วันที่ 6 เมษายน เป็นวันจักรี
เป็นวันตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี
ถ้าจะนับตั้งแต่วันเริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2325 จนถึงปัจจุบันแล้ว ปัจจุบันกรุงรัตนโกสินทร์มีอายุได้ 236 ปี
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเป็นองค์พระปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทรงย้ายเมืองหลวงจากกรุงธนบุรีมาตั้งที่กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยเหตุผลว่ากรุงธนบุรีไม่เหมาะแก่การเป็นราชธานี เพราะมีลักษณะเดียวกันกับเมืองพิษณุโลก ซึ่งเรียกว่าเมืองสองแคว หรือเมืองอกแตก เพราะมีแม่น้ำไหลผ่านตรงกลางเมือง หากเกิดสงครามขึ้นการส่งกำลังบำรุงจะกระทำได้ยากลำบากยิ่ง อย่างที่เคยประสบมาด้วยพระองค์เองในการทำสงครามที่เมืองพิษณุโลกกับพม่า
กรุงธนบุรีและกรุงเทพฯรวมเป็นเมืองเดียวกันในสมัย ร.9 ตามมติสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นสมควรรวมกรุงธนบุรีและกรุงเทพฯเข้าด้วยกัน เรียกว่า “นครหลวงกรุงเทพ-ธนบุรี” แต่ต่อมามีประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2515 เปลี่ยนชื่อเป็น “กรุงเทพมหานคร” ซึ่งเป็นชื่อเรียกของเมืองหลวงไทยมาจนกระทั่งทุกวันนี้
พระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ได้ทรงสร้างและพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าด้วยความเสียสละ และด้วยความเหน็ดเหนื่อย สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุกคน ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความสามัคคีของคนในชาติ ทรงเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องภัยอันตรายทั้งปวง คราวใดที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การเศรษฐกิจสังคม พระมหากษัตริย์จะพระราชทานแสงสว่าง สติปัญญา ชี้ทางในการแก้ไขปัญหาและนำความร่มเย็นและความสงบกลับคืนมาให้เสมอ มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วมากมาย
อย่างเช่นเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเมื่อปีพ.ศ.2516 และ พ.ศ.2535 เป็นต้น ซึ่งได้ทรงช่วยแก้ไขความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นโดย ร.9 ให้ยุติลงด้วยดี นำความสงบสุขและความเรียบร้อยให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทำให้คนไทยต้องฆ่าฟันกันเอง
แม้กระทั่งพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสต่างๆอันทรงคุณค่า ก็ได้พระราชทานแก่คนไทยมาโดยตลอด เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและแก้ไขปัญหา รวมทั้งโครงการตามพระราชดำริจำนวนมากที่พระราชทานไว้ ได้รับผลดีต่อบ้านเมืองมาจนทุกวันนี้
โดยเฉพาะพระราชดำรัสที่เตือนความทรงจำของคนไทยทุกคน ให้ตระหนักในเรื่องการปกครองบ้านเมืองว่าควรจะช่วยกันอย่างไร บ้านเมืองจึงจะดีขึ้น ดังความว่า
“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ก่อความวุ่นวายได้ ”
เป็นพระบรมราโชวาทในปี พ.ศ.2512 ของในหลวง ร.9 ซึ่งในขณะนี้ก็ยังเหมาะสมกับกาลสมัยในเรื่องของการส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ อย่างเช่นทุกวันนี้
บ้านเมืองของเราขณะนี้เป็นอย่างไร ดีขึ้นหรือเลวลง เราได้คนดีมาปกครองและบริหารบ้านเมือง ซึ่งเป็นคนที่ดีจริงหรือเปล่า และเราได้ช่วยกันควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจได้จริงหรือ ยังปล่อยปละละเลยเพราะถือเป็นธุระไม่ใช่อยู่หรือ
เมืองไทยมีแต่คนคดโกงเต็มไปหมดเพราะอะไร
การบริหารบ้านเมืองยังคงแฝงไปด้วยการทุจริตคดโกงและการมีผลประโยชน์ทับซ้อนของคนมีอำนาจหน้าที่ ใครเป็นเพื่อนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องจะทำผิดหรือมีความไม่โปร่งใสในการทำงานอย่างใดก็ไม่ใส่ใจที่จะแก้ไข ซึ่งบางครั้งช่วยปกป้องให้ด้วยก็มี
สิ่งต่างๆเหล่านี้คงจะไม่เกิดขึ้นมากมายในขณะนี้ ถ้าได้ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทดังกล่าว
แม้กระทั่งการดำเนินชีวิตของประชาชนในบ้านเมืองในขณะนี้ ซึ่งมีความยากลำบากและมีความทุกข์ร้อนมากมายในชีวิตความเป็นอยู่ หากผู้บริหารปกครองที่มีอำนาจหน้าที่อยู่ในขณะนี้ จะได้ตระหนักถึงแนวทางในเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่ทรงให้ไว้ ไม่หลงไปในทิศทางของคนไม่ดีที่นำมาร่วมงาน ใช้วิธีการแบบการตลาดมาครอบงำอย่างในขณะนี้ ผู้คนในบ้านเมืองโดยเฉพาะในระดับล่าง ระดับกลาง ก็คงจะไม่ลำบาก แบกรับหนี้สินเป็นดินพอกหางหมูอย่างในทุกวันนี้
ถ้าฐานรากของบ้านเมืองยังบริหารปกครองกันอยู่อย่างนี้ ความยั่งยืนและเจริญเติบโตของผู้คนในบ้านเมืองก็ต้องเลิกพูดถึง
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9ก็ได้พระราชทานแนวทาง รวมทั้งเปิดให้มีการฝึกหัดอบรมชาวบ้านที่ยากจนในชนบท ให้สามารถประกอบการหารายได้ในการผลิตสินค้าท้องถิ่นในหลายๆโครงการเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “ศูนย์ศิลปาชีพ”
สถาบันพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี มั่นคงแข็งแรงมาถึงทุกวันนี้ ได้ให้ความมีชีวิตจิตใจในการดำเนินชีวิตของประชาชนคนไทยทุกคน รวมทั้งผู้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอย่างประมาณค่ามิได้ สมควรที่เราทั้งหลายจะได้ประพฤติปฏิบัติตามแนวทางที่ทรงแนะนำและวางไว้ โดยเฉพาะคนมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารปกครองบ้านเมือง เพื่อความเป็นปึกแผ่นมั่นคงในส่วนรวมต่อไป
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี