ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ท่านทรงกล่าวไว้ “การจับผู้ร้ายนั้นไม่ถือเป็นความชอบ เป็นแต่นับว่าผู้นั้นได้กระทำการครบถ้วนแก่หน้าที่เท่านั้นแต่จะถือเป็นความชอบต่อเมื่อได้ปกครองป้องกันเหตุร้ายให้ชีวิตและทรัพย์สินของข้าแผ่นดินในท้องที่นั้นอยู่เย็นเป็นสุขพอควร ดังนั้นข้าราชการตำรวจต้องพึงระลึกไว้ว่าการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในเขตพื้นที่รับผิดชอบไม่ให้เกิดเหตุร้ายแก่ประชาชนในเขตพื้นที่ของตนเองนั่นแหละคือความสำเร็จในการทำหน้าที่ ข้าราชการตำรวจอย่างแท้จริง” “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เป็นหน่วยงานแรกเมื่อประชาชนมีปัญหาจะต้องคิดถึง “ตำรวจ” แต่ขณะนี้ระดับผู้บริหารของตำรวจกำลังแบ่งก๊กแบ่งเหล่า ฟาดฟันห้ำหั่นกันเพื่อจะเป็นเบอร์ 1 ของ สตช.
ขณะนี้ประชาชนเขากำลังสับสนกับตำแหน่งต่างๆ ภายใน สตช. เนื่องจากมีนายตำรวจบางคนพยายามเสนอแนะผลงานของตนเองตลอดเวลา แย่งชิงพื้นที่ข่าวทางหน้าจอ ทีวี เหมือนกับเป็นการฟ้องประชาชนว่าพวกเขาปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างจริงจัง ในขณะเดียวกัน หาผลประโยชน์ใส่ตัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ
.... ขณะนี้นายตำรวจบางกลุ่ม แม้กระทั่งนายตำรวจตามสถานีตำรวจหรือสถานีตำรวจภูธรทุกส่วนใหญ่มีธุรกิจสีเทาแอบแฝง เนื่องจากนายตำรวจส่วนใหญ่ที่ได้รับการแต่งตั้งมาเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจ ไม่ธรรมดามีฤทธิ์มีนายมีเส้นสายกันทั้งนั้น เมื่อมีตำรวจนอกหน่วยเข้ามาจับบ่อนการพนันหรือสถานบริการในท้องที่เหมือนกับการเล่นปาหี่หน่วยเหนือจะออกคำสั่งให้มาช่วยราชการที่ กองบัญชาการเพียง 15 วัน หรือ 20 วัน ประชาชนเขาลืมกันหมดแล้วกลับมาปฏิบัติหน้าที่กันใหม่ ไม่ได้มีการสืบสวนสอบสวนกันอย่างจริงจัง สาเหตุสำคัญคือ มีผลประโยชน์ส่งกันต่อเนื่อง จะลงโทษกันอย่างเด็ดขาดไม่ได้ อดีตนายตำรวจที่หมดบุญวาสนาไปแล้วยังสามารถยืมเงินจากนักธุรกิจสีเทาเป็นร้อยล้านยังไม่มีปัญหา นายตำรวจระดับล่าง ที่รับผลประโยชน์จากสถานบริการหรือบ่อนการพนันผู้บริหารก็หลับหูหลับตากันไป ผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทาตำรวจเขารับกันมานานแล้วจากรุ่นสู่รุ่นสืบทอดกันมา กองบัญชาการที่ตั้งอยู่ภายใน “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เจ้าของต้องมาส่งส่วยด้วยตนเองเดือนหนึ่งนับแสนบาท คิดดูในกทม.มีสถานบริการและบ่อนการพนันใหญ่หลายที่ เจ้าของสถานบริการต้องจ่ายเดือนละหนึ่งแสนบาทอย่างต่ำ ส่วนใหญ่จะหนึ่งแสนขึ้นไป ใน 1 เดือนจะได้รับกี่ล้านบาท
.... ผลประโยชน์จากเครื่องแบบมีมากมาย ทำให้ผู้บริหารใน สตช. แต่ละท่านต้องการเป็นเบอร์ 1 ของสตช. และการจ่ายค่าคุ้มครองของสถานบริการไม่ได้จ่ายเพียงตำรวจเท่านั้นต้องจ่ายทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลสถานบริการทำให้เจ้าของสถานอาบอบนวด ที่เป็นเพื่อนรักกับอดีตนายตำรวจใหญ่จึงหลบหนีได้อย่างสบายทุกหน่วยงานร่วมด้วยช่วยกันหมดถ้าขืนปล่อยให้ถูกจับรับรองได้ความลับที่ช่วยกันปกปิดจะถูกเปิดเผย ผู้ใหญ่ที่รับผลประโยชน์จะเดือดร้อนกระทบถึงตำแหน่งแน่นอน ถ้าสังเกตดูให้ดีเจ้าของบ่อนเจ้าของสถานบริการถ้าจะถึงทางตัน หนีไปอยู่ต่างประเทศทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้ามีการจับบ่อนและสถานบริการสรุปได้ทันทีว่าเป็นการเล่นปาหี่ของข้าราชการหน่วยงานที่มีส่วนได้เสียกับผลประโยชน์สีเทาเท่านั้น....สวัสดีครับ
เกลือสมุทร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี