่างมาก ภายในช่วงเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งได้ดำเนินนโยบายการปราบคอร์รัปชันอย่างจริงจัง ได้มีการลงโทษทางวินัยเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนมากกว่า 1 ล้านคน และมีการลงโทษผู้นำในระดับสูงทั้งในส่วนกลางและมณฑลต่างๆ มากกว่า 400 คน
สี จิ้น ผิง ได้ตั้งเป้าหมายการปราบคอร์รัปชันในระยะยาวแบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกคือ ทำให้คนกลัวการปราบปรามจนไม่กล้าคอร์รัปชัน ช่วงที่สองคือ การสร้างระบบและกลไกในเชิงสถาบันเพื่อให้คนไม่สามารถคอร์รัปชันได้ และช่วงที่สามคือการทำให้เกิดจิตสำนึกจนไม่คิดจะคอร์รัปชัน ตอนนี้สี จิ้น ผิง ได้ดำเนินการในช่วงแรกไปแล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงที่สองคือ การพยายามสร้างระบบและกลไกเชิงสถาบันในการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชัน
มีเสียงวิจารณ์ว่า เป้าหมายซ่อนเร้นอย่างหนึ่งของการปราบคอร์รัปชันของสี จิ้น ผิง ก็เพื่อเป็นเครื่องมือปราบและควบคุมศัตรูทางการเมือง แต่คนจีนโดยทั่วไปก็สัมผัสได้จริงถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในอดีต ถ้าไม่ใส่ซองจ่ายใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่ก็จะไม่ได้รับบริการ แต่ในปัจจุบัน นอกจากเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่กล้ารับซองแล้ว ยังตั้งใจบริการประชาชนอย่างดีอีกด้วย นอกจากนั้น พวกคนที่โกงหรือรวยผิดปกติ ก็ถูกจับติดคุกมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย
ก่อนหน้านี้ การปราบปรามคอร์รัปชันครั้งมโหฬารของสี จิ้น ผิง ใช้กลไกหน่วยวินัยพรรคเป็นหลัก แต่องค์กรใหม่จะมีอำนาจตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งหมด ไม่ใช่แต่เฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้น นอกจากนั้น องค์กรนี้จะมีหน่วยงานสาขาดำเนินการตรวจสอบและปราบปรามคอร์รัปชันอยู่ในทุกระดับ ตั้งแต่ส่วนกลาง ระดับมณฑล ลงไปจนถึงระดับท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม Amnesty International ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลเกี่ยวกับอำนาจมหาศาลขององค์กรดังกล่าว และปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะการละเมิดสิทธิของผู้ต้องหาก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองระหว่างการรักษาสมดุลระหว่างการปราบคอร์รัปชันให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพ กับการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาในกระบวนการยุติธรรม และหลีกเลี่ยงการใช้การปราบคอร์รัปชันเป็นข้ออ้างในการเล่นงานศัตรูทางการเมือง
อาร์ม ตั้งนิรันดร
23 มีนาคม 2561
……………………
ต่อตระกูล : ผมและต่อภัสสร์ขอขอบคุณอาจารย์อาร์ม ตั้งนิรันดร อย่างมากสำหรับข้อมูลและการวิเคราะห์นี้ครับ ข้อสังเกตหนึ่งที่น่าสนใจคือเป้าหมายการปราบคอร์รัปชันในระยะยาวของจีน ที่แสดงให้เห็นว่าถึงแม้ว่าจีนจะให้ความสำคัญกับการมีผู้นำที่มีความจริงใจและจริงจังกับการต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อสร้างความหวาดกลัวต่อการคอร์รัปชันมากเพียงใด ก็เข้าใจว่าความจริงใจและจริงจังนี้อาจไม่ยั่งยืนเสมอไป จึงจำเป็นต้องสร้างระบบและกลไกในเชิงสถาบันในระยะที่สอง และผลักดันให้เกิดจิตสำนึกจนคนไม่คิดจะคอร์รัปชันในขั้นสุดท้าย
ซึ่งข้อสังเกตนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญมากสำหรับประเทศไทย ที่คนจำนวนมากชื่นชอบดราม่าการปราบปรามอย่างรุนแรง สามามารถเอาผิดคนโกงเป็นรายๆ ได้ แต่กระบวนการมักจบเพียงแค่นั้น ไม่ผลักดันไปจนถึงการสร้างระบบและกลไกที่เข้มแข็งเพื่อป้องกันอย่างยั่งยืน
การสร้างระบบและกลไกที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และยั่งยืนนี้เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่จะต้องไปช่วยกันคิดช่วยกันออกแบบโดยใช้วิทยาการและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเผยข้อมูลเพื่อความโปร่งใสและพื้นที่สร้างความมีส่วนร่วมจากประชาชนอย่างกว้างขวาง และผลักดันให้เกิดขึ้นในสังคมไทยต่อไปให้ครับ
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี