ผลขาดทุน 900,000 ล้านบาท ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่เป็นข่าวและมีการชี้แจงว่าเป็นการขาดทุนทางบัญชี และเชื่อว่าในอนาคตค่าเงินดอลลาร์จะสูงขึ้น ก็จะทำให้ผลขาดทุนหายไป
ก็เป็นอันว่าจำนวนผลขาดทุน 900,000 ล้านบาทนั้น ไม่มีข้อสงสัยอีกแล้ว คงเหลือสองปัญหาที่เกี่ยวข้องคือ ที่ว่าขาดทุนทางบัญชีคืออะไร และค่าเงินดอลลาร์
ในอนาคตจะเป็นอย่างไร
ทั้งสองเรื่องนี้จะเป็นเรื่องชี้ชะตาว่าประเทศไทยจะกลับฟื้นคืนดี หรือว่าจะเอาประเทศไทยไปจำนำกับ IMF เหมือนเมื่อปี 2540 จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนทุกคนที่ต้องสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง
การชี้แจงนั้นได้ยอมรับว่ามีการคาดการณ์ว่าเงินบาทจะแข็งตัวขึ้น จึงต้องซื้อเงินดอลลาร์เข้ามาจำนวนมาก เพื่อถ่วงดุลให้ค่าเงินบาทไม่แข็งเกินไป ดังนั้นเมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจึงมีผลทำให้ขาดทุนเกิดขึ้น
ตรงกันข้ามกับปี 2540 ที่ขายเงินดอลลาร์ออกไปมากเกินไป เพราะกลัวว่าเงินบาทจะอ่อนลง แต่ในที่สุดเมื่อดอลลาร์แข็งขึ้น จึงขาดทุนมหาศาล จนกระทั่งต้องเอาประเทศไปจำนำ
ก็พูดกันอย่างไม่เกรงใจว่า กรณีปี 2540 นั้น เป็นการเก็งผิดพลาดอย่างร้ายแรง คือเก็งว่าเงินดอลลาร์จะอ่อน จึงขายออกไปจำนวนมาก พอเงินดอลลาร์แข็งค่า
จึงขาดทุน
ส่วนปัจจุบันนี้ก็เป็นการเก็งผิดพลาดอย่างร้ายแรง เช่นเดียวกัน คือเก็งว่าเงินดอลลาร์จะแข็ง จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อน จึงซื้อเงินดอลลาร์เข้ามามากเกินไปดังนั้น เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจึงขาดทุนถึง 900,000 ล้านบาท
นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นจากการเก็งผิดพลาด และความจริงเพื่อป้องกันความผิดพลาดเสียหาย รัฐบาลก็ได้ประกาศลอยตัวค่าเงินบาทไปแล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 โดยผลก็คือ ไม่ให้แทรกแซงค่าเงินบาท ซึ่งเป็นการป้องกันชาติฉิบหายล่มจมนั้นเอง
ดังนั้นการซื้อเงินดอลลาร์เข้ามามากเกินไปเพื่อที่จะดึงค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ถ้าหากถือว่านี้คือการแทรกแซงค่าเงินบาท ก็ย่อมเป็นการกระทำผิดกฎหมายตามที่ประกาศไว้
ความจริง ถ้าเชื่อคำท้วงติงของผู้หวังดีมากหลายที่เสนอให้ลดการสำรองเงินดอลลาร์ลง และเปลี่ยนไปเป็นเงินสกุลอื่น เช่น เงินหยวน เป็นต้น แทนที่จะมีผลขาดทุนมหาศาลขนาดนี้ ก็อาจจะมีกำไรหลายแสนล้านบาทถึงตอนนั้นหากจะว่าเป็นกำไรทางบัญชีก็คงไม่มีใครว่าอะไร
ดังนั้น ไม่ว่าจะอ้างกันอย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือมีผลขาดทุนเสียหายเกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นจากการเก็งผิดพลาด ถ้าหากเพียงแค่ซื้อเงินหยวนเข้ามาก็จะไม่ขาดทุน และอาจมีกำไรจำนวนมากด้วย
น่าเสียดายว่าไม่มีการยอมรับว่าเป็นการเก็งผิดพลาดจึงไม่มีการเสนอมาตรการใดๆ ที่จะแก้ไขปัญหาผลขาดทุนดังนั้น ถ้าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปอีกก็อาจขาดทุนเกินล้านล้านบาทก็ได้ ดูไปแล้วชะตากรรมของประเทศไทยเห็นจะขึ้นกับอนาคตของค่าเงินดอลลาร์เสียแล้ว
นั่นคือ ถ้าค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก ผลขาดทุนก็อาจจะเกิดขึ้นเป็นล้านล้านบาท หรือเท่ากับผลขาดทุนของปี 2540 ก็เป็นได้ หากโชคช่วยเงินดอลลาร์ฟื้นคืนแข็งค่าขึ้นก็อาจจะลดผลขาดทุนลงได้บ้าง
อนาคตเงินดอลลาร์เป็นอย่างไรกันเล่า ดูไปแล้วเห็นท่าว่าจะลดค่าลงต่อไปอีก ด้วยเหตุผลนี้คือ
ประการแรก ผู้ถือเงินดอลลาร์ทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ เทขายเงินดอลลาร์กันไม่หยุดหย่อน จึงทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงไป
ประการที่สอง ไม่มีประโยชน์ที่ประเทศต่างๆ จะซื้อเงินดอลลาร์มาเพื่อใช้ในการซื้อน้ำมันเหมือนอดีต โดยเฉพาะกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ได้ซื้อเงินหยวนในการซื้อน้ำมันกันอยู่แล้ว ปริมาณการใช้เงินดอลลาร์จึงลดน้อยลงโดยลำดับ ค่าเงินดอลลาร์ก็ต้องอ่อนตัว
ประการที่สาม ทั่วโลกหันมาให้ความเชื่อมั่นกับสกุลเงินที่มีหลักประกัน โดยเฉพาะมีทองคำเป็นหลักประกัน แต่เงินดอลลาร์ไม่มีทรัพย์สินใดค้ำประกัน จึงถูกเทขายกันต่อเนื่อง
อนาคตที่ประเทศต่างไม่ต้องการเงินดอลลาร์ คือสาเหตุหลักที่ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และจะทำให้การเก็งครั้งใหม่ที่ว่า เงินดอลลาร์อาจจะแข็งค่าขึ้นผิดพลาดครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี