ภาพศึกเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะมีขึ้นช่วงต้นปีหน้าชัดเจนมากขึ้นทุกขณะโดยในภาพรวมจะเป็นศึกชิงอำนาจรัฐระหว่าง 2 ขั้วใหญ่ ก็คือพรรคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. เป็นนายกฯรอบสองกับขั้วอำนาจเก่าคือพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคใหญ่อันดับหนึ่งที่ดิ้นรนพยายามทำทุกวิถีทางหวังที่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
พรรคเพื่อไทยมีจุดแข็งอยู่ที่ยังสามารถรักษาฐานคะแนนเสียงหลักในภาคอีสานและภาคเหนือไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่มีจุดอ่อนสำคัญคือภาพลักษณ์ความเป็นพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬารในช่วงที่มีอำนาจเป็นรัฐบาล รวมทั้งใช้อำนาจในทางเลวร้ายจนเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติที่สร้างความบอบช้ำให้ประเทศอย่างหนักตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังเผชิญปัญหาแตกแยกในพรรคจากศึกชิงอำนาจกันเองจากปัญหาการต่อต้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มอดีตสส.กทม. ขึ้นเป็นผู้นำพรรคคนใหม่ทำให้พรรคอยู่ในภาวะไร้ผู้นำ และยิ่งหากสถานการณ์ความขัดแย้งภายในพรรคไม่สามารถรอมชอมกันได้จนถึงจุดแตกหักก็เป็นไปได้ที่กลุ่มอดีตสส.กทม.ภายใต้การนำของ คุณหญิงสุดารัตน์ อาจแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่
อีกทั้งพรรคเพื่อไทยยังมีปัญหากลุ่มอดีตสส.บางกลุ่มบางคนแยกตัวไปสังกัดพรรคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มอดีตสส.จ.นครปฐมตระกูลสะสมทรัพย์
ทางด้านพรรคคสช.เริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจเป็นพรรคพลังประชารัฐที่จดทะเบียนจัดตั้งเตรียมรอไว้แล้วโดยผู้มีบทบาทสำคัญอยู่เบื้องหลังพรรคคสช.คือ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ และผู้ที่จะเป็นแกนนำสำคัญบริหารพรรคคสช. มีข่าวว่าได้แก่สองรัฐมนตรีคนใกล้ชิดของ ดร.สมคิด คือดร.อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ที่จะรับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เป็นเลขาธิการพรรค
ดร.อุตตม ไม่ใช่มือใหม่ทางการเมือง แต่เป็นมือขวาของ ดร.สมคิด ที่ทำงานการเมืองมาตั้งแต่เมื่อครั้ง ดร.สมคิด ยังอยู่ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยก่อนแยกตัวออกมา โดย ดร.อุตตม นั้นนับเป็นมือบริหารที่ช่ำชองและผ่านงานมาหลายด้านจนถือเป็นบุคคลระดับมันสมองคนหนึ่ง
ส่วน นายสนธิรัตน์ นั้นเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและเป็นนักประสานสิบทิศที่รู้จักบุคคลในทุกวงการอย่างกว้างขวาง รวมทั้งเป็นทั้งนักการขายการตลาดที่คล่องแคล่วยืดหยุ่นจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นแม่บ้านของพรรคการเมือง
สำหรับขุมกำลังของพรรคคสช.นั้นมีรายงานข่าวว่าจะมีกลุ่มการเมืองหลายกลุ่มจากหลายพรรคมาร่วมงาน อาทิ กลุ่มบ้านริมน้ำที่มี นายสุชาติ
ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นแกนนำ นอกจากนั้นมีพรรคพลังชลของ นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล กลุ่มอดีตสส.นครปฐม ตระกูล “สะสมทรัพย์” ที่แยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทย
พรรคคสช.คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมิ.ย.นี้ แต่ที่สำคัญคือจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มานั่งเป็นที่ปรึกษาพรรค ซึ่งนั่นหมายถึง “บิ๊กตู่” จะกลายเป็นคนในของพรรคการเมืองที่มีความชอบธรรมที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงเก้าอี้นายกฯหลังการเลือกตั้งอย่างสมบูรณ์แบบ
จุดขายของพรรคคสช.ที่ชัดเจนคือชู “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯเพื่อเดินหน้าสานต่อการปฏิรูปและพัฒนาประเทศให้มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ประชาชนมีความสุขไม่กลับไปสู่วังวนวงจรอุบาทว์แบบเดิมๆ อีก
ด้านพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคใหญ่อันดับสอง และบรรดาพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้ขาดว่าฝ่ายพรรคคสช. หรือพรรคเพื่อไทยจะสามารถชิงอำนาจรัฐได้สำเร็จ
ด้านหลักของศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้าจึงเป็นศึกเดิมพันชิงอำนาจรัฐระหว่างคสช.กับพรรคระบอบทักษิณ ในภาวะที่ที่ประเทศมาถึง
ทางสองแพร่งซึ่งประชาชนทั้งประเทศจะเป็นตัวแปรสำคัญกำหนดอนาคตชะตากรรมชาติบ้านเมืองว่าจะก้าวไปข้างหน้าหรือกลับไปสู่วังวนวงจรอุบาทว์แบบเดิมๆ
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี