วันนี้คือวัน “ฉัตรมงคล” ในความทรงจำอันมีค่าของผมครับ
ทุกๆ ปีตั้งแต่เกิดมา 5 พฤษภาคม คือวันฉัตรมงคล คือวันที่ทำให้ประชาชนชาวไทยอย่างเรามีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นทุกๆ อย่างของแผ่นดินของเรา ในอนาคตไม่ว่าวันฉัตรมงคลจะเปลี่ยนเป็นวันใด วันนี้จะเป็นวันที่เราพึงระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 เอาไว้เสมอ
บ้านเมืองช่วงกลางปี 2561 ร้อนแรงหลายเรื่องครับ บทความของเราเคยสรุปไว้แล้วว่า ช่วง 4 เดือนแรกของปีคือเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความล้มเหลวจากระบบราชการเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการโกงมหากาพย์จากหน่วยงานราชการ ไม่ว่าเล็ก หรือใหญ่ ในหลายต่อหลายกระทรวง
ย่างเข้าเดือน พฤษภาคม เรื่องร้อนทางการเมืองก็เริ่มจากกิจกรรมทางการเมืองที่พรรคการเมืองเก่าทำไม่ได้ แต่รัฐบาลปัจจุบันทำได้นั่นคือการเดินสายเข้าหาอดีตนักการเมือง แกนนำในกลุ่มก้อนต่างๆ หลายจังหวัด แทบทุกภาคก็ว่าได้
ในเมื่อลักษณะของการได้มา ซึ่งอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินของเราคือการต้อง “ชนะในตัวเลข” หรือการได้เสียง ที่มาจากการโหวตของประชาชน เลยเป็นจุดบังคับให้ผู้ที่ต้องมาอยู่ในกติกาก็มุ่งกันเอาชนะกันในตัวเลขก่อนเป็นอันดับแรกเป็นหลัก จึงทำให้เราเห็นสภาพที่ผู้ต้องการมีอำนาจ อยากจะสะสมตัวผู้เล่นที่มีโอกาสในการชนะตัวเลขในพื้นที่ต่างๆ มาสะสมเอาไว้
ในขณะเดียวกันก็สร้างอุปสรรคให้ผู้เล่นเก่า ที่โดนตราหน้าว่า เป็นผู้สร้างความขัดแย้งที่ทำให้วันนี้เป็นวันนี้ มีการให้ยืนยันสมาชิกพรรคอย่างยากลำบาก เฉลี่ยแล้วทุกพรรคการเมืองที่เข้าสู่กระบวนการยืนยันสมาชิกพรรคเดิมนั้น สมาชิกหายไปเฉลี่ยแล้ว 90 กว่า % คือแทบทั้งหมด
ปัจจัยที่ทำให้สมาชิกพรรคกลับมายืนยันน้อยลงมาก อาจจะมีทั้งความนิยมลดลง แต่ก็ต้องไม่ลืมปัจจัยในทางปฏิบัติที่เป็นวิธี 1.0 นั่นคือ ต้องเดินทางมายื่นเอกสารที่เป็นกระดาษ และจ่ายเงินสด พร้อมเซ็นลายมือชื่อ ไม่สามารถทำได้ทางช่องทางอื่นๆ เหมือนที่โลกใบใหม่ใบนี้เขาเดินก้าวไกลออกไปนานแล้ว เท่านั้นไม่พอนะครับ หลังจากให้ประชาชนมายืนยันสมาชิกพรรคแล้ว ฝ่ายพรรคการเมืองยังต้องรวบรวม เรียบเรียงเอกสาร ตรวจสอบเอกสารหนาเป็นคันรถให้ถูกต้องตามระเบียบจุกจิกของ กกต.อีกทำให้เสียกำลังแรงกาย แรงงาน กันมากโขเลยทีเดียว กว่าจะทำเป็นชุดเอกสารให้ได้ตามที่ กกต.ต้องการ และเราก็เชื่อว่า กว่ากกต.จะตรวจทั้งหมดเสร็จก็คงใช้เวลาหลักเดือน
คำถามดังๆ ก็คือ “ประสิทธิภาพอยู่ตรงไหน?”
เรื่องถัดมาที่เป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติอีกเรื่องหนึ่งคือ “ป่าแหว่ง” ถกเถียงกันมากมายหลายแง่มุม ทั้งมุมกฎหมาย มุมจริยธรรมความเหมาะสม อย่างไรเสีย อย่างแรกที่เราต้องหนักแน่นกันก็คือ ทุกอย่างมีมูลเหตุ ใครอนุมัติ ใครสร้างความไม่ชอบมาพากลนี้แต่แรกโดยการใช้ช่องกฎหมายที่ ใช่ครับ ไม่ผิดกฎหมาย แต่หากไม่มีอำนาจคุมได้เบ็ดเสร็จจะสั่งการครบวงจรได้แบบนี้หรือไม่ ยุคสมัยไหนชงเรื่อง ตอบ ไทยรักไทย ยุคสมัยไหนอนุมัติงบ ตอบ เพื่อไทย ประเด็นนี้ขั้นตอนแรกต้องเคลียร์และหน่วยงานโฆษกของรัฐบาลต้องชี้แจงประชาชนทราบทั่วกันด้วยเอกสารหลักฐานแน่นๆ ก่อน เพื่อลดกระแสการโจมตีที่นอกจากจะชี้เป้าใส่รัฐบาลแล้ว ยังมุ่งประเด็นบ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมของ ฝ่ายตุลาการท่านด้วย ส่วนเรื่อง จริยธรรมทางสังคมนั้น ก็ต้องให้ชัดครับว่า ไทยเราจะเป็นประเทศแบบไหน ลูกหลานเราจะซึมซับมุมแบบใดในการรับรู้ว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเขาคิดอย่างไรต่อเรื่องของป่าไม้ การอนุรักษ์ และมรดกของลูกหลานรุ่นต่อไป
เท่านี้ยังไม่พอนะครับ ปีต่อปีผ่านไป ที่ราชพัสดุหลายแปลง หลายที่มีการฟื้นกลับมาสมบูรณ์แล้ว นายกฯ สามารถสั่งการให้กระทรวงการคลังตรวจสอบและคืนที่ที่สมบูรณ์เหล่านั้นให้กระทรวงทรัพย์ฯ ไปเสีย เพื่อกันไม่ให้เกิดกรณีถูกกฎหมาย แต่ขัดกับสำนึกทางสังคม แบบกรณีป่าแหว่งแบบนี้อีก
ดังนั้นถ้าให้สรุปเรื่องป่าแหว่ง ไม่ควรอยู่ที่ประเด็นแค่ “ทุบ หรือไม่ทุบ” เพียงเท่านั้น แต่เป็น 1.ต้นตอของเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน อำนาจใด กลไกแบบไหนที่เอื้อการกระทำแบบนี้ และ...ควรแก้ไขการใช้อำนาจแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้อีก อย่างไร!!! 2.มีที่ดินลักษณะแบบนี้อีกหรือไม่ ถ้ามีควรจัดสรรให้ถูกประเภทด้วยวิธีใด อย่างไร อำนาจล้นมือขนาดนี้ ทำได้เลยนะครับ ในการสั่งให้หน่วยงานที่ดูแลที่ดินของรัฐ จัดระเบียบประเภทที่ดินให้ถูกต้องตามสิ่งที่ควรจะเป็น 3.บรรทัดฐานของสังคมที่ควรตระหนักต่อเรื่องแบบนี้ รัฐบาลถือว่าพลาดหนักที่ไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็น Facts ต่อประชาชน เป็นชนวนให้ประชาชนมาทะเลาะกันเอง ทั้งที่เรื่องนี้คือข้อพิพาทที่มาจากรัฐ เป็นต้นเหตุ
ประเด็นด้านเศรษฐกิจ แจ็ค หม่า มาไทย ข้อดีก็มี ข้อเสียอาจเรียกได้ว่า เป็นประเด็นท้าทายที่ต้องรับมือ หลายคนพูดไปเยอะแล้วครับ แต่ผมขอย้ำไว้ว่า คนที่พร้อมปรับตัวเพื่ออยู่รอดและคนพัฒนาศักยภาพตัวเองเท่านั้นที่จะไปได้ไกล
เวลามีความท้าทายเข้ามาใหม่ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ทั้งในองค์กรกันเอง หรือระดับชาติ แน่นอนมันมาพร้อมบวก และลบ คำถามคือ เราจะทำให้เราบวกไปเรื่องนั้นๆ ได้อย่างไร และหากมีลบเข้ามาอย่างจัง เราจะรับมือได้อย่างไร รวมถึงจะพลิกกลับมาบวกไปด้วยกันอย่างไร
กลับมาที่เรื่องการเมืองกันสักนิด ปีนี้เป็นปีของโฉมหน้านักการเมืองรุ่นใหม่ๆ หลายคน พรรคอนาคตใหม่ทั้งพรรคคือนักการเมืองใหม่ อาจจะสนิทกับนักการเมืองเก่าอยู่บ้าง แต่ตัวจริงของเขาก็มาใหม่ พรรคประชาธิปัตย์มีแผงของ “ประชาธิปัตย์ยุคใหม่” มาเป็นกลุ่ม เปิดตัวที่ ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ไปแล้วคนแรก ก่อนที่จะต้องไปรับใช้ชาติเข้าค่ายเกณฑ์ทหารเดือนนี้ก็จะมีการเปิดตัวคนถัดมาไปเรื่อยๆ อย่างเป็นระบบและครบทุกสาขาความถนัด รวมไปถึงจะมีโครงการ DYIP โครงการฝึกอบรมเยาวชน ในลักษณะคล้ายๆ กับยุวประชาธิปัตย์ในอดีตก็ยังคงทำต่อเนื่องเรื่อยมา เท่าที่เห็นประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคเดียวจริงๆ ที่พยายามมีการชักจูงคนรุ่นใหม่จากหลายวงการ ไม่ว่าจะลูกใคร หลานใคร อาชีพไหน ก็มีการคัดครองคนเข้าพรรคอย่างเปิดกว้างที่สุด และให้โอกาสคนทุกกลุ่ม
หันกลับไปมองเพื่อไทยบ้าง สส.รุ่นใหม่ที่โผล่มาตามหน้าสื่อบ้างในงานเสวนารุ่นใหม่กับ อนาคตใหม่ หรือ ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ กลับเป็นอดีต สส.ปี 2554 ทั้งสิ้นที่แค่อายุยังไม่มาก แต่ไม่ได้มีคนใหม่ๆ จริงๆ เข้ามามีบทบาทเลย แบบนี้ ตามอนาคตใหม่ไม่ทันแน่ๆ เลยครับ ไม่รวมถึงการที่ตัวคนในตระกูลชินวัตร เจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ผู้มีความเผด็จการเบ็ดเสร็จในการจัดการพรรค เริ่มเข้ามามีบทบาทจัดแถวใครต่อใครในพรรคบ้างแล้ว บินเข้ามาจัดแถวใกล้ๆ ถึงประเทศเพื่อนบ้านแบบนี้ การเมืองเก่าๆ น้ำเน่า เจ้านายสั่งมาของพรรคเพื่อไทยก็จะคงวนลูปเดิมๆ ต่อไป อย่างน่าระอา
เรื่องการลงทุนต่างประเทศ ตอนนี้รัฐบาลลุงตู่ โดยรองนายกฯ สมคิด ก็มุ่งมั่น หมายมั่นปั้นมือ จะให้ EEC มีความโชติช่วงชัชวาลดังยุคพลเอกเปรมที่เข้ามาทำให้เกิดนิคมภาคตะวันออก ทั้งมาบตาพุด แหลมฉบับสร้างงานให้แก่แรงงานจากภาคการเกษตรที่ล้นเกิน เข้ามาเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ไทยเรามาผงาดเป็นว่าที่เสือตัวที่ห้าได้ในเอเชีย
ต้องบอกว่า ในยุคนั้นใช้เวลาเพียงแค่ 8 ปี พลิกฟื้นให้รายได้ประชาชาติต่อหัวคนไทยพุ่ง 3 เท่า จากประเทศจนๆ เป็นประเทศรายได้ระดับปานกลาง GDP ภาคอุตสาหกรรมแซงภาคเกษตรได้ด้วยอานิสงส์นี้ ยุคนั้นพระเอกของเศรษฐกิจไทยคือญี่ปุ่น ยุคหน้านี้จะเป็นใครไปไม่ได้ น่าจะหนีไม่พ้น จีน แต่รัฐบาลก็เปิดกว้างรับทุกประเทศไม่ว่าจะญี่ปุ่นยุคใหม่ จีน ยุโรปที่กำลังฟื้นตัว หรือแม้แต่รัสเซียที่มีบทบาทสำคัญ ประจวบเหมาะพอดีกับความสงบสุขของคาบสมุทรเกาหลี ที่เกาหลีเหนือกับใต้คืนดีกันอย่างน่าชื่นชม สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
แย้มแอบบอกไว้นิดนึงครับ ปีหน้านี้ประเทศไทยของเราจะกลับมาเป็นประธานอาเซียนอีกรอบหนึ่งแล้ว ใจหายไม่น้อยเลยครับ เมื่อต้องนึกถึงวาระล่าสุดของคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ ที่ทำเอาไว้ให้ ASEAN ของเรา World Class มากๆ รอบนี้ก็ต้องดูกันว่า ทิศทางท่าทีของเราจะเป็นอย่างไร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี