บทบาทสำคัญของ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)จะโฟกัสเรื่อง การปราบผู้มีอิทธิพล หรือกลุ่มมือปืนรับจ้าง ตามภาคต่างๆ ทั่วประเทศ แต่บางครั้งก็มีงานนอก เข้ามาให้รับผิดชอบ คำว่า “ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน” สโลแกนเข้มขลังนี้ ทำให้ บก.ป.ต้องรับเป็นเจ้าภาพหลายคดี นับเป็นอีกความท้าทาย สำหรับตำแหน่ง ผบก.ป.หรือ “ผู้การประเทศไทย” ที่แบกหน่วย เสมือนเป็นกระบองของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
มารู้จัก พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.หรือ ผู้การฉิม นรต.รุ่น 37 ที่มานั่งเก้าอี้นี้กว่า 6 เดือนแล้วซึ่งได้พัฒนาศักยภาพของหน่วย จนมีความพร้อมหลายๆ ด้าน ท้ารบเหล่าร้าย คดีสำคัญ เพราะปัจจุบันอาชญากรรม มีความหลากหลาย โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยี ซึ่งกำลังแพร่ระบาด
ผู้การฉิม เปรียบเทียบในตอนเป็น ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราทำงานกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ต้องสร้างความเสมอภาค
ให้ชุมชน เพราะมีพี่น้องมุสลิมสัดส่วนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ทำยังไงให้มุสลิมกับไทยพุทธ ได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน ส่วนกองปราบฯ หน้างานเยอะกว่า ครอบคลุมกว่า เป็นคดีที่สำคัญๆ แทบทั้งนั้น ซึ่งแตกต่างกันในเรื่องมิติของงาน
ผบก.ป.เผยว่า ในใจตนอยากให้ทำงานเกี่ยวกับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เจ้าพ่อ หรือมือปืนรับจ้างอะไรต่างๆ มากกว่า ซึ่งเป็นระบบที่เรารับไม่ได้ ตอนนี้ยอมรับว่ามีคดีต่างๆ เข้ามา ถามว่าสำคัญไหมก็สำคัญ ถ้าประชาชนได้รับความเดือดร้อน เช่นคดีโชกุน และล่าสุดคดีเมจิก สกิน มีผู้เสียหายจำนวนมากแต่อยากให้มองอีกมุมว่า หน้างานของแต่ละ บก.ในสังกัด บช.ก.จะมีหน่วยงานเฉพาะทางอยู่แล้ว
“ถ้าไปตามหน้างานโดยตรง ผมเชื่อว่าจะแบ่งเบางานของกองปราบฯลงไปได้เยอะ ไม่ได้อยากจะพูดว่า เป็นการเกี่ยงหรือโยนงาน เพราะบางคดีจุดเริ่มต้น มาจาก บก.อื่น คดีลักษณะนี้เราตั้งเป็นคณะทำงานร่วมกันได้หรือไม่ บก.ที่รับคดีก็เป็นเจ้าภาพ แล้วเราส่งพนักงานสอบสวนไปช่วยกองปราบฯเองก็จะสามารถทำงานอื่นที่เป็นหน้างานหลักจริงๆ”
พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวต่อว่า การทำงานของตำรวจก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ถ้าเราหยุดนิ่งเมื่อไหร่ เท่ากับว่าเรากำลังถอยหลัง ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างต้อง ก้าวทันอาชญากรรม ก่อนหน้านี้เราเหมือนเดินตามหลังอยู่หนึ่งก้าว จึงคิดว่าจะทำยังไงให้เราเดินขนานไปกับอาชญากรรม เรื่องนี้ตนให้ความใส่ใจมากยิ่งเฉพาะการพัฒนาบุคลากร เมื่อเราส่งคนไปฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ก็ให้เขากลับมาเป็น “ครูแม่ไก่”
อย่างไรก็ดี บก.ป.เองยังขาดแคลนเครื่องมือพิเศษ ที่ผ่านมาเราใช้วิธีว่าส่วนไหน ที่พอจะมีศักยภาพหรือจัดหาได้เอง ก็ดำเนินการส่วนหนึ่ง แต่ถ้าต้องใช้งบประมาณเยอะ หรือเป็นเงื่อนไขที่ติดระเบียบ ก็ต้องทำเรื่องขออนุญาต ซึ่งเราจะได้เครื่องที่เขาเรียกว่า บิ๊กดาต้าเป็นเครื่องมือที่เก็บข้อมูลได้มาก ใช้สแกนสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ความจริงเครื่องมือตัวนี้ เป็นทาง บก.ปอท.ที่จะได้
“มูลค่าประมาณ 30 ล้าน สำหรับเครื่องบิ๊กดาต้า คุณสมบัติสารพัดประโยชน์ จะมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงดิจิทัลฯ มาเทรนนิ่งตำรวจในการใช้งาน ถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย”
พล.ต.ต.ไมตรี ให้ความเห็นเรื่องปฏิรูปตำรวจว่า ตนให้ความสำคัญ 2 อย่าง 1.เรื่องการตอบแทนความดีความชอบ โดยเฉพาะเรื่องการพิจารณาแต่งตั้ง ตนเห็นว่าทุกวันนี้เราใช้ระบบอาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งน้อยไปตนคิดว่าควรจะใช้สัก 50 เปอร์เซ็นต์ บางคนนี่เขาอยู่มานาน มีความอาวุโส มีความรู้ความสามารถ แต่บางทีผู้บังคับบัญชา อาจจะไม่ค่อยรู้จักจึงไม่ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมเท่าที่ควรถ้าเพิ่มกลุ่มอาวุโสได้ จะทำให้เขาก้าวหน้าในหน้าที่ โดยไม่ต้องไปวิ่งเต้นอะไรเลย
2. เรื่องความเป็นอยู่ ถ้าเทียบกับ อัยการผู้พิพากษา ค่าตอบแทนของตำรวจต่ำมาก หากมองในสายธารของ กระบวนการยุติธรรม ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า ตำรวจเรามีปริมาณมากกว่า การจ่ายเป็นค่าตอบแทน กับคนจำนวนไม่มาก ก็สามารถทำได้ในระดับที่สูง ซึ่งตำรวจเองมีเป็นแสนๆ คน ฉะนั้นการได้สวัสดิการ หรือค่าตอบแทนยังน้อยไป ตนเชื่อว่าตำรวจเราเอง ไม่มีใครอยากไปรีดไถ หรือไปคดโกง
“ผมมาในยุคนี้ดีอย่างหนึ่ง กองปราบฯช่วงที่มีรัฐบาลนี้ ยอมรับว่าปลอดการเมืองจริงๆ และผมจะไม่ให้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่างๆ เด็ดขาด”ผบก.ป.แสดงจุดยืน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี