“กนิษฐา ทองจับ” น้องจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ ม.รามคำแหง ส่งข้อมูลให้ผมเกี่ยวกับ นวัตกรรมเพื่อมวลชนของอาจารย์นักวิจัย ม.รามฯ คว้า 3 รางวัลจากเวทีระดับโลก ณ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส จากผลงานวิจัยทั่วโลกกว่า 1,000 ผลงานน่าสนใจมากครับ
ซึ่งเรื่องนี้ ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยว่าจากที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สนับสนุนส่งผลงานวิจัยไทยเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงนิทรรศการบนเวทีประกวดผลงานวิจัยระดับนานาชาติ 46th International Exhibition ofInventions Geneva ณ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อวันที่ 11-15 เมษายน 2561
เวทีดังกล่าวเป็นงานประกวดผลงานประดิษฐ์คิดค้นและจัดนิทรรศการเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสวิส เช่น The Swiss Federal Government of the State และ the City of Geneva แลองค์กรทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลกหรือ WIPO (The World Intellectual Property Organization) โดยภายในงานมีผลงานเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงนิทรรศการกว่า 1,000 ผลงานจาก 55 ประเทศ
ชมผลงาน นายเสข วรรณเมธี เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ร่วมชมผลงานวิจัย ของ ดร.จริยา ร่มสายหยุด
อธิการบดี มร. กล่าวต่อไปว่าสำหรับเวทีประกวดผลงานวิจัยระดับนานาชาติในปีนี้ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ร่วมกับมหาวิทยาลัยรามคำแหงส่งผลงานวิจัยเข้าร่วมประกวด 2 ผลงาน ซึ่งเป็นผลงานของดร.จริยา ร่มสายหยุด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ และเป็นที่น่ายินดีที่ทั้ง 2 ผลงานสามารถคว้ารางวัลมาได้ถึง 3 รางวัลประกอบด้วย
รางวัลเหรียญทองเกียรติยศ ผลงานแอพพลิเคชั่นสำหรับวิเคราะห์พื้นผิวถนน และรางวัลเหรียญทองแดง ผลงานระบบการจัดการสัญญาณไฟจราจรเพื่อรถฉุกเฉิน ซึ่งได้รับรางวัลพิเศษจาก Korea Invention Promotion Association อีกหนึ่งรางวัล นอกจากนี้ ยังเคยได้รับรางวัลพิเศษจากโรมาเนียในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2561 ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอีกด้วย
“เมื่อปี 2560 ผลงานวิจัยสูตรสมุนไพรเพื่อใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน คิดค้นโดย ดร.จริยา ร่มสายหยุด เคยได้รับรางวัลเหรียญทองด้านนวัตกรรมจากเวทีประกวดผลงานวิจัยระดับนานาชาติ ณ กรุงเจนีวา มาแล้วหนึ่งรางวัลและได้รับการผลักดันออกสู่สาธารณะเพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ผลงานของอาจารย์รามคำแหงได้รับรางวัลจากเวทีระดับโลกครั้งนี้ ทั้งยังได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐและเอกชน จนเกิดการพัฒนาต่อยอดและปรับใช้ได้จริงในสังคม”
ด้าน ดร.จริยา เจ้าของผลงานวิจัยกล่าวว่าผลงานวิจัยทั้ง 2 ผลงานนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากที่ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับสังคมผู้ป่วยสูงอายุ และพบว่าผู้สูงอายุเรียกใช้รถฉุกเฉินและมีอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยบนรถฉุกเฉินสูงถึง 20% เนื่องจากปัญหาการจราจร และพบอีกว่ารถฉุกเฉินใช้เวลา 14 นาทีในการเดินทางเคลื่อนย้ายผู้ป่วยนำส่งโรงพยาบาลซึ่งเป็นอัตราสูงกว่ามาตรฐานที่ทางการแพทย์กำหนดคือ 8 นาที
ดังนั้น ระบบการจัดการสัญญาณไฟจราจรเพื่อรถฉุกเฉินจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับรถฉุกเฉิน พร้อมการแจ้งเตือนบุคคลทั่วไปเมื่อรถฉุกเฉินเข้ามาใกล้ และมีแอพพลิเคชั่นสำหรับวิเคราะห์พื้นผิวถนนซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจจับหลุมบนถนนมาช่วยเพิ่มศักยภาพความคล่องตัวในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วย โดยผลงานวิจัยทั้ง 2 ผลงานนี้ได้คิดค้นร่วมกับ อาจารย์ ดร.วิบูลย์ ปิยวัฒนเมธา อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ และ ดร.เกรียงศักดิ์ ขาวเนียม อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ปัจจุบันงานวิจัยทั้ง 2 ผลงานนี้ สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีในรูปของแอพพลิเคชั่นทั้งระบบแอนดรอยด์และ IOS ในชื่อ “iAmbulance” และ “Road Surface” และสำหรับการบูรณาการต่อยอดในปัจจุบันได้มีการติดตั้งแผงวงจรในพื้นที่ลาดกระบัง รวมทั้งหมด 8 โรงพยาบาล โดยได้ติดตั้งอุปกรณ์ตลอดเส้นทาง เพื่อช่วยให้รถฉุกเฉินเดินทางเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจนถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี