สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” ขอนำสรุปเนื้อหาของรายงาน “การพัฒนาเด็กและเยาวชน ประจำปี พ.ศ. 2559” อันเป็นรายงานประจำปี ที่ทาง กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดทำขึ้นตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2550 (มาตรา 20)และมี คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นผู้รับรายงานไว้เพื่อพิจารณา มาทำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกัน โดยแบ่งตามช่วงวัยดังนี้
1.เด็กทารกตั้งแต่ในครรภ์มารดา-อายุ 2 ปี : พบความก้าวหน้าหลายเรื่อง เช่น มีการฝากครรภ์อย่างน้อย12 สัปดาห์ จากร้อยละ 53.16 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 62.23 ในปี 2559, ทารกในครรภ์ได้รับไอโอดีนมากขึ้น จากร้อยละ 56.7 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 70.7 ในปี 2560 รวมถึงเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ที่ในปี 2559 มีผู้มาลงทะเบียนกว่า 1.54 แสนคน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1.28 แสนคน แต่ยังมีเรื่องที่ต้องส่งเสริมกันต่อไป เช่น การให้ทารกได้ดื่มนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนแรกหลังคลอด ที่ยังขึ้นๆ ลงๆ ในปี 2557,
2558 และ 2559 อยู่ที่ร้อยละ 54.92, 67.21 และ 62.10 ตามลำดับ
2.เด็กปฐมวัย อายุ 3-5 ปี : เด็กมีพัฒนาการสมวัยดีขึ้น จากร้อยละ 93.2 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 95.9 ในปี 2559 และมีการเติบโตที่ดีขึ้น ร่างกายสมส่วน จากร้อยละ 46.3 เป็นร้อยละ 47.3 ในห้วงเวลาเดียวกัน แต่มีข้อน่าเป็นห่วง เช่น ฟันผุ เพราะทั้งเด็กอายุ 3 ปีที่ไม่ฟันผุ ยังขึ้นๆ ลงๆ ในปี 2557 2558 และ 2559 อยู่ที่ร้อยละ 47 51.1 และ 48.5 ตามลำดับ รวมถึงหากเทียบกับเด็กอายุ 18 เดือน (1 ปีครึ่ง) พบว่าในห้วงเวลาเดียวกัน มีเด็กที่ไม่ฟันผุสูงถึงร้อยละ 91.55 92.93 และ 94.06 ตามลำดับ สรุปง่ายๆ คือเด็กยิ่งโตยิ่งพบปัญหาฟันผุมากขึ้น
3.เด็กวัยเรียนระดับประถมศึกษา อายุ 6-12 ปี : เด็กร่างกายสมส่วนดีขึ้น จากร้อยละ 62.6 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 64.2 ในปี 2559 อีกทั้งเด็กที่เจ็บป่วยฉุกเฉินยังลดลงเกือบ 10 เท่า จาก 1.2 ล้านคนในปี 2557 เป็น 1.5 แสนคนในปี 2559 แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ภาวะอ้วน พบเพิ่มขึ้นตลอด 3 ปี คือ ร้อยละ 8.8, 9.5 และ 13.1 ในปี 2557, 2558 และ 2559 ตามลำดับ รวมถึง การจมน้ำ ที่สถิติ 3 ปีในห้วงเวลาเดียวกันยังขึ้นๆ ลงๆ คือร้อยละ 0.7, 0.57 และ 0.94 ตามลำดับ
4.เยาวชนวัยรุ่นระดับมัธยมศึกษา อายุ 13-17 ปี : มีเพียงการใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เนตเท่านั้นที่ชัดเจน โดยมีการใช้คอมพิวเตอร์น้อยลง จากร้อยละ 84.9 ในปี 2557 เหลือร้อยละ 74.6 ในปี 2559 แต่พบการใช้อินเตอร์เนตมากขึ้น จากร้อยละ 69.7 เป็นร้อยละ 86 ในห้วงเวลาเดียวกัน (คาดว่าคงใช้ผ่านอุปกรณ์อื่นๆ อาทิ มือถือสมาร์ทโฟน) ส่วนข้อมูลอื่นๆ เช่น การกระทำความผิด ปัญหาการติดเกมและการพนันออนไลน์ ข้อมูลมีน้อยและไม่ชัดเจน
และ 5.วัยรุ่นตอนปลาย-ผู้ใหญ่ตอนต้น อายุ 18-25 ปี : พบทั้งด้านบวก เช่น การสูบบุหรี่ ที่ในปี 2558 พบค่าใช้จ่ายด้านยาสูบอยู่ที่ 14,510 บาท แต่ในปี 2559 ลดลงมาอยู่ที่ 12,893 บาท (สันนิษฐานได้ว่าจำนวนผู้สูบบุหรี่อาจลดลง หรือผู้ที่ยังสูบอาจลดปริมาณการสูบลง)รวมถึง ท้องไม่พร้อม (ซึ่งสำรวจวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี)พบว่าลดลงอย่างต่อเนื่องในปี 2557 2558 และ 2559 คืออยู่ที่ 47.9 44.8 และ 42.5 คนต่อประชากรวัยเดียวกัน 1,000 คน ตามลำดับ
แต่ยังมีด้านลบที่ต้องติดตามดูกันต่อไป เช่น การดื่มสุรา ที่แม้ระหว่าง 2557 2558 และ 2559 จะพบความชุกของการดื่มลดลงในอัตรา 1.53 1 และ 0.33 ต่อ 100 คนตามลำดับ แต่มีรายงานว่าค่าใช้จ่ายในการดื่มเพิ่มขึ้น (อาจตีความได้ว่ามุมหนึ่งมาตรการขึ้นราคาเครื่องดื่มมึนเมาได้ผลทำให้คนดื่มลดลง แต่อีกมุมหนึ่งคนที่ยังดื่มก็ดื่มต่อไปแม้จะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นก็เป็นได้) รวมถึงการฆ่าตัวตายที่คนวัยหนุ่มสาว อายุ 20-29 ปียังเป็นกลุ่มเสี่ยงฆ่าตัวตายค่อนข้างสูง และเพศชายมีความเสี่ยงกว่าเพศหญิงถึง 4 เท่า
บทสรุปคร่าวๆ ของรายงานฉบับนี้ “การกระจัดกระจายของข้อมูล” เป็นปัญหาสำคัญและ“ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน” เป็นลำดับแรก เนื่องจากแต่ละหน่วยงานทำงานในลักษณะต่างคนต่างทำ การจัดเก็บข้อมูลไม่เป็นระบบ ไม่มีความต่อเนื่อง และ “ไม่มีหน่วยงานในการจัดเก็บและดูแลฐานข้อมูลกลาง” ทำให้นำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ไม่ได้เท่าที่ควร ส่วนข้อเสนอแนะอื่นๆ มีดังนี้
1.การพัฒนาต้องเริมที่ปฐมวัย (อายุแรกเกิด-6 ปี) หากวัยนี้ได้รับการปลูกฝังพฤติกรรมที่ดี ก็จะลดพฤติกรรมเสี่ยงเมื่ออายุมากขึ้น เช่น ยาเสพติด อาชญากรรม ท้องไม่พร้อม 2.พัฒนาจิตใจไปพร้อมกับร่างกาย โดยเฉพาะการรู้จักยับยั้งชั่งใจ แยกแยะผิดชอบชั่วดี การคิดเชิงบวก และความรับผิดชอบ 3.กำหนดนโยบายเด็กและเยาวชนอย่างเท่าเทียมกันรวมถึงใส่ใจกลุ่มเสี่ยงพิเศษ เช่น เด็กที่ถูกกระทำรุนแรง 4.ขยายอายุสมาชิกสภาเด็กและเยาวชนจากไม่เกิน 25 ปี เป็น 28 ปี เพื่อให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
5.ต้องวิเคราะห์การลงทุนในตัวเด็กเป็นรายบุคคลให้ได้ จากในปัจจุบันที่มีหลายหน่วยงานได้รับงบประมาณพัฒนาเด็กและเยาวชน ซึ่งการทำงานเป็นแบบต่างคนต่างทำตามภารกิจของตน เพื่อให้งบถูกใช้อย่างตรงจุดและคุ้มค่า 6.ต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบยุทธศาสตร์ด้านเด็กและเยาวชน ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์ข้อมูลในภาพรวมของเด็กและเยาวชน จัดลำดับความสำคัญเพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายและโครงการต่างๆ ตามความเร่งด่วนในแต่ละปี 7.รายงานด้านเด็กและเยาวชนในอนาคตควรแยกเพศหญิง-ชาย เพื่อให้ข้อมูลละเอียดยิ่งขึ้น นอกจากนี้..
“บุคคลรอบๆ ตัว” ซึ่งมีสถานะเป็น “สิ่งแวดล้อม” มีอิทธิพลต่อความคิด ทัศนคติและพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน ก็ต้องให้ความสำคัญและได้รับการพัฒนาไปด้วยกัน!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี