1.หลักการของความเป็นเจ้าของ
ที่ผ่านมา นักการเมืองและนายทุนพรรค จักแสดงตนเป็นเจ้าของ ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งพรรคจนจบคือ การกำหนดวัตถุประสงค์ อุดมการณ์ นโยบาย ระเบียบการข้อบังคับ การหาสมาชิก การเลือกหัวหน้าและกรรมการ ผู้สมัคร การหาเสียง การได้จำนวนสส. หรือ สว. การเป็นรัฐมนตรีเลขานุการ ที่ปรึกษา กรรมาธิการ ฯลฯ ล้วนมาจากพวกตน, ประชาชน หรือสมาชิก มีส่วนร่วมน้อยมาก
@ พรรคที่ดีหรือไม่ อยู่ที่เพียงการมีอุดมการณ์เพื่อประชาชน หรือใช้ประชาชนเป็นข้ออ้างหรือผู้รับ ประชาชน ที่ไม่มีส่วนรวมในเรื่องต่างๆ ที่สำคัญ จึงเป็นเพียงคนนอกเป็นผู้รับ มิใช่ผู้กำหนดพรรค ขอกล่าวเฉพาะ “เรื่องค่าบำรุงพรรคของสมาชิกรายปี” เป็นตัวอย่างที่คลาสสิก ที่แสดงออกเป็นรูปธรรมการมีส่วนร่วมในการจ่ายค่าบำรุงพรรคของสมาชิก เป็นหัวใจขั้นต้น ในการแสดงตนเป็นสมาชิกว่า “ต้องการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของพรรค” ตามด้วย การร่วมคิดและทำในการสร้างและพัฒนาพรรค ซึ่งการเป็นเจ้าของพรรค คือ ต้องมีส่วนร่วมกำหนดในทุกเรื่องที่สำคัญของพรรค เพื่อให้พรรคเป็นของสมาชิกที่ผ่านมา เจ้าของพรรค มักไม่ลงทุนแสวงหา ให้คำอธิบาย สร้างความเข้าใจ ถึงความสำคัญของค่าบำรุงพรรคแต่ใช้วิธีง่ายๆ ไม่ต้องมีหรือปฏิเสธให้สมาชิกชำระค่าบำรุงพรรค แต่หากระเบียบพรรคต้องมีตามกกต.กำหนดก็ลงทุนให้หัวคะแนน ไประดมคนมาสมัครเป็นสมาชิกและจ่ายเงินค่าบำรุงพรรคแทน ใช้เงินและค่าตอบแทนในการเดินทางมาประชุม มาลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครของพรรค แถมบางพรรคมีการเลี้ยงด้วยฉะนั้น จึงกล่าวหาต่างๆ นานา หรือโยนความผิดให้ผู้ออกระเบียบ ในการกำหนดการยืนยันและจ่ายเงินคำบำรุงนี่เป็นเรื่องน่าเศร้า เป็นเรื่องแสดงข้อแตกต่าง ระหว่างพรรคที่มีเจ้าของกับพรรคที่สมาชิกเป็นเจ้าของ
2.หลักการของการเคารพประเพณีวัฒนธรรมและสถาบันหลักที่มีคุณูปการต่อบ้านเมือง โดยหัวใจใหญ่คือ การกำหนดให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริบ์เป็นประมุข ซึ่งมิใช่มีแต่เป็นนามธรรม แต่ต้องแสดงออกเป็นรูปธรรมของสมาชิกพรรคว่า “คิดและทำอย่างไร” พรรคที่เป็นของสมาชิก เป็นของปวงชน ต้องแสดงออกซึ่งความเคารพเทิดทูน สถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ทั้งกายวาจาใจ และการปฏิบัติ อันเป็นการแสดงถึงการเคารพสมาชิก ประชาชนและประเทศชาติบางพรรค เพียงแต่ “มีข้อความ มีรูปภาพ มีการกล่าววาจาในที่สาธารณะ” แต่ขาดการปฏิบัติด้วยความเคารพบางพรรคยิ่ง เลวหนักข้อ ที่หัวหน้าและคนสำคัญของพรรค จะกล่าวหลบหลู่ และสนับสนุนกลุ่มที่คิดล้มสถาบันฯฉะนั้นหากประชาชน ได้รู้เข้าใจ “พรรคดังกล่าว” ก็จะต้องไม่เลือก ไม่คบค้าทั้งหัวหน้าและรัฐมนตรีของพรรค
3.หลักการของความจริง ความดีและการมีประโยชน์ ต่อประชาชนและประเทศชาติ พรรคการเมืองของประชาชน ต้องยึดความจริง ว่าวิกฤติของชาติ เกิดจากระบบทุนสามานย์และนักการเมืองชั่วประชาชน ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับพรรคการเมืองของประชาชน ที่มีผู้นำดีมีความรู้และความตั้งใจทำเพื่อชาติชาวบ้าน ต้องสนับสนุนให้กำลังใจ แก่ผู้นำและคนดี ที่ได้แสดงออกในการรักษาประโยชน์ของบ้านเมือง
4.หลักการของความเสมอภาค และสิทธิเสรีภาพ หัวใจของประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องคิดและทำเพื่อความเสมอภาคของประชาชนทั้งประเทศ มาก่อนต้องใช้ สิทธิเสรีภาพที่มี หรือที่เรียกร้องให้ได้มา ก็เพื่อสร้างนโยบาย เพื่อให้เกิดความเสมอภาคของประชาชนปัญหาของประชาธิปไตยที่ผ่านมา เพราะ “ไปเอาสิทธิของสส.” มาก่อน “ความเสมอภาคของประชาชน” นักการเมือง พรรคการเมือง และสส. รวมทั้งนายกและรัฐมนตรี มีสิทธิมากกว่าสมาชิกและประชาชนและมักใช้ “สิทธิ หรือ อภิสิทธิ์” ของตน ของพรรค ไปสร้างอำนาจและความร่ำรวยแก่พรรคและพวกตนทำให้ นโยบายที่เน้นความเสมอภาค และทำให้ประชาชนได้รับสิทธิเท่าเทียมกับนักการเมือง จึงไม่เกิดเป็นจริง
5.หลักการและความสัมพันธ์ของพรรค รัฐบาล และประชาชนประเทศชาติ พรรคและรัฐบาล ต้องมาหลัง ประชาชนและประเทศชาติรัฐบาลที่ดี ต้องมาจากพรรคของประชาชน มิอาจได้มาจากพรรคของนายทุนและนักการเมืองพรรคของประชาชน ต้องถูกกำหนดมาจากประชาชนรัฐบาลที่ดี ที่มาจากพรรคของประชาชน จึงจะทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติได้อย่างแท้จริง
6.หลักการในเรื่องแนวทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอน ที่เป็นจริงต้องกำหนดมาจากสมาชิกพรรคที่มีคุณภาพ ที่เป็นเจ้าของพรรค จึงจะมีแนวทางนโยบายฯเพื่อประชาชนได้จริงแนวทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอน จักต้องถูกเขียนขึ้น ตามสภาพความเป็นจริงของสังคมข้อผิดพลาดที่ผ่านมา พรรคการเมืองไทยมักไปลอกต่างประเทศ“ ตัดตีนให้เข้ากับเกือก มิใช่ตัดเกือกเข้ากับตีน “พรรคการเมืองของประชาชน ต้องจัดหา” นักทฤษฎี นักยุทธศาสตร์ ที่มีความเข้าใจเนื้อหาและสภาพสังคมไทยแล้ว นำเสนอ แนวทาง นโยบายฯ ให้ถูกต้องสอดคล้อง ตามสภาพขั้นตอนของสังคมที่เปลี่ยนไปให้ถูกต้อง จึงจะเป็นการ “กำหนดและนำมาใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชนประเทศได้จริง”
7.หลักการของธรรมนูญ ระเบียบข้อบังคับ ธรรมนูญและระเบียบข้อบังคับพรรคที่ดี ต้องถูกกำหนด และเน้นผลประโยชน์ของสมาชิกและประชาชนต้องเน้น สิทธิและความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกันของสมาชิกพรรค ไม่ว่าจะเป็นสมาชิก เป็นสส.หรือรัฐมนตรีสมาชิกพรรคที่ดี ต้องศึกษาทำความเข้าใจธรรมนูญระเบียบข้อบังคับ และยึดถือเป็นกฏเหล็กที่ต้องปฏิบัติตาม
8.หลักการของวินัยและจรรยาบรรณของนักการเมืองและสมาชิกพรรค “จริยธรรม” (ETHICS) คือ มาตรฐานทางพฤติกรรมที่พึงถือปฏิบัติเพื่อความดีงาม “วินัย” (DISCIPLINE) คือ มาตรฐานทางพฤติกรรมที่ต้องถือปฏิบัติเพื่อผลสัมฤทธิ์ของงาน เนื่องจากสมาชิกพรรคและนักการเมืองของพรรค ต้องยึดการปฏิบัติตามนโยบายเพื่อประชาชนและประเทศชาติวินัยและจรรยาบรรณของพรรค เป็นเครื่องบ่งชี้ ถึงการเป็นสมาชิกและเป้นนักการเมืองที่ดีและยิ่งมีตำแหน่งบริหารราชการในทางการเมือง จำเป็นต้องมี คณะกรรมการพรรค ในการตรวจสอบและควบคุม
9.หลักการการร่วมมือพัฒนาบ้านเมือง ของ เยาวชนสตรีผู้สูงอายุ โดยการมีองค์กรสังกัดภายในพรรคบุคลากรที่สำคัญของประเทศ เช่น “เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ” จะต้องมีส่วนร่วมในการสร้างพรรคสร้างชาติและการจะสร้างให้มีพลังในการเปลี่ยนแปลงได้ จำต้องมีองค์กรสังกัด และโครงสร้างกำกับฯ
10.หลักการโรงเรียนการเมือง ในการอบรมพัฒนาให้รู้แนวทาง นโยบาย และความเข้าใจการเมืองไทยสมาชิกพรรค ต้องมีการอบรมพัฒนาให้เข้าใจแนวทางนโยบายของพรรคและการเมืองไทยเพื่อที่จะสามารถไปชี้แนะทำความเข้าใจต่อชาวบ้าน และสามารถตัดสินใจทางการเมืองได้อย่างถูกต้องฉะนั้น สมาชิก ผู้สมัคร นักการเมืองของพรรค จึงต้องผ่านการเข้าอบรมจากโรงเรียนการเมืองของพรรค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี