หากไปสอบถามนักโทษในเรือนจำ ว่าคุณได้กระทำผิดหรือไม่?
ประมาณ 95% จะตอบว่า ตนเองไม่ได้กระทำผิด แม้จะถูกศาลพิพากษาแล้วก็ตาม
ส่วนที่เหลือ 5% คือ พวกที่ยอมรับสารภาพในชั้นศาล
1. ไม่แปลกใจ... นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาคดีล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด และตามกฎหมายก็ยังไม่ได้ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด
ล่าสุด นายเปรมชัยยืนยันว่า บริษัทของตนเองไม่ได้รับผลกระทบใดๆไม่ได้ถูกขึ้นแบล็กลิสต์จากหน่วยงานภาครัฐใดๆ ตรงกันข้าม มีแต่ความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกลับมา
นายเปรมชัยบอกกับนักข่าวว่า “ผมไม่ได้ทำ ผมก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้โทร.สอบถามทุกกรมทุกกระทรวงก็มีแต่คนเห็นใจผม”
นักข่าวถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการของบริษัทหรือไม่?
นายเปรมชัยกล่าวว่า “ผมก็ยังเป็นประธานบริหารต่อไป เพราะผมไม่ได้ทำ วันนั้น ผมไปถึง เย็นวันเสาร์ ผมก็ไปนอน ตื่นเช้ามา ก็เข้าไปทุ่งใหญ่และถูกจับในตอนเย็น และโดนกักขัง 2 วันสองคืน ติดต่อใครไม่ได้ เพราะถูกยึดโทรศัพท์ พอออกมา ก็เจอกับนักข่าวเป็นร้อย ส่วนภาพที่ออกมาก็ออกไปหมดแล้ว คิดว่าทางป่าไม้เป็นคนส่ง”
2. แน่นอน... นายเปรมชัยมีสิทธิที่จะปฏิเสธ และจะยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง
แต่อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ปรากฏออกสู่สาธารณชนนั้น ไปถึงไหนแล้ว
จะทวนความจำให้นิดนึงก็ได้...
ในบันทึกการจับกุม/ตรวจยึด ที่เจ้าหน้าที่ได้บันทึกที่สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561
มีลายเซ็นของนายเปรมชัยและคณะรับรองไว้เสร็จสรรพ ยืนยันว่า “ได้อ่านบันทึกการจับกุม/ตรวจยึดแล้วรับว่าถูกต้องเป็นความจริงทุกประการ และยินยอมให้ใช้บันทึกนี้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล”
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในชั้นนี้ อาทิ
เจ้าหน้าที่ตรวจในแคมป์ พบอุปกรณ์จับสัตว์น้ำกองข้างแคมป์ ใช้ผ้าใบคลุมอำพราง
ห่างไป 15 เมตร ในห้วยปะชิ เป็นช่วงไม่มีน้ำในลำธาร พบซากเครื่องในสัตว์ป่า สภาพถูกชำแหละใหม่สด ถูกซุกซ่อนอยู่ที่ร่องหิน ภายในร่องลำห้วยปะชิ สภาพเครื่องในยังเป็นพวงและมีอวัยวะภายในที่สำคัญ เช่น ลำไส้ ตับ ไต กระเพาะ ปอด อยู่ครบถ้วน และใกล้กันยังพบถุงเกลือแกง 2 ถุง ซุกซ่อนอยู่ เป็นถุงเปล่า เกลือถูกนำไปใช้หมดแล้ว รวมทั้งกระจุกขนสัตว์ป่าลักษณะใหม่ สีเทาดำหล่นอยู่ห่างกองซากเครื่องในประมาณ 1 เมตร
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจแคมป์พัก ช่วงเย็น พบกลุ่มคนอยู่ในแคมป์ 4 คน ได้แก่ 1) นายเปรมชัย กรรณสูต 2) นายยงค์ โดดเครือ 3) นางนที เรียมแสน 4) นายธานี ทุมมาศ โดยบุคคลทั้งสี่ร่วมนำตรวจ ผลตรวจภายในแคมป์ พบก่อกองไฟเพื่อหุงหาอาหาร โดยมีเครื่องมือ เครื่องใช้ดังนี้ อุปกรณ์เครื่องครัว เช่น จาน ชาม หม้อ เตาแก๊ส ข้าวสารและเครื่องปรุงรส ถังใส่น้ำแข็งสำหรับบริโภค 1 ถัง ถังสำหรับแช่เนื้อสด 1 ถัง และถังใส่ของอื่นๆ 3 ถัง มีดทำครัว 3 ด้าน มีดเหน็บ 2 ด้าม พลั่วตักดิน 1 อัน และค้อนตอกตะปู 1 อัน
ตรวจพบซากไก่ฟ้าหลังเทา 1 ซาก แช่อยู่ในถังน้ำแข็ง มีแผลถูกยิงเม็ดลูกปรายฝังอยู่ในซากไก่ฟ้าหลังเทา 6 แผล และมีเม็ดกระสุนคาอยู่ 1 เม็ด โดยไก่ฟ้าหลังเทา เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
ตรวจพบซากสัตว์ถูกนำมาปรุงเป็นอาหาร
ห่างจากแคมป์ พบปืนยาว 2 กระบอก ซุกซ่อนอยู่ โดยใช้เศษวัชพืชและกิ่งไม้ปิดทับ ได้แก่ ปืนไรเฟิล ยี่ห้อ STEYR-MANNLICHER-M หมายเลขตัวปืน 021820 ทะเบียนอาวุธ กท. 2850473 ติดลำกล้องเล็งเป้ายี่ห้อ ZEISS รุ่น DIATAL-ZA 6x42 T มีกระสุน 4 นัด ยี่ห้อ WINCHESTER 30-06 SPRG บรรจุอยู่ในซองกระสุน และติดตั้งกับตัวปืนไว้แล้ว ลักษณะพร้อมใช้งาน และปืนลูกซองเบอร์ 20 ยี่ห้อ AYAAGURRE&ARANZABAL-MADE IN SPAIN หมายเลขตัวปืน 378 และปรากฏเลขทะเบียนอาวุธปืน กท.4552202 อยู่ที่พานท้าย ในรังเพลิงบรรจุกระสุนลูกซองเบอร์ 20 ยี่ห้อ BELLIER & BELLOT 2 นัด ลักษณะพร้อมใช้งาน และยังพบกล่องและกระเป๋าสำหรับใส่อาวุธปืนยาว ถูกนำไปซุกซ่อนวางอยู่ติดกันในพงหญ้า
เช้าวันต่อมา เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นอีกครั้ง พบสิ่งของและซากสัตว์เพิ่มเติม ดังนี้
บริเวณที่ตั้งแคมป์ พบหนังเสือดำลักษณะเป็นผืนทั้งตัว โดยถูกชำแหละเนื้อออกไปแล้ว และผืนหนังเสือดำถูกถนอมซากด้วยการทาเกลือเพื่อมิให้เน่าเสีย วัดขนาดความยาวจากหัวถึงสะโพก 83 ซม.ถึงหาง 148 ซม. รวมทั้งพบกะโหลกเสือดำ 1 หัว ชิ้นส่วนทั้งหมด ถูกบรรจุอยู่ในถุงดำและมัดปากถุงด้วยเชือก ซุกซ่อนไว้ใต้พุ่มไม้
ใกล้ๆ กันยังพบกระเป๋าสะพายข้างสีแดง-ดำ ถูกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าแห้งปิดคลุม ภายในพบกระสุนปืนลูกซอง ปืนไรเฟิล เข็มขัดกระสุน และนกหวีดเป่าล่อนก
พบซากเสือดำ 1 ตัว ชำแหละแล้ว และหนังเสือ ที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก ซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าปิดคลุม
“...นายเปรมชัยให้ถ้อยคำต่อคณะพนักงานฯ ผู้จับว่า เป็นประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย
บริษัท เป็นเจ้าของรถที่ใช้เดินทางมาด้วยกันจากกรุงเทพฯ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ
อาวุธปืนและเครื่องกระสุนเป็นของเขา และทราบถึงกฎหมาย ระเบียบ ประกาศของทางราชการ ในการเข้ามาท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ แล้ว”
3. จากข้อเท็จจริงที่นายเปรมชัยและพวก เซ็นรับรองไว้ด้วยนั้น เมื่อเทียบกับที่นายเปรมชัยให้สัมภาษณ์ล่าสุด เช่น “ผมไม่ได้ทำ” - “ผมเข้าป่าไปถูกจับตอนเย็น” - “มีแต่คนเห็นใจผม” ฯลฯ
นายเปรมชัยไม่มีส่วนรับรู้
นายเปรมชัยไม่มีความรู้สึกรู้สากับความตายของเสือดำ
นายเปรมชัยรู้สึกจริงๆ ว่า มีแต่คนเห็นใจตนเอง
นายเปรมชัยเชื่ออย่างนั้น จริงๆ หรือ?
ในเมื่อปืนเหล่านั้น ก็เป็นของนายเปรมชัย
รถยนต์ ก็เป็นของบริษัทอิตาเลียนไทย
คนที่ไปด้วย ก็มีแต่ลูกน้องของนายเปรมชัย
ถ้านายเปรมชัย ยังรู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆ บรรดาผู้บริหารและผู้ถือหุ้นอื่นๆ ที่เชื่อตามคำกล่าวของนายเปรมชัยควรจะพิจารณาระดับสติปัญญาและสามัญสำนึกของตนเองด้วย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี