“อันเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน” เป็นคำกลอนที่คนไทยส่วนใหญ่จำกันได้ เป็นคำกลอนเตือนใจให้รู้ว่า เรื่องของการเมานั้น “เมากาย”เพราะการดื่มเหล้านั้น อาการเมาเหล้าจะสร่างหายไปในเวลาไม่นาน แต่ “เมาใจ” นั้นเป็นอาการที่ฝังอยู่ในจิตใจ ถ้าไม่รู้จักรักษาแล้วก็ยากที่จะหายไปหรือหมดไปได้ง่ายๆ เกิดขึ้นกับใครผู้นั้นจะเป็นคนที่มีจิตใจเร่าร้อนตลอดเวลา ในเรื่องลาภยศ สรรเสริญ สุข ที่ตนปรารถนา
พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นคนเผาตัวเองให้มอดไหม้ลงไปทุกวัน
ลาภคือทรัพย์สินสิ่งของที่อยากได้ ยศคือความเป็นใหญ่เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่และบริวาร สรรเสริญคือความยกย่อง ชมเชย สุขคือความผาสุกความสบายในความเป็นอยู่ ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวเป็นที่มาแห่งการเป็น “คนใจเมา”ถ้าผู้นั้นไม่รู้จักคิด
แม้เรื่องของลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องแสวงหาก็จริง แต่คนที่มี “สติ” ในการแสวงหา รู้จักประมาณในการแสวงหา และเมื่อหามาได้ก็ใช้สิ่งต่างๆที่หามาได้เพื่อประโยชน์ผู้อื่นได้มากแล้ว ความเป็น “คนใจเมา” จะไม่เกิดขึ้นกับตน เพราะการแสวงหาดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่คนทั้งปวงด้วย ไม่ใช่เป็นประโยชน์เฉพาะตนหรือพรรคพวกของตนแต่เพียงกลุ่มเดียว
ใจเป็นที่ฝังความคิด
ถ้าเป็น “คนใจเมา” ความคิดก็เมาไปด้วย
มีอำนาจวาสนาที่ได้มาจากการแย่งยึดจากผู้อื่น ถ้าเป็น “คนใจเมา” แบบคนอื่นที่ใช้อำนาจเพื่อตนเองและพรรคพวกหรือญาติพี่น้องจนส่วนรวมของบ้านเมืองต้องย่อยยับมาแล้วนั้น การแย่งยึดอำนาจมาใช้ และยังคงใช้อำนาจแบบ “คนใจเมา” เหมือนเจ้าคนนั้นอยู่อย่างที่เห็นในขณะนี้ เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง “ไม่ชอบคนตรง หลงคนคดงอ ชอบกินลูกยอ ปล่อยคนสอพลอชักนำไป”
อย่างที่ผู้คนทั้งหลายเห็นอยู่ในขณะนี้แล้ว บอกได้คำเดียวว่า “จบ”
จบการแสดงเรื่อง “คนใจเมาเผาตัวเอง”
ถ้าไม่ใช่คนใจเมา ผู้คนในบ้านเมืองขณะนี้คงจะไม่ได้เห็น หรือได้ยินข่าวและเห็นการเคลื่อนไหวต่างๆในสิ่งต่อไปนี้
1. เดินหน้าต่อสาย วางเครือข่าย กับกลุ่มการเมืองต่างๆอย่างเปิดเผย เฉพาะอย่างยิ่ง “การดูด” ผู้คนจากกลุ่ม จากพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะผู้คนที่ดูดนั้นหลายต่อหลายคนเป็นคนที่สังคมรู้จักกันดีในพฤติกรรมเก่าๆที่ทำมาในทางไม่ดี ไม่น่าเชื่อถือ จากการทำงานที่ผ่านมาในความไม่โปร่งใส ทุจริตคดโกง เป็นต้น
2. ตอนที่ได้อำนาจมาใหม่ๆ เพราะความเป็นคนใจเมาอย่างว่า ทำให้ลืมคำพูดของตนที่เคยตำหนิว่ากล่าวคนพวกนี้ว่าเป็นนักการเมืองที่ใช้ไม่ได้ เป็นผู้สร้างปัญหาต่างๆให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง เป็นผู้ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในบ้านเมือง เกิดความไม่สามัคคีกันจำเป็นต้องใช้อำนาจเข้ามาจัดการแก้ไขเพื่อให้บ้านเมืองหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์
แต่สี่ปีที่ผ่านมาในการใช้อำนาจจนถึงขณะนี้ บ้านเมืองก็ยังอยู่ในสภาพคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาผู้คนยังมีความแตกแยก ไม่มีความสามัคคีปรองดองกันมิหนำซ้ำบางเรื่องบางอย่างดูจะทรุดต่ำลงกว่าเดิมด้วยซ้ำไปเฉพาะอย่างยิ่งวิถีความเป็นอยู่ของผู้ยากจนทั้งเรื่องการทำมาหากินในการเลี้ยงตัวเอง ซึ่งดูจะแย่ลงด้วยซ้ำไป
3. มีการแต่งตั้งผู้คนที่สังคมทั้งหลายรู้ดีว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ในเรื่องความประพฤติที่ไม่ดี เป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นในทางไม่ดีหลายเรื่อง ให้เข้ามาร่วมเป็นรัฐมนตรี หรือแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการชั้นสูงในกระทรวงทบวงกรมบางแห่งออกไป และนำคนใหม่เข้ามาแต่งตั้งแทน โดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวกับด้านการเงินการคลัง ที่ปูมหลังของคนดังกล่าวเป็นคนของนายทุนผูกขาดบางประเภท ให้เข้ามารับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่แทนคนเก่า เป็นต้น
4. จากการกระทำต่างๆดังกล่าวทั้ง 3 ข้อดังที่ยกมาข้างต้น เป็นข้อสรุปที่เห็นได้ชัดเจนในเรื่องของ“การปฏิรูป” ในมิติต่างๆของบ้านเมืองให้ดีขึ้นตามเป้าหมายว่าจะกระทำว่า ไม่เป็นไปตามนั้น โดยเฉพาะการปฏิรูประบบราชการในการรับใช้ประชาชนผู้เสียภาษีให้รัฐนำไปใช้จ่าย ซึ่งขณะนี้ไม่มีอะไรที่เป็นโล้เป็นพายให้เห็น
5. เรื่องที่ผู้คนทั้งหลายในบ้านเมืองขณะนี้พากันวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบมากขึ้นก็คือเรื่องของการหาวิธีการต่างๆ มารองรับความเป็นไปได้ในการมีอำนาจสืบทอดต่อไปอีกในวันข้างหน้าในตำแหน่ง “นายกฯคนนอก” ทั้งกระบวนท่าในการเขียนไว้ในกฎหมายต่างๆ และกระบวนท่าเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อนำมาซึ่งนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งที่เคยปฏิบัติกันมา ซึ่งมีข้อจำกัดที่ยุ่งยากหลายอย่างในการโหวตออกเสียงเลือกกันในสภาผู้แทนราษฎร
เอาเพียง 5 ข้อดังกล่าวก็คงพอที่จะเข้าใจว่าความใจเมาของผู้มีอำนาจนั้น สามารถทำอะไรได้ทุกอย่างตามที่ “ใจเมา” พาไป
เมื่อยอมให้ “ใจเมาพาไป” ความคิดก็เมาไปด้วย
บั้นปลายของชีวิตอย่างนี้ย่อมจบลงเหมือนชื่อเรื่องข้างต้นที่ว่า “ผู้ใดมีใจเมา ผู้นั้นเผาตัวเอง” แน่นอน
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี