เบื่อเรื่องการโกงไหมครับ!?
ผมคนนึงเบื่อมาก แต่คนไทยเราจะเบื่อไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งเบื่อ ยิ่งชินชา ก็ยิ่งจะเป็นการทำให้คนขี้โกงได้ใจและโกงต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะประเทศไทยของเราประสบกับภาวะโกงจนชาติจะล่มจมจากจำนำข้าว ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่โกงจากเม็ดเงินงบประมาณแผ่นดินสูงถึง 9 แสนล้านบาทที่ซุกไว้ในหลายส่วน คิดเป็นเกือบครึ่งของงบประมาณที่ประเทศใช้ในแต่ละปี!
นอกจากจำนำข้าวก็ยังมีการทุจริตทั้งทางตรงและทางนโยบายอีกมากมายที่ทำให้ อดีตรัฐมนตรีเพื่อไทย ต้องคำพิพากษาไปตามๆ กัน ทั้งใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งบกพร่องโดยทุจริต และต้องอย่าลืมว่า ณ ตอนนี้ก็มีอดีตรัฐมนตรีเพื่อไทย 2 คนอยู่ในคุก! หากจะย้อนไปอีกก็มี อดีตรัฐมนตรีจากไทยรักไทยที่ต้องคำพิพากษาแต่หนีคุกอยู่ รวมไปถึง อดีตนายกฯ สองคนที่เร่ร่อนหาทางกลับบ้านเกิดไม่เจอและนี่ไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสีแต่เป็นการจำนนด้วยหลักฐานจากคำพิพากษาของศาลที่เปิดโอกาสให้จำเลยได้สู้จนถึงที่สุดแล้วทั้งสิ้น
นอกเหนือจากการโกงของรัฐบาลในอดีต ซึ่งเป็นการโกงของฝ่ายบริหารแล้ว ในยุคนี้ก็มีการโกงหนักหน่วงมากในส่วนของฝ่ายปฏิบัติการหรือข้าราชการเช่นกัน แต่รัฐบาลปัจจุบัน มีข้าราชการเป็นมือไม้ทำงาน จึงไม่ฟันอย่างเด็ดขาดเท่าใดนัก ฟันก็เฉพาะแต่คนที่หนักหนาจริงๆ ซึ่ง... ไม่เพียงพอ!
รัฐบาลจีนโกงน้อยโกงเยอะ ไล่ออกไปจนถึงประหารชีวิต ของเราในตอนนี้ลูบหน้าปะจมูกแค่ “โยกย้าย” มันถึงได้แสดงผลออกมาว่า ไม่จริงจังกับการปราบโกงอย่างที่พูดยังไงล่ะครับ!
ตอนนี้เข้าสู่โหมดการเรียกร้องจากประชาชนทั่วประเทศให้ปฏิรูประบบราชการก่อนใคร ให้ทำ Regulatory กิโยตินผ่าตัดกฎหมายล้าสมัยไร้ประสิทธิภาพที่เปิดช่องให้ราชการโกงง่าย ทำงานไม่เก่งไม่เป็นไรเลียนายเก่งๆ พอ แบบนี้ควรหมดไป
เราไล่เลียงพาดหัวข่าวใหญ่ในประเทศตั้งแต่ต้นปีโกงวงการศึกษา กองทุนเสมาฯ โกงเด็กยากจน โกงวัคซีนหมา โกงยา ไปจนถึงโกงเงินกันเอง เบื่อไม่ได้ครับ
ว่ากันเรื่องการโกงยาวมาจนถึงตอนนี้ อยากจะชวนไปอ่าน งานๆ หนึ่งโดยคุณบรรยง พงษ์พานิชที่ว่าด้วยเรื่องการคอร์รัปชั่น เอาไว้ครบถ้วนกระบวนความ ซึ่งท่านก็ได้เขียนไว้ในหนังสือ “หางกระดิกหมา” ตอนนี้หาซื้อยากแล้ว แต่ใครสนใจจริงๆ ก็แนะนำอย่างยิ่งครับ
ในปี 1972 เมื่อ 42 ปีก่อน ตอนที่ผมได้โอกาสไปฮ่องกงครั้งแรก ฮ่องกงได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่อุดมด้วยการโกงกิน ระดับการคอร์รัปชั่นนับได้ว่าเป็นแนวหน้าของโลกเลยทีเดียว ยิ่งจีนแผ่นดินใหญ่เปลี่ยนเป็นคอมมิวนิสต์แทบไม่เหลืออะไรให้โกงกินได้ ศัพท์แสงลือชื่อทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการโกง เช่น จิ้มก้อง แป๊ะเจี๊ยะ ฮั้ว หยำฉ่า ค่าต๋ง ฯลฯ แทบจะย้ายมาแพร่ขยายพันธุ์ในฮ่องกงแทบทั้งหมด
มาบัดนี้ ในปี 2014 ...หลังจากมีการตื่นตัวของประชาชน ทางการต้องรับลูกไปปฏิบัติ ผ่านการรณรงค์ต่อเนื่องกว่ายี่สิบปี Hong Kong ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สะอาดเมืองหนึ่ง ถูกจัดให้อยู่ในอันดับสิบห้าของโลกในด้านปลอดคอร์รัปชั่น(จาก 177 ประเทศ) เหนือกว่า ญี่ปุ่น และ สหรัฐฯ Corruption Perception Index สูงถึง 75/100 ขณะที่ประเทศไทยที่รักยิ่งของเราได้คะแนน 35 อยู่อันดับ 102 (โดนพี่แขกอินเดียแซงไปแล้วเมื่อปีกลาย จีนของคุณสี จิ้น ผิง ก็ได้ตั้ง 39 อยู่อันดับ 80 ดีกว่าเราเยอะ)
การสร้างความตื่นตัวต่อเนื่องให้กับสังคม เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด เป็นพลังที่ยั่งยืนที่จำเป็นต้องมีถ้าจะหวังลด “การโกง” ให้ได้ผล
“หางกระดิกหมา” ขอนำเสนอมาตรการด้านนี้ที่ UNODC รวบรวมไว้สำหรับก้าวย่างแรกๆ ที่สำคัญครับ....รณรงค์ด้วยของจริง “หางกระดิกหมา”
ก่อนจะพูดถึงเรื่องอื่นๆ ขอส่งข่าวก่อนว่าบัดนี้ คอลัมน์โกงกินสิ้นชาตินี้ได้พิมพ์รวมเล่มแล้ว เป็นหนังสือชื่อ “หางกระดิกหมา” โดยสำนักพิมพ์ Openworlds ผู้สนใจสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป
อ่านทวนหนังสือ “หางกระดิกหมา” ดูอีกทีแล้วก็พบว่าควรจะต้องเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องมาตรการสร้างความตื่นตัวเรื่องคอร์รัปชั่นอีกสักหน่อย เพราะดูจะเป็นเรื่องที่องค์กร และหน่วยงานทั้งหลายสนใจหยิบยกมาทำกันมาก แต่ในเล่มยังไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดถึง
อันที่จริงแล้ว การสร้างความตื่นตัวเรื่องคอร์รัปชั่นนั้น ออกจะเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน โดยเขาถือกันว่า แม้มาตรการในเรื่องนี้ไม่ใช่มาตรการที่ฟันตรงไปที่ตัวปัญหาเสียทีเดียว อย่างเช่นการให้นักการเมืองเปิดเผยทรัพย์สิน หรือการให้รัฐวิสาหกิจเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ก็เป็นมาตรการโดยปริยายที่ถ้าทำให้ถูก ก็จะช่วยสนับสนุนภารกิจต่อต้านคอร์รัปชั่นในภาพรวมได้มาก กล่าวคือ
หนึ่ง ถ้าคนตื่นตัวเรื่องคอร์รัปชั่นแล้ว การต่อต้านในเรื่องนี้ก็จะมีมากขึ้น ซึ่งย่อมทำให้ใครที่คิดจะคอร์รัปชั่น ต้องคิดหนักขึ้นตามส่วน
สอง ถ้าคนตื่นตัวเรื่องคอร์รัปชั่นแล้ว มาตรการต่อต้านคอร์รัปชั่นต่างๆ ที่จะวางลงไป ก็มักได้ผลดียิ่งกว่าปกติ เพราะการใช้อิทธิพลแทรกแซงให้ผิดไปจากหลักเกณฑ์ก็จะมีได้ยากขึ้น หรือเมื่อมีการแทรกแซงขึ้นมา คนก็จะพร้อมเอาเรื่องมากกว่าปกติ ทำให้การสอบสวนและลงโทษดำเนินไปได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม การจะรณรงค์สร้างความตื่นตัวให้ได้ผลอย่างที่ว่ามานี้ ไม่อาจจะสำเร็จได้ด้วยการปลูกจิตสำนึกให้คนรักดี เกลียดชั่ว หรือสักแต่บริกรรมว่า “ไม่เอาโกงๆ” อย่างที่เห็นๆ กันอยู่เท่านั้น หากแต่ต้องทำโดยการสื่อสารองค์ความรู้เกี่ยวกับคอร์รัปชั่นไปให้แก่ผู้คนอย่างครบถ้วน โดย United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC) ได้กำหนดเนื้อหาที่สมควรรณรงค์หรือสื่อสารไว้ ดังนี้
1 - ลักษณะหรือคำจำกัดความของคอร์รัปชั่น
เนื่องจากทุกวันนี้ มีตำราหลายเล่มเกี่ยวกับคอร์รัปชั่น และแต่ละเล่มก็ให้ความหมายของคอร์รัปชั่นแคบกว้างต่างกันไป กินความถึงสารพัดพฤติกรรม เช่นการให้สินน้ำใจ การเรียกสินบน การใช้คอนเนกชั่นการฮั้วประมูล การล็อกสเปก การกำหนดนโยบายเอื้อผลประโยชน์พวกพ้อง ฯลฯ ดังนั้น เพื่อประโยชน์ของการต่อต้านคอร์รัปชั่น ภายในประเทศหนึ่งๆ จึงควรจะตกลงกันให้แน่ว่าจะถือพฤติกรรมอย่างใดเป็นคอร์รัปชั่นบ้าง (เช่น การจ่ายเงินเพื่อกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ดำเนินเรื่องตามกระบวนการปกติโดยไม่แกล้งดึงเรื่องไว้นั้นจะถือเป็นคอร์รัปชั่นหรือไม่) จากนั้นก็รณรงค์ให้คนในประเทศเข้าใจตรงกัน การต่อต้านถึงจะดำเนินไปได้โดยมีฉันทามติ
2 - ผลเสียของคอร์รัปชั่น
คนจะเอาใจใส่เรื่องคอร์รัปชั่น ก็ต่อเมื่อเห็นว่ามันเป็นภัยอันตราย ดังนั้นเนื้อหาของการรณรงค์จะต้องเน้นการแสดงผลเสียของคอร์รัปชั่นให้คนแต่ละกลุ่มในสังคมรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นผลเสียโดยตรง เช่น สำหรับคนวงการธุรกิจก็ควรจะแสดงให้เห็นถึงต้นทุนเพิ่มเติมและความไม่แน่นอนของกระบวนการประมูลที่มีการคอร์รัปชั่น สำหรับคนผู้ใช้บริการสาธารณสุข ก็แสดงให้เห็นว่าบริการบางอย่าง ขาดไปพร่องไปเพราะรัฐจัดสรรงบประมาณแบบเห็นแก่คอร์รัปชั่นมากกว่าความจำเป็น ตลอดไปจนถึงผลเสียโดยรวมต่อประเทศ เช่น การทำลายศักยภาพในการแข่งขัน การทวีความรุนแรงของปัญหาความเหลื่อมล้ำ การสร้างความแตกแยกระหว่างกลุ่มคนในประเทศ ซึ่งยิ่งร้ายแรงกว่าผลเสียโดยตรงอีกเป็นหลายสิบเท่าอีกด้วย
3- มาตรฐานที่พึงคาดหวังจากภาครัฐ
ประชาชนจำเป็นจะต้องได้รู้ว่ารัฐมีหน้าที่ต้องทำอะไรให้ตนบ้าง ในมาตรฐานอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานทั่วไปที่ใช้ได้กับทุกๆหน่วยงาน หรือมาตรฐานเฉพาะของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อที่ประชาชนจะได้คอยจับตาดูได้ถูกว่าสิ่งต่างๆ ดำเนินไปอย่างที่ควรเป็นหรือไม่ ถ้าไม่ ก็จะได้เป็นจุดเริ่มให้ร้องเรียนเอาเรื่องได้ต่อไป
4- ข้อมูลเกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชั่น
หากจะให้คนสนับสนุนมาตรการต่อต้านคอร์รัปชั่นต่างๆ ก็จำเป็นที่จะต้องมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการนั้นๆ เสียให้ครบ เริ่มตั้งแต่มาตรการต่อต้านคอร์รัปชั่นที่ว่านั้นคืออะไร หวังผลอย่างไร ทำไมจึงควรสนับสนุนมาตรการนั้น และถ้าจะสนับสนุน จะสนับสนุนได้อย่างไร รวมทั้งให้ความมั่นใจด้วยว่ามีมาตรการที่ปกป้องผู้ที่ช่วยสนับสนุนมาตรการจากผลร้ายอย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม UNODC เตือนไว้ว่าเรื่องที่ยากและใช้สตางค์มากที่สุดในงานต้านคอร์รัปชั่นก็คือเรื่องการสร้างความตื่นตัวนี่แหละ เพราะต้องใช้สื่อแทบทุกชนิดที่เป็นไปได้ และก็ต้องทำไปช้านานกว่าคนจะเปลี่ยนทัศนคติจากการยอมรับคอร์รัปชั่น มาเป็นไม่ยอม และจากไม่ยอมเฉยๆ มาเป็นไม่ยอมและร่วมลงมือแก้ไขได้
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือการรณรงค์ของคณะกรรมการอิสระเพื่อการต่อต้านคอร์รัปชั่น (Independent Commission Against Corruption: ICAC) ของฮ่องกง ซึ่งมีผลงานพลิกแผ่นดินเปลี่ยนคนฮ่องกงจากที่เคยเห็นคอร์รัปชั่นเป็นของจำเป็นในชีวิตให้กลายมาเป็นคนที่ไม่ยอมรับคอร์รัปชั่นเลยได้ เพราะกว่าจะสำเร็จ ปีหนึ่งๆ ICAC ต้องจัดเวิร์กช็อปเพื่อให้การศึกษากับภาคส่วนต่างๆ เกี่ยวกับคอร์รัปชั่นเป็นหลายๆ พันครั้ง ยังไม่ต้องพูดถึงการสื่อสารมวลชนทางอื่นๆ อย่างเช่นหนังสือพิมพ์ วิทยุ โฆษณา อินเตอร์เนต หรือแม้แต่รายการละครโทรทัศน์ (ซึ่งทำจากคดีคอร์รัปชั่นซึ่งเกิดขึ้นจริง และแม้ปัจจุบันยังถือเป็นหนึ่งในรายการโทรทัศน์ที่คนนิยมสูงสุดของฮ่องกง) โดยบัดนี้ แม้เวลาจะผ่านมาร่วม 40 ปี และสถานการณ์คอร์รัปชั่นของฮ่องกงจะอยู่ในระดับดีมากมานานแล้ว แต่ ICAC ก็ยังคงต้องทำหน้าที่นี้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำอีกทีว่าความสำเร็จของ ICAC ไม่ได้มาจากการโหมรณรงค์อย่างเดียว แต่มาจากการบังคับใช้กฎหมายที่ ICAC โหมทำไปพร้อมกันอย่างไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหมด้วย เพราะนี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้ละครและโฆษณาการต่อต้านคอร์รัปชั่นของ ICAC ไม่ได้เป็นเพียงละครและโฆษณา หากแต่เป็น “ของจริง” ทั้งสิ้น
ถ้าปราศจาก “ของจริง” เสียอย่างแล้ว จะรณรงค์อย่างไรมันก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี