นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานบริษัทไทยซัมมิทและแกนนำผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ฉายา “ไพร่หมื่นล้าน” ออกมาตอกย้ำตัวตนที่ชัดเจนของตัวเองอีกครั้ง ด้วยการให้สัมภาษณ์ “เดอะอีสานเรคคอร์ด” ตอนหนึ่งในทำนองว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกเป็นเหยื่อที่ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ด้วยข้อหาคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมือง พร้อมกระทบชิ่งไปถึงอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ว่าไม่เอาจริงขจัดคอร์รัปชั่นอย่างที่สร้างภาพ
นายธนาธร กล่าวถึงปัญหาคอร์ร้ปชั่นไทยในปัจจุบันว่า คนที่มีอำนาจไม่ได้จริงใจกับเรื่องการขจัดคอร์รัปชั่น ซึ่งที่ผ่านมาคอร์รัปชั่นกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ถ้ามีใครเอาจริงกับการขจัดคอร์รัปชั่น เราต้องเห็นคนคอร์รัปชั่นติดคุกเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ปัญหาคือแทบไม่มีนักการเมืองหรือนักธุรกิจชั้นนำที่ตกเป็นจำเลยของคดีคอร์รัปชั่น ซึ่งน่าแปลกใจว่าเป็นไปได้อย่างไร แต่ก็เป็นไปแล้วเพราะประเทศนี้คนได้รับความยุติธรรมไม่เท่ากัน ประเทศที่คนมีอำนาจ คนที่มีเงินไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย คอร์รัปชั่นกลายเป็นข้อหาที่ใช้เล่นเกมทางการเมือง
“ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เอาจริงกับเรื่องคอร์รัปชั่นควรเริ่มจัดการคดีนาฬิกาหรูก่อน ผมไม่เชื่อว่าคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องที่รัฐบาลเอาจริงเอาจัง ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องกลั่นแกล้งทางการเมือง ผมอยากเห็นคนที่พูดเรื่องต่อต้านการคอร์รัปชั่นพูดถึงการบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนไม่ใช่กับคุณทักษิณคนเดียว”
สำหรับ นายธนาธร เป็นหลานชายของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรมว.คมนาคม ยุครัฐบาลทักษิณที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวพัวพันคดีทุจริตหลายคดี และพรรคอนาคตใหม่ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นพรรคสาขาของพรรคเพื่อแม้ว
การที่ นายธนาธร อ้างในทำนองว่า นายทักษิณถูกกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าทุจริตขอให้ย้อนกลับไปดูคำพิพากษาคดีทุจริตจำนวนมากที่ นายทักษิณ ตกเป็นจำเลยจนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังถูกตัดสินจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญาคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก อีกทั้งเป็นจำเลยที่ 1 คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลพิพากษาจำคุกอดีตนักการเมือง อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และผู้บริหารกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครหลายคนที่ขณะนี้ใช้กรรมอยู่ในเรือนจำ ขณะที่นายทักษิณ พยายามติดสินบนศาลในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก แต่ศาลไม่เล่นด้วยทำให้ นายทักษิณ หลบหนีโทษความผิดออกนอกประเทศก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษามาจนทุกวันนี้
การอ้างว่าคดีคอร์รัปชั่นในอดีตเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองก็คงจะรวมถึงคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มูลค่าเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้นบาท โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก น้องสาวของนายทักษิณ เป็นจำเลยคนสำคัญ และมีจำเลยที่เป็นรัฐมนตรียุครัฐบาลยิ่งลักษณ์อีก 2 คนที่เป็นจำเลยคดีนี้และขณะนี้ใช้กรรมอยู่ในคุกคือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และ นายภูมิ สาระผลอดีตรมช.พาณิชย์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้นหลบหนีออกนอกประเทศก่อนหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปีโดยไม่รอลงอาญาแค่ 2 วัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์สื่อประกาศต่อสาธารณะอย่างขึงขังว่า จะมาฟังและยอมรับคำพิพากษาของศาลเพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง โดยจะขอพิสูจน์ตัวเองและยอมตายคาสนามประชาธิปไตย
ทั้งนี้ที่ผ่านมา นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติทั่วไปและถูกตัดสินโดยศาลปกติ ซึ่งไม่ใช่โดยศาลทหารหรือด้วยอำนาจพิเศษของคสช.แต่อย่างใด ดังนั้น หากไม่ทุจริตและมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองจริงทำไมถึงต้องหลบหนีโทษความผิดไม่ยอมพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม ฉะนั้น หากจะอ้างว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองจึงเป็นการบิดเบือน
สำหรับนายธนาธรถ้ามีจุดยืนต้องการขจัดคอร์รัปชั่นจริงก็ควรสนับสนุนการเอาผิดลงโทษพวกที่โกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารอย่าง นายทักษิณและรัฐบาลระบอบทักษิณ แต่นี่ นายธนาธร กลับส่อพฤติกรณ์เชิงปกป้องทำให้อดวิตกในตัวตนที่แท้จริงของพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ว่า จะเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่อย่างที่สร้างภาพหรือนอมินีของพรรคระบอบแม้วกันแน่
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี