กระแสข่าวที่ออกมาตามสื่อสารมวลชนทุกวันในขณะนี้ก็คือข่าวที่ว่า “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ผู้ก้าวมาจากคณะ คสช.หลังการรัฐประหารล้มรัฐบาลในระบอบทักษิณที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้นำเมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งการรัฐประหารครั้งนั้นถูกปลุกกระแสมาจากประชาชนในนามของ “กปปส.” มาเป็นเดือนๆ ก่อนหน้า
นั้นจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหนึ่ง
นับตั้งแต่ที่ระบอบทักษิณเข้ามาครองอำนาจการเมืองในปี 2544 เป็นต้นมาจนมาถึงวันรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้นสถานการณ์ทางด้านการเมืองในประเทศไทยห้วงเวลา 14 ปี นั้นมีความสับสนอลหม่านและวุ่นวายทางด้านการเมืองเป็นอย่างมาก
เพราะนิสัยและตัวตนของคนชื่อทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีหลายพันล้านเหรียญสหรัฐอดีตศิษย์เก่าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานนั้นโดยปกติเป็นที่รู้กันว่าทักษิณไม่ค่อยยอมใครง่ายๆ เขาเป็นคนเกิดปีวัวหรือว่าปีฉลู 2492เป็นวัวชนที่ไม่มีวันยอมแพ้ใครง่ายๆ และต้องการชนะเท่านั้น เขาว่ายอมแพ้ไม่มีในพจนานุกรมของทักษิณมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
และการที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงจากพื้นที่ภาคเหนือกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากแบบถล่มทลายในปี 2544 กับ 2548 นั้นมันทำให้เขารู้สึกว่าในผืนแผ่นดินไทยเขาคือผู้ที่เลิศที่สุดแต่อย่าลืมว่าเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าเหนือทักษิณก็มีคนชื่อสนธิ ลิ้มทองกุลอดีตเพื่อนน้ำมิตรทายาทคหบดีเมืองสุโขทัย
ว่ากันแบบตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมคณะบุคคลที่ทำให้ “ทักษิณ” ยิ่งใหญ่ได้นั้นมีคนชื่อสนธิ ลิ้มทองกุลเพื่อนรุ่นพี่วัยที่แก่กว่าทักษิณ 2 ปี มีส่วนที่ทำให้ทักษิณยิ่งใหญ่ไม่น้อยทีเดียว คนอื่นๆ ที่มีส่วนว่ากันว่ามีพลตำรวจโทเสมอ ดามาพงศ์ คุณพ่อของภรรยาคือคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชรคนหนึ่งละ นอกจากนี้ก็มีดร.ทนง พิทยะ นายแบงก์ใหญ่ที่อยู่ธนาคารทหารไทย “ป๋าเสนาะ เทียนทอง”และอีกหลายต่อหลายคน
การที่สนธิ ลิ้มทองกุล ผิดใจกับทักษิณเป็นต้นเหตุที่นำไปสู่การเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลระบอบทักษิณในเวลาต่อมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2548 เรื่อยมาจนถึงวันที่ 19 กันยายน 2549 คณะทหารภายใต้การนำของพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก่อรัฐประหารล้มระบอบทักษิณครั้งที่หนึ่ง มีการดำเนินคดีทุจริตที่ทักษิณและบริวารก่อไว้มากมายหลายคดี
แต่ที่ทักษิณปวดใจมากที่สุดก็คือการยึดทรัพย์โดยคำสั่งศาลจำนวน 46,300 ล้านบาท นั้นเป็นเรื่องที่ทักษิณช้ำใจมากๆ นอกจากนี้พรรคการเมืองในระบอบทักษิณมีถึง 3 พรรคได้แก่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย 2 พรรคแรกถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไป
การที่ระบอบทักษิณกลับมาครองอำนาจบริหารประเทศอีกครั้งในปี 2554 ในนามพรรคเพื่อไทยและชูให้น้องสาวของเขาคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 นั้นอะไรมันก็น่าจะดีสำหรับเขาแล้ว ถ้าไม่ใจร้อนออกกฎหมายนิรโทษกรรมเขาแบบสุดซอยในสภารัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็คงไม่ถูก กปปส.ออกมาต่อต้าน
และนำมาสู่รัฐประหารล้มระบอบทักษิณอีกครั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 กำลังนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปในช่วงต้นปี 2562 รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีบทเฉพาะกาลให้วุฒิสมาชิก 250 คน สามารถร่วมลงมติออกเสียงตั้งรัฐบาลร่วมกับ สส.ในสภาอีก 500 คน ได้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้นักการเมืองในระบอบทักษิณกลับมาบริหารประเทศอีกในช่วงปี 2562-2563 ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อคดีทุจริตต่างๆ ในระบอบทักษิณผ่านขั้นตอนการพิพากษาในศาลเชื่อว่ารัฐบาลระบอบทักษิณคงไม่กลับมามีอำนาจบริหารประเทศอีก
ประเด็นที่เกิดขึ้นขณะนี้ก็คือรัฐบาล คสช.และประชาชนฝ่ายต่อต้านทักษิณต้องป้องกันไม่ให้ระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจทางการเมืองในระหว่างปี 2561 ถึง 2563อีกเป็นห้วงเวลา 3 ปีที่ต้องตรึงไม่ให้เกิดการฟื้นคืนชีพดังนั้นหลังเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 นายกรัฐมนตรีต้องไม่ใช่คนของทักษิณและน่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไว้ใจได้ ซึ่งคนคนนั้นคือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
การระดมสรรพกำลังสร้างฐานคะแนนจาก สส.ในสภา 150 เสียง เพื่อนำไปรวมกับวุฒิสมาชิก 250 เสียงจึงเป็นการดำเนินการเพื่อความเป็นไปได้เป็นการป้องกันไม่ให้ระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจอีกเพราะนั่นหมายถึงว่าประเทศไทยอาจจะสุ่มเสี่ยงสงครามกลางเมืองสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดกลียุคขึ้นในแผ่นดิน
ดังนั้นคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงคนเดียวเท่านั้น การผลักดันต่อต้านทางการเมืองในเวลานี้คือฝ่ายหนึ่งต้องให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปและอีกฝ่ายต้องการต่อต้านสร้างกระแสการเมืองป้องกันไม่ให้คณะทหารกลับมาโดยอ้างคำว่าประชาธิปไตยมาบังหน้าและถือเอาวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ละเป็นประเด็นใหญ่ซึ่ง คสช.ต้องอย่าประมาทเป็นอันขาดเพราะทักษิณไม่ยอมแพ้แน่นอน
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี