ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปของประเทศไทยในช่วงต้นปี 2562 ถูกนักการเมืองพรรคต่างๆ ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาล คสช.มีการหาทุนสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรคที่ก่อตั้งใหม่เป็นวงเงินจำนวนถึง 40,000 ล้านบาท บางรายก็ให้ข่าวผ่านสื่อมวลชนว่ามีวงเงินมากกว่าหนึ่งแสนล้านบาท เลยทีเดียว ซึ่งจะเป็นความจริงหรือไม่ยังสงสัยกันอยู่เพราะยอดเงินมากจริงๆ
เพราะคณะรัฐมนตรี คสช.ชุดนี้ไม่ปรากฏว่ามีใครที่จะมีเงินทุนมหาศาลเป็นหมื่นๆ ล้านบาท ได้ เพราะข้อเท็จจริงนั้นปรากฏว่านักการเมืองบางพรรคหรือว่าหัวหน้าพรรคตัวจริงของพรรคการเมืองมีฐานะเป็นมหาเศรษฐีหลายหมื่นล้านบาท การหนุนพรรคการเมืองด้วยวงเงินมหาศาลขนาดนั้นรัฐบาล คสช.จะหาเงินจากแหล่งใดมาสนับสนุนพรรค
ตามกฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่นั้นมีข้อกฎหมายระบุไว้ว่าในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละครั้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งดังต่อไปนี้ คือจำนวนเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครแต่ละคนที่จะใช้จ่ายในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งกับจำนวนเงินค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองที่จะใช้จ่ายในการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
กฎหมายยังระบุว่าในกรณีที่ผู้สมัครในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใดได้ใช้จ่ายไปเพื่อการเลือกตั้งเป็นจำนวนเท่าใดให้นับรวมเป็นค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองด้วยในการกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดโดยหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งกฎหมายยังกำหนดอีกว่า
ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใช้จ่ายในการเลือกตั้งเกินจำนวนค่าใช้จ่ายที่กำหนดทั้งนี้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้รวมถึงบรรดาเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดที่บุคคลใดๆ จ่ายหรือรับว่าจะจ่ายแทนหรือนำมาให้ใช้โดยไม่คิดค่าตอบแทนเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งโดยความยินยอมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองนั้นด้วย ในกรณีที่นำทรัพย์สินมาให้ใช้ให้คำนวณตามอัตราค่าเช่าหรือค่าตอบแทนตามปกติในท้องที่นั้นๆ
การเลือกตั้งในต่างประเทศโดยเฉพาะในซีกโลกตะวันตกหรือญี่ปุ่นนั้นสมาชิกพรรคหรือว่าผู้สนับสนุนพรรคจะเป็นผู้ระดมทุนมาสนับสนุนผู้สมัครด้วยความศรัทธาในตัวนักการเมืองผู้นั้นนักการเมืองไม่ต้องใช้เงินส่วนตัวมาหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนเรื่องใช้เงินมาซื้อเสียงยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยซึ่งแตกต่างกับการเมืองในประเทศไทยโดยสิ้นเชิง
นักการเมืองไทยนั้นตามข้อเท็จจริงจะต้องหาเงินมาใช้จ่ายในการเลือกตั้งเองไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น เช่น สมาชิกอบต. สมาชิกสภาเทศบาล สมาชิกสภาจังหวัด การเลือกตั้งระดับชาติ เช่น สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนการใช้เงินเพื่อซื้อคะแนนเสียงเลือกตั้งนั้นดูจะเป็นเรื่องปกติธรรมดามากไม่เหมือนในต่างประเทศ
เพราะในต่างประเทศนั้นนักการเมืองของเขาที่ได้รับเลือกเข้ามาทำงานนั้นจะได้มาด้วยความเลื่อมใสศรัทธาเป็นประการสำคัญค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งประชาชนจะให้เงินมาช่วยผิดกับนักการเมืองของไทยที่ใช้เงินของตนเองเป็นส่วนใหญ่ปัญหาการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงจึงแก้ไขได้ยากเพราะการเมืองหมายถึงการลงทุนหรือการค้านั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี