สุภาษิตไทยว่าไว้ว่า อย่าให้ชีวิตต้องตกระกำลำบากแบบหนีเสือปะจระเข้ นั่นคือไม่ว่าจะหันเหไปในทิศทางใดก็ยังต้องเผชิญกับความทุกข์ยากและปัญหา
ในสังคมการเมืองไทย ปวงชนชาวไทยต่างก็ต้องเผชิญกับความเลวร้ายของนักการเมืองสามานย์มานานโขแล้ว แถมยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดโดนซ้ำเติมจากพฤติกรรมของนายทหารการเมืองเป็นระยะๆ อีกต่างหาก
โดยทุกๆ ครั้งที่มีการรัฐประหาร คนไทยก็ต่างคิดดีใจว่า เดี๋ยวฝ่ายทหารที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ก็จะแสดงบทบาทพระเอกขี่ม้าขาว แก้ไขสารพัดปัญหาให้ แล้วไม่นานบ้านเมืองไทยก็จะก้าวหน้าไปโลดเสียที ซึ่งก็ผิดหวังมาทุกที แต่ก็ยังไม่เข็ด โดยล่าสุดได้ทุ่มความหวังไว้กับมือนายทหารเสือตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
และแล้วเมื่อเวลาผ่านไป พระเอกกลับแค่ขี่ม้าเลียบเมือง ซึ่งไม่ได้มีการลงมือปฏิรูปใดๆ ให้จับต้องได้ดังที่ชาวประชาคาดหวังกันเอาไว้ แถมยังคึกคะนอง เพลิดเพลินกับการใช้อำนาจวาสนาไปยิ่งๆ ขึ้นอีก การปฏิรูปประเทศที่สัญญาไว้ด้วยเกียรติชายชาติทหาร ก็เลยเป็นเพียงแค่การปฏิรูปอำนาจให้แก่ตนเอง และพรรคพวกเท่านั้น
แค่นั้นยังไม่พอ แถมด้วยการที่ยังคงอยากอยู่ในอำนาจอีกต่อไป คงเพราะติดลมบน เคลิบเคลิ้มไปกับมนต์อำนาจเสียแล้ว ก็เลยต้องหาทุกวิถีทางที่จะอยู่ในอำนาจอย่างมั่นคงต่อไป
แต่ครั้งจะอยู่ในอำนาจด้วยอาวุธปืนผาหน้าไม้แต่เพียงอย่างเดียวก็ดูจะกระไรอยู่ เพราะมันพ้นยุคพ้นสมัยชาวโลกเขาไม่ยอมรับ ก็เลยต้องพยายามเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญให้สังคมไทยพอมีชื่อว่าเป็น สังคมประชาธิปไตยนั่นคือยอมให้มีการเลือกตั้งด้วยการแข่งขันกันระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ ไปแบบแกนๆ
เมื่อผูกปมให้กับตนเองไว้แล้ว โดยกระหายที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป ก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องกระโจนลงสู่สนามการเมือง หรือเล่นการเมืองตามที่ได้เขียนไว้ นอกจากนั้นก็ยังได้โน้มน้าวมอมเมาให้ประชาชนส่วนใหญ่ส่วนหนึ่งคล้อยตามไปแล้วว่าจะคืนประชาธิปไตยให้ก็คงต้องเลยตามเลย จะถอนตัวออกไม่ได้ แม้ใจจริงอยากจะล้มกระดาน คงความเป็นเผด็จการให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแค่ไหน ก็ทำไม่ได้เพราะมันหาความชอบธรรมมาสนับสนุนมิได้
เมื่อต้องฝืนใจมาใช้การรวบรวมอำนาจการเมืองผ่านการเลือกตั้ง ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใส่ใจกับรูปแบบพรรคแบบการแข่งขันกัน ก็เลยต้องมีพรรคเป็นของตนเอง หรือมีพรรคเป็นฐานเป็นธรรมดาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และฉะนั้นก็ต้องมีเสียงข้างมากในรัฐสภา โดยสภาสูง (วุฒิสภา) 250 เสียง นั้นไม่น่าห่วง เพราะตั้งมาเองกับมือจะมีก็เพียงสภาล่าง (สภาผู้แทนราษฎร) ที่ต้องไปฝ่าฟันเก็บมาให้ได้อีก 125+1 เสียง เพื่อจะได้อ้างเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วค่อยไปแต่งตั้งรัฐมนตรีพวกๆ กันได้ต่อไป
ปัญหาก็คือ แล้วจะไปหาจำนวนผู้แทนราษฎรอีก 125-126 คน จากไหน หากันอย่างไร ในเมื่อไม่เคยเล่นการเมือง ไม่เคยมีพรรค ไม่เคยมีผู้แทนราษฎรในสังกัดมาก่อน
ในเมื่อต้องไปหามา ก็เลยใช้พลังอำนาจและอิทธิพลของตนเองและเหล่าทัพ ผสมผสานกับวิชามารทางการเมืองต่างๆ เช่น เสนอตำแหน่ง เสนอเงินตอบแทน หรือไม่ก็เข้าไปแทรกแซง สร้างความปั่นป่วนแตกแยกภายในพรรคต่างๆ เพื่อให้กระจัดกระจาย แตกกระเซ็น หรือไม่ก็เข้าไปดูดไปจัดซื้อมาทั้งพรรคทั้งกลุ่มเลยถ้าทำได้
การดูดและการล่อพรรคและนักการเมืองเพื่อให้มาเข้าพวกตนก็เกิดเป็นปรากฏการณ์ขึ้นในวงการการเมืองไทยมาช้านาน ซึ่งประชาชนเขาก็รังเกียจ ถึงขนาดก่นด่าตั้งฉายานักการเมืองไร้จุดยืนแบบนี้ว่าตะกวดทางการเมือง ซึ่งประวัติศาสตร์ก็จารึกไว้เสมอๆ ว่า เมื่อทหารเข้ามาในการเมืองแล้ว ก็มักจะหาลูกคู่เป็นนักการเมืองสามานย์เป็นลูกคู่อันชั่วร้าย
ชาวไทยตาดำๆ ก็ทำได้แต่ยืนทำตาปริบๆ หลงงงงวยว่า พวกบรรดาท่านๆ เขา “เล่น” อะไร และดูไม่เกรงใจเจ้าของประเทศตัวจริงกันเลย
ดูการนี้ไม่แคล้วเป็นกรณี หนีเสือแล้วมาปะจระเข้ ซึ่งหนักกว่านั้นเพราะ ที่มองว่าเป็นเสือ นั้นแท้จริงก็คือสมิง แถมกำลังดำเนินการสมสู่กับจระเข้ (หรือจะเรียกอีกอย่างว่าตะกวดทางการเมือง) อย่างเมามัน เพื่อจะสร้างการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ เอาไว้รับประทานประเทศไทยในอนาคตกันตามอำเภอใจ
โบราณท่านว่า คนเราควรคบบัณฑิต ต้องอยู่ให้ห่างคนไม่ดี ต้องสนับสนุนคนดี แต่ผู้ที่บอกว่าตัวเองเป็นพยัคฆ์ เมื่อต้องการสานต่ออำนาจ กลับมิได้คำนึงถึงศักดิ์ศรี ความหอมหวานของอำนาจมันทำให้หน้ามืดตามัวถึงขนาดยอมอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับนักการเมืองสามานย์ที่ตัวเองประกาศป่าวร้องว่าเลวทราม เป็นต้นเหตุของปัญหาวิกฤติทางการเมือง โดยไม่อายสายตาประชาชี
จะไปห้ามในตอนนี้ก็คงดูท่าจะยาก ก็ทำได้แต่เพียงบอกต่อประชาชนชาวไทย ให้ช่วยจับตามองกันให้ดีๆ จะได้รู้ว่าปัญหาการเมืองครั้งที่ผ่านมาจริงๆ นั้นอยู่ที่ไหน ศัตรูของชาติ ศัตรูของประชาธิปไตย ของประเทศไทยคือใครกันแน่
เมื่อเห็นกันแล้ว เราคนไทยจะยอมรับสภาพ หรือจะลุกขึ้นมา ทำหน้าที่ให้สมกับเป็นเจ้าของประเทศตัวจริง มาปฏิรูปประเทศด้วยมือของพวกเราเองโดยไม่หวังยืมจมูกพระเอกขี่ม้าขาวคนไหนอีกแล้ว กันเสียที
จะเสือ-จะจระเข้ จะสมิง-จะตะกวดการเมือง หากอยากให้ประเทศพ้นจากหล่มทางการเมืองคนไทยต้องร่วมมือกัน ไม่ให้พวกเหล่านี้เหลือที่ยืนในสังคมไทยอีกต่อไป
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี