สังคมต้องจับตาต่อไปและผลงานจะเป็นตัวพิสูจน์นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติที่ออกมาประกาศรื้อแผนปฏิรูปตำรวจของคณะกรรมการรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธานโดยจะไม่เกรงใจตำรวจเหมือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายมีชัย แสดงความมั่นใจว่าคณะกรรมการพิจารณาพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติที่ตัวเองเป็นประธานจะแก้ไขแผนปฏิรูปตำรวจชุดของ พล.อ.บุญสร้าง อย่างถึงแก่นของปัญหาอย่างแท้จริงโดยไม่เกรงใจตำรวจและจะยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลัก
ที่ผ่านมามีการตั้งข้อสังเกตว่าอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พยายามยื้อเวลาการปฏิรูปวงการสีกากีซึ่งรู้กันอยู่ว่าเต็มไปด้วยความเน่าเฟะมาช้านานเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับองค์กรตำรวจที่ไม่ต่างจากกองทัพ โดยทั้งๆที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและผ่านมา4 ปี หลังการยึดอำนาจของคสช.ซึ่งหากเอาจริงป่านนี้การปฏิรูปตำรวจคงเห็นผลเป็นรูปธรรมไปนานแล้ว แต่กลับเพิ่งมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวที่มี พล.อ.บุญสร้าง เป็นประธานเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง ซ้ำสัดส่วนคณะกรรมการที่จะมาศึกษาแนวทางการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งมีทั้งหมด 22 คนกลับเป็นตำรวจถึง 15 คน ซึ่งหากเป็นอย่างนี้ย่อมแน่นอนว่าปฏิรูปตำรวจไม่มีทางเกิดขึ้น
การปฏิรูปตำรวจนั้นถือเป็นวาระแห่งชาติที่มวลมหาประชาชนเรียกร้องให้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนและหลังคสช.ยึดอำนาจ อีกทั้งประชาชนมีความเข้าใจในปัญหาของตำรวจเป็นอย่างดีในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากตำรวจซึ่งเป็นต้นทางสำคัญของกระบวนการยุติธรรมที่มีอำนาจทั้งการจับกุม ทำสำนวนคดีเพื่อส่งฟ้อง ซึ่งที่ผ่านมาจากพฤติกรรมอันอื้อฉาวเลวร้ายของคนในวงการสีกากีมีทั้งการซื้อขายตำแหน่ง รับใช้พรรคการเมืองบางพรรค การจับแพะยัดข้อหา รีดไถรับส่วย ทำสำนวนคดีจากดำเป็นขาวจากขาวเป็นดำ หรือบางทีตำรวจเป็นโจรเสียเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความอัดอั้นตันใจของประชาชนมาช้านาน
ดังนั้นหากอำนาจรัฐคสช.จริงใจที่จะปฏิเสธตำรวจต้องรับฟังความเห็นของประชาชนและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่วมสรุปแนวทางปฏิรูปตำรวจด้วย ไม่ใช่ไปสรุปแนวทางปฏิรูปตำรวจแบบพายเรือในอ่างโดยคณะกรรมการที่ตำรวจคุมเสียงส่วนใหญ่เหมือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจและองค์กรภาคประชาชนทั่วประเทศ 102 องค์กรเคยยื่นข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจใน 8 ด้านประกอบด้วย 1.เร่งดำเนินการตามมติสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30กันยายน 2558 ที่ให้โอน 11 หน่วยงานในสังกัดองค์กรตำรวจไปให้กระทรวงทบวงกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการกระจายอำนาจและเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ2.แยกระบบงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) 3.ให้พนักงานอัยการมีอำนาจตรวจสอบควบคุมการสอบสวนคดีที่มีโทษจำคุกเกิน 5 ปี หรือคดีที่เห็นว่าจำเป็น หรือกรณีที่มีการร้องเรียนตั้งแต่เกิดเหตุเพื่อให้การรวบรวมพยานหลักฐานเป็นไปด้วยความสุจริต
4.การสอบสวนต้องทำในห้องสอบสวนที่จัดเฉพาะ มีระบบบันทึกภาพ และเสียงอัตโนมัติเป็นหลักฐานไว้ให้อัยการและศาลเรียกตรวจสอบได้เมื่อจำเป็นทุกคดี 5.ยุบกองบัญชาการตำรวจ
ทุกภาคเพื่อลดความซ้ำซ้อนและไม่จำเป็นในระบบการบังคับบัญชา 6.ปรับโครงสร้างตำรวจจังหวัดตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ก่อนหน้านี้ที่ให้ตำรวจอยู่ประจำพื้นที่จังหวัด ตรวจสอบประเมินผลโดยคณะกรรมการจังหวัดและการบังคับบัญชาของผู้ว่าราชการจังหวัด 7.กำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งและโยกย้ายตำรวจโดยพิจารณาตามอาวุโสการครองตำแหน่งเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ รวมทั้งสร้างความเป็นธรรมลดปัญหาการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง 8.การเปรียบเทียบปรับความผิดจราจรต้องกระทำโดยดุลยพินิจของศาลเพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อประชาชนและยกเลิกรางวัลค่าปรับซึ่งไม่มีเหตุผล เนื่องจากเปิดช่องให้มีการทุจริตจากการที่ผู้บังคับบัญชาตำรวจกำหนดให้ทำยอดจับเพื่อหวังเงินรางวัล
นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)และอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ เคยแสดงความเป็นห่วงว่าการปฏิรูปตำรวจส่อเค้าหมดหวังเพราะไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรตำรวจเพื่อประโยชน์ของประชาชนได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ควรรฟังความเห็นของประชาชนและผู้รู้ให้มากขึ้นเพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง
เพราะฉะนั้นคงได้แต่หวังและจับตาดูคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติที่นายมีชัยเข้ามาคุมทีมว่าจะเลิกเกรงใจตำรวจและปฏิรูปวงการสีกากีให้ใสสะอาดโดนใจมหาชนได้จริงอย่างที่คุยไว้หรือไม่ หรือจะพายเรือในอ่างเหมือนที่ผ่านๆ มา
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี