เดินหน้าปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศูนย์ป้องกันและปราบปราม การฉ้อโกงประชาชน ผ่านระบบโทรศัพท์ และอิเล็กทรอนิกส์(ศป.ฉปทน.ตร.) หรือ ศูนย์คอลเซ็นเตอร์ จากการร่วมมือของตำรวจ บช.ทท. บก.สปพ.(191) และอีกหลายหน่วยงานนำโดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. จับกุมแก๊งชาวต่างชาติเข้ามาก่อเหตุ จนส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ.(191) หรือ รองปิ่น หนึ่งในทีมงานคุณภาพ มือปราบข้างกาย เดอะโจ๊ก เพื่อนร่วมรุ่น นรต.47 ด้วยฝีมือและประสบการณ์ ถูกดึงไปอยู่ชุดปราบปราม แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาชญากรรมเทคโนโลยี ที่รัฐบาลต้องการ กวาดล้าง ให้หมดแม้จะจับยากก็ตาม แต่ไม่เกินความสามารถของตำรวจ จึงเห็นผลงานการจับกุม ปรากฏตามสื่อต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง
รองฯ ปิ่น ย้อนอดีตว่า พื้นเพเป็นชาว กรุงเทพฯ เริ่มรับราชการเป็น รอง สว.ประจำ รร.นรต. ต่อมารับตำแหน่งที่ บช.ก. สตม. บช.สกบ. บช.ปส. เรื่อยมาและช่วงนั้นกองปราบฯ เปิดหน้างานยาเสพติดสู้ จึงย้ายกลับ บช.ก.เป็น รอง ผกก.กก.1 บก.บก.ป. จับโคเคนได้เยอะพอสมควร มีโอกาสเข้าอบรมหลักสูตร การสืบสวนทางออนไลน์ พอตอนหลัง บก.ปอท.แยกออกจาก บก.ปอศ.
“ตำรวจทุกคนไม่มีใคร อยากไปอยู่หน่วยตั้งใหม่ เพราะไม่รู้จะไปทำอะไร งบประมาณก็ยังไม่มี สุดท้ายผมถูกส่งไปเป็น รอง ผกก.1 บก.ปอท. ช่วงแรกลำบากเรื่องโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ ผบช.ก.ต้องเจียดงบจากทุก บก.เพื่อมาให้ ปอท. ตอนหลังรู้แล้วว่าแต่ละ กก.ต้องทำอะไร ผมได้วิชาความรู้ที่อบรมมา เริ่มสืบสวนทำเครือข่าย อาชญากรรมบนคอมพิวเตอร์ ในรูปแบบของนักแฮกเกอร์”
รองฯ นิธิธร เล่าต่อว่า อยู่ บก.ปอท.จนขึ้น ผกก.ครบ 4 ปี ได้ย้ายเป็น รอง ผบก.ทท. (ปัจจุบัน บช.ทท.) คุมงานป้องกันปราบปราม คอยตรวจสอบคนต่างชาติ ที่แฝงตัวมากับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนผิวสี เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคง ชอบตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ก่ออาชญากรรมค้ายาเสพติด ฟอกเงินค้ามนุษย์ รวมถึงหลอกลวงหญิงไทย การให้โอกาสคนผิวสีเข้ามาในประเทศตรงนี้สำคัญมาก
เมื่อ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เป็น ผบก.สปพ.(191) ดึงตนไปเป็น รอง ผบก.สปพ.(191) คุมงานป้องกันปราบปรามจนถึงปัจจุบัน แม้ท่านจะย้ายกลับขึ้น รอง ผบช.ทท. แต่ก็บอกว่าให้ตำรวจ บช.ทท. และบก.สปพ.(191) บูรณาการร่วมกันเหมือนเดิม คือเปิดฉากล่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีเครือข่ายเป็นคนผิวสี หลอกลวงแต่งงาน (Romance Scam), หลอกลวงบริษัทให้โอนเงิน (Email Scam)
นอกจากนี้ มีเครือข่ายคนไต้หวัน โทรศัพท์ข่มขู่ หรืออ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ หลอกให้เหยื่อโอนเงิน รวมถึงเครือข่ายคนจีน ผลิตและปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (Skimmer), ปลอมธนบัตร (Black Money) ล้วนเป็นฝีมือของชาวต่างชาติ โดยมีคนไทยตกเป็นเครื่องมือ ถ้าเราล้มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ และไม่มีในประเทศไทยเลย หรือแทบไม่มีใครถูกหลอก ตนว่าคนไทยน่าจะได้ประโยชน์ร่วมกัน
“ชุดปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องทำงานภารกิจเดิม อาทิ ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายบุคคล3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยาเสพติด บก.น.3บก.น.4, ปิดล้อมจับกุมเด็กแว้น, ตรวจค้นร้านแต่งรถมอเตอร์ไซค์, ปิดล้อมตรวจค้นคนผิวสี และต่างด้าวทั่วประเทศ, จับกัญชา ยาเสพติด ปืนเถื่อนออนไลน์”
มือปราบพรสวรรค์ บอกอีกภารกิจสำคัญว่า วันอาทิตย์ได้รับมอบหมาย จะต้องปราบปราม พนันโต๊ดเถื่อน ทั้งสนามม้าราชกรีฑาสโมสร (สนามฝรั่ง) และสนามม้าราชตฤณมัย (สนามไทย) ทำมาเกือบ 2 ปีแล้ว รายได้สนามเพิ่มขึ้นจาก 30 เป็น 50 ล้านบาท รัฐบาลก็ได้ภาษีเพิ่มขึ้น และอีกงานสำคัญ ทุกวันอังคารประชุม ครม.ต้องนำกำลัง 191 ไปดูแลทำเนียบรัฐบาล รวมถึง ครม.สัญจรที่ต่างจังหวัด
ถามว่าเหนื่อยไหม? เชื่อว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์เหนื่อยกว่า เอาเป็นว่าเขาอึดอย่างไร เราจะต้องอึดตามให้ได้ มีคนถามว่านอนตอนไหน และจะนึกว่าเรามียาดีอะไร บอกเลยว่ากินอาหารปกติ เพียงแต่ลดอาหารเย็นลงเห็นใจ รองโจ๊ก ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แล้วชอบทานอาหารตอนกลางคืน ตนแนะว่าคนวัย 40 เกินครึ่งอย่างเรา ระบบเผาผลาญทำงานช้า เดี๋ยวจะลงพุงเพราะเราต้องแต่งเครื่องแบบอยู่ตลอด
“ภูมิใจมีข่าวการทำงานของตำรวจ ดีกว่าให้ 191 ไปจับอะไรสะเปะสะปะ ซึ่งประสิทธิภาพเรามีมากกว่านั้น งานแบบนี้ไม่มีใครสั่งให้เลิกทำ เพราะเป็นผลงานที่รัฐบาลสามารถมองเห็น แม้จะยุ่งแต่คือความสนุก ถ้าไม่ยุ่งเลยนั้นหมายถึง ตำรวจเราไม่มีอะไรทำเลย” พ.ต.อ.นิธิธร เผยความรู้สึก
ทีมข่าวอาชญากรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี