ช่วงก่อนสงกรานต์ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนช่วยกันปราบโกง พร้อมกับสาปแช่งว่าถ้าใครไม่ช่วยปราบโกงก็ขอให้มีอันเป็นไป ซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เป็นเรื่องแปลก เพราะเสมือนว่าบัดนี้ทั้งข้าราชการและประชาชนต้องมีหน้าที่ปราบโกงและช่วยปราบโกงไปแล้ว ใครไม่ช่วยปราบก็จะถูกคำแช่ง
ที่ต้องมาเรียกร้องให้ต้องช่วยปราบโกง ก็เพราะทุกวันนี้มีแต่ข่าวการโกงบ้านกินเมือง ทั่วทั้งบ้านทั้งเมือง จนเกิดวาทกรรมว่าโกงทั้งแผ่นดิน และเป็นทางให้พวกฉวยโอกาสกล่าวหารัฐบาล และ คสช. ว่าบริหารบ้านเมืองมา 4 ปี โดยไม่มีนักการเมืองเข้าร่วม แต่กลับไม่ปราบโกง ปล่อยให้โกงกันทั้งแผ่นดิน
ความจริงก่อนหน้านั้นก็เคยมีคำขอร้องประชาชนว่า ขอให้หยุดพูดเรื่องโกง เพราะจะทำเสียบรรยากาศการลงทุน แต่ปรากฏว่าไม่ได้ผลอะไร เพราะข่าวการโกงยังกึงก้องไปทั้งบ้านทั้งเมือง ทุกวี่ทุกวัน จนต้องมีการแช่งคนที่ไม่ช่วยปราบโกง เพราะถือเสียว่ามีหน้าที่ปราบโกง
ดูไปก็เหมือนกับกำลังจะเข้าตาจน เพราะแท้จริงแล้วประชาชนไม่มีหน้าที่ปราบโกง แค่ร้องโวกเหวกโวยวาย ซุบซิบนินทา หรือติติงตักเตือนว่ามีการโกงบ้านกินเมืองขึ้นแล้ว ก็เป็นการเกินหน้าที่ของประชาชนอยู่แล้ว และเป็นความเสี่ยงภัยของประชาชนที่น่าเห็นอกเห็นใจ
และความจริงหน้าที่การปราบโกงนั้นเป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาล รวมทั้งองค์กรทั้งหลายที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการปราบปรามการโกงบ้านกินเมืองอยู่แล้ว โดยประชาชนมีหน้าที่เสียภาษีให้หน่วยงานเหล่านี้นำไปใช้จ่ายในการปราบโกงด้วย
แต่ที่การปราบโกงไม่ได้ผลนั้น เป็นเพราะคนมีหน้าที่ปราบโกงไม่ทำหน้าที่ ทั้งทำหน้าที่โดยมิชอบและทุจริต มิหนำซ้ำ คนจำนวนหนึ่งยังอุปถัมภ์ค้ำชูคนโกง ช่วยปกป้องคุ้มครองคนโกง ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมายเสียเอง ทั้งที่มีโทษอาญาสถานหนักก็ไม่ยำเกรง
เพราะคนมีหน้าที่ปราบโกงไม่ปราบโกง ปกป้องคุ้มครองคนโกง กระทั่งบางพวกหากินกับคนโกง ช่วยเหลือให้พ้นความผิด ช่วยคุ้มครองรักษาตำแหน่งให้ และแบ่งปันผลประโยชน์กับคนโกง จึงทำให้การปราบโกงล้มเหลว จนเกิดข้อครหาว่าโกงทั้งแผ่นดิน
สภาพเช่นนี้ บัณฑิตพึงยอมรับความจริงว่าการปราบโกงล้มเหลว และสาเหตุของการล้มเหลวก็คือคนมีหน้าที่ไม่ทำหน้าที่ แม้ว่าจะมีบทพระราชปรารภในรัฐธรรมนูญสอนสั่งไว้อย่างสาหัสว่า ต้นเหตุวิกฤติของชาติเกิดจากการทุจริตฉ้อฉล เกิดจากการบิดเบือนกฎหมาย และการไม่นำพาการใช้กฎหมายเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่น้อมนำเอาใส่เกล้าไปประพฤติปฏิบัติ
รัฐบาลจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงที่จะต้องแก้ไขปัญหาการปราบโกงนั้น การไปโยนหน้าที่ให้ประชาชน และการสาปแช่งผู้ไม่ช่วยปราบโกง ไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา และไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลย
ที่สำคัญ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงสาปแช่งคนโกงไว้ก่อนหน้าแล้วว่าให้มีอันเป็นไป คำแช่งของผู้ทรงทศพิธราชธรรมศักดิ์สิทธิ์ เทพยดาบำรุงรักษาและบรรดาลให้เป็นไป ดังนั้นบรรดาคนโกงจึงมีอันเป็นไป มีอันฉิบหายวายวอดทุกคน
คำแช่งดังกล่าวนั้นย่อมรวมถึงคนมีหน้าที่ปราบโกงแล้วละเว้นไม่ทำหน้าที่ หรือปกป้องคุ้มครองคนโกง หรือร่วมทำมาหากินกับคนโกงด้วย เพราะย่อมเป็นอั้งยี่แห่งการโกง จึงต้องรับผลแห่งที่ทรงแช่งนั้นว่าจะต้องมีอันเป็นไป อย่าได้สงสัยเลย
บรรดาคนมีอำนาจทั้งหลายในรัฐบาลและในองค์กรทั้งหลาย ที่มีหน้าที่ปราบโกงแล้วไม่ทำหน้าที่ ตลอดจนปกป้องคุ้มครองคนโกง ก็คือคนโกงเหมือนกัน
จะต้องมีอันเป็นไปอย่างแน่นอน จะต้องถึงความวินาศ ฉิบหายวายวอด ถึงขนาดที่ไม่มีทางแก้ไขประการใดได้ ต่อให้สวดพระปริตรคุ้มครองก็ไม่มีทางป้องกันได้
นอกจากกลับเนื้อกลับตัวเสียให้ทันถ่วงที และทำหน้าที่เสียให้ถูกต้อง มีเพียงเท่านี้แหละที่จะรอดพ้นจากที่ทรงแช่งได้!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี