นักรบ...คือ ผู้ชำนาญในการรบ ทหาร ก็คือ นักรบ นั่นหมายถึงนักรบที่เสียสละทุกอย่างเพื่อรักษาแผ่นดินนี้ไว้นับแต่อดีตมาแต่บนแผ่นดินนี้ยังมี
นักรบ อีกประเภทหนึ่งที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคและผองภัย ด้วยจิตใจที่บ่มเพาะมาเยี่ยง ทหาร เพียงแต่ปราศจากอาวุธในมือ มีเพียง หัวใจที่มุ่งมั่น ที่จะขจัดความทุกข์และสร้างสุข ให้แก่พี่น้องประชาชนทั้งแผ่นดิน ..เขาเหล่านั้น คือ นักรบสีน้ำเงิน
หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาหรือนทพ. มีชุดปฏิบัติงานที่เป็นเอกลักษณ์ของหน่วย คือ “ชุดพัฒนา” เป็นชุดสีน้ำเงิน อันเป็นที่มาของ “นักรบสีน้ำเงิน” ชุดนี้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับการก่อตั้งหน่วย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม อยู่ในรูปลักษณ์ที่ไม่สร้างความแตกแยก ระหว่าง ทหาร กับ ประชาชน ทำให้รู้สึกว่าทหารเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับประชาชน
ในอดีตกองอำนวยการกลางรักษาความปลอดภัยแห่งชาติเดิมตั้งอยู่ที่สนามเสือป่า ต่อมา ในปี พ.ศ.๒๕๔๐ ได้เปลี่ยนนามหน่วยเป็น หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาในปัจจุบันเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์สภาพแวดล้อมซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติการ ระดับหน่วยบัญชาการอันเป็นเครื่องมือหลักของกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม และรัฐบาล มีภารกิจหลักก็คือพัฒนาประเทศ ในด้านของความมั่นคง ช่วยรัฐในการพัฒนาความมั่นคงของชาติ เป็นเครื่องมือให้รัฐ ที่ชัดเจนคือ ป้องกันและแก้ปัญหาภัยพิบัติ และช่วยเหลือประชาชน จะเห็นได้ว่าหน่วยมีภารกิจหลายมิติ และอีกภารกิจสุดท้ายซึ่งเป็นภารกิจที่สั้นกระชับก็คือพร้อมที่จะปฏิบัติ แก้ไขปัญหา ตามที่ได้รับมอบหมาย คือกว้างพร้อมครอบคลุมทุกด้าน
ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของอดีตผู้บังคับบัญชา แม้ว่าหน่วยเกิดตั้งแต่ปี ๒๕๐๕ จวบจนวันนี้ครบรอบ ๕๖ ปี หน่วยยังดำรงอยู่ได้และมีความสำคัญในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ความสำคัญคือ ดำรงอยู่แล้วมีคุณค่าเพราะหน่วยได้มีการพัฒนาองค์กรมาโดยลำดับ ไม่ได้หยุดอยู่กับที่
นทพ. มีหน่วยปฏิบัติที่ตั้งอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ มีสำนักงานพัฒนาภาค (สนภ.) ๑ ถึง ๕ แต่ละภาคจะมีหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่จำนวน ๖ หน่วย รวมทั้งหมด ๓๐ หน่วยปฏิบัติ พร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชน โดยมีพื้นที่รับผิดชอบ ดังนี้ สนภ.๑ ภาคกลาง, สนภ.๒ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน, สนภ.๓ ภาคเหนือ, สนภ.๔ ภาคใต้ และ สนภ.๕ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง อีกส่วนหนึ่งก็คือ สำนักงานทหารพัฒนา จะเป็นการส่งเสริมในเรื่องของการเกษตรและสหกรณ์ อาทิ การผลิตน้ำเชื้อ,ผสมเทียมโค, การปศุสัตว์ และการฝึกอาชีพ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าหน่วยมีการปฏิบัติงานหลากหลายมิติ สอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์ของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาก็คือ หนึ่ง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่ในประเด็นยุทธศาสตร์หลัก และพัฒนาศักยภาพของคน และชุมชน และพื้นที่ ให้มีศักยภาพให้เกื้อกูลต่อการผนึกกำลังป้องกันประเทศ ประชาชนต้องเข้มแข็งซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกัน เหมือนประชารัฐ คือทหารเป็นฝ่ายรัฐแล้วไปร่วมมือกับประชาชนแก้ไขปัญหาความสำคัญเร่งด่วนของชาติ โดยในปีที่ผ่านมา งานของหน่วยที่เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน คือ การช่วยสีข้าวให้แก่ชาวนาโดยหน่วยมีเครื่องฝัดข้าว มีเครื่องสีข้าว นับได้ว่า หน่วยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับประชาชนในทุกพื้นที่
สำหรับนโยบายรัฐบาลมีหลายประเด็น ซึ่งการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ชัดเจนก็คือ โครงการประชารัฐ กับ ไทยแลนด์ 4.0 และที่สำคัญมีทุกวันศุกร์คือ ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน การทำงานอย่างเป็นรูปธรรมของหน่วยสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด ในด้านการประชาสัมพันธ์ หน่วยมีสถานีวิทยุทั้งหมด ๖ สถานี กระจายอยู่ทุกภูมิภาค สิ่งที่เป็นนโยบายรัฐบาล หรือที่ออกอากาศในรายการศาสตร์พระราชาฯ ทางสถานีจะทำให้กระชับ และง่าย เป็นภาษาที่ประชาชนทั่วไปฟังแล้วเข้าใจง่ายและสามารถเข้าถึงทุกท้องถิ่นทุกภูมิภาค เช่น ภาคเหนือก็มีภาษา ๙ ชนเผ่า, ภาคใต้มีภาษามลายู, ภาษาถิ่นอีสาน, ภาษาเขมร เป็นต้น เป็นการดึงความเข้าใจสู่รากหญ้าในเรื่องของศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ปัจจุบัน นทพ. ได้จัดตั้งเครือข่ายนักพัฒนาโดยการประชาสัมพันธ์กระจายผลงานของรัฐบาล ผลงานของหน่วย และการเทิดทูนสถาบัน ลงไปยังหน่วยรอง ก็จะไปสัมพันธ์กับประชารัฐ คือภาคส่วนต่างๆ ที่มีส่วนร่วมทำงาน กระจายข้อมูล ซึ่งจะเป็นข่าวที่สร้างสรรค์เป็นข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นสิ่งนี้คือการสนองนโยบายรัฐบาล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับคำว่า “ประชารัฐ” นั้น จะต่างจาก “ประชานิยม” เนื่องจากประชารัฐมุ่งเน้นโดยที่ประชาชนเป็นจุดศูนย์กลาง คือทำแล้วเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ โดยภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน ร่วมกันทำ โดยจะแก้ปัญหาของชาติต่างๆ ขณะนี้หน่วยมีนโยบายให้ทำโครงการประชารัฐที่ไม่ได้เน้นเชิงปริมาณ แต่เน้นเชิงคุณภาพ
ส่วนเรื่องไทยแลนด์ 4.0 สิ่งที่หน่วยตอบสนองที่เป็นรูปธรรมคือเปิดหลักสูตร UAV (อากาศยานไร้คนขับ) ประโยชน์ในการที่จะทำงานคือการลาดตระเวน เช่น สถานการณ์อุทกภัยสามารถใช้ UAV ตรวจการณ์ก่อน ถ่ายภาพมุมสูงได้ ทำให้มีความสะดวกง่าย และปลอดภัยในการทำงาน เมื่อตรวจการณ์แล้วก็กลับมาวางแผนแล้ววิเคราะห์ว่า จะช่วยอย่างไร การอบรมจะนำวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถจากสถาบันชั้นนำ พร้อมกันนี้ได้มีการเปิด unit school และนำไปถ่ายทอดให้ทุกหน่วยได้มีความรู้เท่าเทียมกัน
อีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญ คืองาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ที่หน่วยได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมในครั้งนี้ อาทิ การก่อสร้างสวนแนวตั้ง ณ บริเวณพื้นที่สนามเสือป่าและการก่อสร้างต้นกัลปพฤกษ์ที่มีความสวยงาม อันได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้นหลาม
ด้วยภารกิจของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา นักรบสีน้ำเงินทุกคน จักมุ่งมั่นตามคติพจน์ที่ได้ตกผลึกกันมา “เทิดทูนสถาบัน มุ่งมั่นพัฒนา ประชารัฐมั่นคง” คือการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบัน มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของคน ชุมชน และพื้นที่ และที่สำคัญที่สุด ภาคประชาชนซึ่งเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ต้องมีการกินดี อยู่ดี มีความสุข อันจะนำมาซึ่งความมั่นคงของชาติในที่สุด
ทั้งหมดนี้เป็นบทความที่ นทพ.ส่งมาให้ผมช่วยประชาสัมพันธ์ครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี