หมา (แมว) จรจัดจำนวนมากมายในสังคมไทย มาจากไหน ทำไมยิ่งนับวันก็ยิ่งทวีจำนวนมากขึ้น เมื่อหมา (แมว) จรจัดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกๆ วัน จะก่อให้เกิดปัญหาสังคมอย่างไรตามมา
คุณมีส่วนช่วยเหลือหมา (แมว) จรจัด และแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่ และหากจะช่วย จะช่วยได้ด้วยวิธีการอย่างไร
จากสถิติของกรมปศุสัตว์ในแบบสำรวจสรุปจำนวนสุนัขและแมว โครงการรณรงค์ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ปี พ.ศ. 2559 ระบุว่า ประเทศไทยมีสุนัขทั้งหมด 7,380,810 ตัว แบ่งเป็น สุนัขเพศผู้มีเจ้าของ 3,625,733 ตัว เพศเมียมีเจ้าของ 2,996,631 ตัว เพศผู้ไม่มีเจ้าของ 350,170 ตัว เพศเมียไม่มีเจ้าของ 408,276 ตัว ส่วนแมวมีทั้งหมด 3,035,645 ตัว แบ่งเป็นแมวเพศผู้มีเจ้าของ1,293,921 ตัว เพศเมียมีเจ้าของ 1,247,088 ตัว เพศผู้ไม่มีเจ้าของ198,018 ตัว เพศเมียไม่มีเจ้าของ 276,124 ตัว
อย่างไรก็ตาม แต่คนไทยจำนวนมากก็ไม่ค่อยเชื่อถือสถิติที่ระบุในข้างต้น เนื่องจากคนจำนวนไม่น้อยที่ตอบกับผู้เขียนว่า“ไม่เคยมีใครไปสำรวจที่บ้านของเขา ทั้งๆ ที่บ้านเลี้ยงหมาไว้ถึง 6 ตัว”และเมื่อสอบถามจากพระภิกษุจากวัดหลายแห่งก็ได้รับคำตอบว่า “ไม่เคยเห็นว่ามีใครไปสำรวจที่วัด ทั้งๆ ที่วัดมีหมานับร้อยตัว”
ในฐานะที่ผู้เขียนสวมหมวกอีกใบหนึ่งคือการเป็นผู้สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยสองสามแห่ง (แต่ขอไม่เรียกตัวเองว่าอาจารย์ เพราะมีความเห็นว่ายุคนี้มีอาจารย์เกลื่อนเมืองมาก)ผู้เขียนได้พบข้อเท็จจริงว่า นักศึกษาจำนวนไม่น้อยในแต่ละชั้นเรียนต่างก็เลี้ยงสัตว์เลี้ยงชนิดต่างๆ นานา อาทิ หมา แมว นก หนู งู เต่า กระรอก อีกัวน่า เป็นต้น
ผู้เขียนเคยถามนักศึกษาว่า เลี้ยงสัตว์ได้อย่างไร ในเมื่อคุณพักอยู่ในคอนโดมิเนียม หรือหอพัก ซึ่งเขาไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ คำตอบคือ “ก็แอบเลี้ยงสิคะ ถ้าเขารู้ก็เอาไปไว้ที่อื่นก่อน แล้วค่อยแอบเอาเขาไปใหม่”
เมื่อถามต่อไปว่า แล้วเวลาสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นโตขึ้น ตัวใหญ่ขึ้นคุณทำอย่างไรกับพวกเขา คำตอบก็มีหลากหลายมาก อาทิ เอาไปปล่อยตามป่า เอาไปให้ญาติที่บ้านเลี้ยงดูต่อ เอาไปขายต่อ เอาไปทิ้งหรือบางคนก็บอกว่าจะเลี้ยงไปเรื่อยๆ จนกว่าสัตว์เลี้ยงจะตาย
ผู้เขียนถามต่อไปว่า คุณเคยพาเขาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆหรือไม่เป็นประจำตามช่วงเวลานัดของสัตวแพทย์หรือไม่ หรือพาเขาไปหาสัตวแพทย์ในเวลาที่เขาเจ็บป่วยหรือไม่ คำตอบก็มีหลากหลายเช่นกัน คือ เขาไม่เคยป่วย ส่วนบางคนก็ตอบว่า พาไปพบสัตวแพทย์ในเวลาที่เขาป่วย
นี่คือตัวอย่างของข้อเท็จจริงที่ผู้เขียนประสบด้วยตัวเองในฐานะคนสอนหนังสือ
จากตัวอย่างที่เล่าให้คุณฟังนี้ คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับคำตอบของคนที่สังคมไทยเรียกพวกเขาว่านิสิตนักศึกษา (ขออนุญาตไม่เรียกว่าปัญญาชน เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นปัญญาชนจริงแท้แค่ไหน)
ขอตัดไปที่ภาพน่าสะเทือนใจอีกภาพหนึ่ง คือภาพสุนัขพันธุ์ต่างประเทศทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ ซึ่งถูกนำไปทิ้งไว้ตามริมถนนหรือในชุมชน แล้วหมาหรือสุนัขที่เคยถูกเลี้ยงดู ถูกประคบประหงมเป็นอย่างดีเมื่อเวลาที่เขาเป็นลูกหมาที่แสนน่ารัก แต่ทว่าในยามนี้เขากลับกลายเป็นหมาข้างถนนไปเสียแล้ว
คุณลองคิดดูนะครับ หมาที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับคน เคยกินนอนอยู่กับคน เคยถูกคนกอดรัดฟัดเหวี่ยง แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับถูกทิ้งไว้ริมถนน
คุณลองคิดนะครับ เขาจะอยู่ได้อย่างไร เขาจะหากินเป็นหรือเขาจะเอาตัวรอดอย่างไรเมื่อถูกหมาเจ้าถิ่นรุมไล่กัด หรือเขาจะรู้หรือไม่ว่าเขากำลังเดินอยู่บนถนนที่มีเต็มไปด้วยรถยนต์ และจักรยานยนต์ และเมื่อเขาหิว เขาก็เข้าไปคุ้ยขยะเพื่อหากิน หรือเดินเข้าไปในร้านขายอาหารริมถนน แต่ถ้าหากเขาไปเจอคนที่พอจะมีเมตตากับเขาบ้าง เขาก็คงได้อะไรกินพอประทังหิวไปได้สักมื้อหนึ่งแต่ถ้าหากเขาไปเจอกับคนที่ไม่รักหมา รังเกียจหมา แล้วมองว่าหมาสกปรกเป็นตัวนำเชื้อโรคมาสู่คน แล้วคนผู้นั้นก็เอาน้ำร้อนที่กำลังเดือดๆ สาดใส่เขา หรือใช้ไม้หรือเหล็กตีเขา คุณคงนึกภาพที่แสนโหดร้ายออกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับหมาที่เคยน่ารักมาก่อน
นี่คือคำอธิบายเบื้องต้นว่า ทำไมสังคมไทยจึงเต็มไปด้วยหมาบาดเจ็บ หมาพิการ หมาเป็นแผลเหวอะหวะ หมาป่วยเป็นโรคร้ายต่างๆ
เช่น โรคมะเร็ง โรคเนื้องอก โรคเรื้อ และแม้กระทั่งหมาแก่ที่ตาบอด หรือหมาเจ็บป่วยด้วยสารพัดโรค แถมบนร่างกายก็ยังเต็มไปด้วยเห็บและหมัด
ขอย้อนกลับไปถามอีกทีว่า หมาและแมวจรจัดในสังคมไทยมาจากไหน แล้วโปรดอย่าลืมว่า หมาแมวจรจัดเหล่านี้ ยามเมื่อถึงเวลาฤดูผสมพันธุ์ เขาก็ต้องผสมพันธุ์กันตามธรรมชาติ เมื่อผสมพันธุ์แล้ว เขาก็ต้องแพร่ขยายลูกออกมา ดังนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจว่าทำไมในสังคมไทยจึงมีลูกหมาลูกแมวจรจรมากมายเต็มไปหมด หากจะอ้างอิงจากงานวิจัยของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในเรื่องเกี่ยวกับหมาจรจัดก็จะพบว่า ในกรุงเทพฯ จะมีลูกหมาจรจัดเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติในแต่ละปีประมาณร้อยละ 10 ของจำนวนหมาจรจรทั้งหมด (http://digi.library.tu.ac.th/thesis/ra/0172/09CHAPTER_1.pdf)
ขอกระโดดข้ามไปพูดถึงปัญหาเรื่องหมาบ้าที่กำลังทำให้คนไทยผู้ไร้สติบางกลุ่มเกิดอาการเสียจริตจนถึงกับตระเวนออกวางยาเบื่อเพื่อฆ่าหมาจรจัดให้ล้มตายเป็นฝูงๆ ดังปรากฏเป็นข่าวเป็นระยะๆ คนที่วางยาเบื่อหมาคงจะอ้างว่าจำเป็นต้องทำเช่นนี้ เพื่อป้องกันมิให้หมาบ้ากัดคน ในขณะเดียวกันก็มีแนวคิดจากคนที่น่าจะสติไม่สมประกอบจนเข้าขั้นเสียสติเพราะขาดเมตตาธรรม โดยคนกลุ่มนี้ออกมาประกาศว่าต้อง Set Zero กับหมาจรจัดทั้งประเทศ(Set Zero กับหมาจรจัดก็หมายถึงฆ่าหมาจรจัดให้หมดประเทศ) เพื่อป้องกันโรคหมาบ้าในอนาคต
ผู้เขียนขออนุญาตประณามและสาบแช่งคนที่มีความคิดเลวทรามต่ำช้าเช่นนั้น ไม่ว่าคนคิดจะเป็นประชาชนทั่วไป หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐหน่วยใดๆ ก็ตาม และขอยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องฆ่าหมาเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หรือป้องกันหมาบ้ากระจายเต็มเมือง แต่วิธีการที่ดีที่สุดก็คือทำหมันหมาแมวจรจัด และฉีดวัคซีนป้องกันโรคกลัวน้ำให้กับพวกเขา แล้วทางการก็จำเป็นจะต้องออกมาตรการขึ้นทะเบียนผู้เลี้ยงหมาแมวและสัตว์เลี้ยงทุกชนิดโดยด่วน แต่ไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีคนเลี้ยง หากเขาไม่ได้เลี้ยงเพื่อการค้าพาณิชย์ แต่ที่สำคัญและเร่งด่วนยิ่งกว่าคือ หน่วยงานภาครัฐจำเป็นจะต้องเร่งรัดเข้าไปช่วยเหลือประชาชนทุกคนที่เขารับหน้าที่รับภาระเลี้ยงดูหมาแมวจรจัด ซึ่งบางรายรับเลี้ยงดูหมาแมวจรจัดหลายร้อยชีวิต หน่วยงานภาครัฐต้องเข้าไปจัดการทำหมันหมาแมวเหล่านั้นโดยทันที และต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ให้กับสัตว์ทุกตัวเป็นการด่วน และภาครัฐควรจะต้องขอบคุณประชาชนที่ช่วยรับภาระดูแลสัตว์ที่ถูกทอดทิ้งเหล่านั้นด้วย
เท่าที่พูดมาทั้งหมดในข้างต้นนี้ ผู้เขียนบอกตรงๆ ว่าไม่เคยศรัทธากับคนที่รักสัตว์เฉพาะในยามที่สัตว์น่ารัก แล้วทอดทิ้งสัตว์เมื่อเขาเติบโตขึ้น แล้วก็ไม่เคยมีศรัทธาแม้แต่น้อยกับหน่วยงานของรัฐที่อ้างว่าทำหน้าที่ดูแลสวัสดิภาพของสัตว์ เพราะไม่เคยปรากฏว่าหน่วยงานดังกล่าวเหล่านั้นจะทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ หากหน่วยงานดังกล่าวของรัฐทำหน้าที่ได้อย่างเข้มแข็งและจริงจังแล้ว ปัญหาสัตว์จรจัดเต็มเมืองไทยจะต้องไม่เกิดขึ้นเป็นอันขาด
ผู้เขียนขอเชิญชวนให้คุณทุกคนร่วมกันให้ความช่วยเหลือสัตว์จรจัดด้วยการนำเขาไปทำหมัน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ และขอบอกคุณๆ ว่า หมาแมวจรจัดเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกับคุณทุกคน เขาต้องการความรักจากคุณ โปรดอย่ารังเกียจ อย่าทำร้ายเขา หากไม่รักเขา ก็โปรดอย่ารังแกเขา
ผู้เขียนขอเชิญชวนคุณเขาร่วมกลุ่มจิตอาสาทำหมันหมาแมวจรจรกับหนังสือพิมพ์แนวหน้า และคณาจารย์กลุ่มหนึ่งจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เราร่วมทำโครงการนี้มาแล้ว 5 ปี หากคุณสนใจเข้าร่วมโครงการโปรดติดต่ออีเมล luangpee@hotmail.com หรือติดตามรายละเอียดโครงการได้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า หรือเว็บเพจ สัตวแพทย์ติดปีก
ขอยืนยันว่า เราทุกคนสามารถแก้ปัญหาสัตว์จรจัดล้นเมืองได้ด้วยความรักและความเมตตาต่อสรรพสัตว์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี