เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด วัย 92 ปี ได้กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียอีกครั้งจากการชนะการเลือกตั้งทั่วไปอย่างพลิกความคาดหมาย หลังจากที่ได้วางมือจากเวทีการเมืองไปร่วม 12-13 ปี
ก่อนอื่น ผมขอแสดงความยินดีต่อเพื่อนๆ ชาวมาเลเซียทุกคน ที่เขามีผู้นำที่ไม่เคยหยุดรักชาติ ไม่เคยเลิกห่วงใย และยังกล้าหาญชาญชัยอาสากลับเข้ามารับใช้บ้านเมืองอีกครั้งในยามที่บ้านเมืองคับขัน และตกอยู่ในสภาวะวิกฤติมานานนับทศวรรษ
นอกจากนั้น ผมยังขอคารวะประชาชนชาวมาเลเซียส่วนใหญ่ ที่เอาใจใส่ และรู้ทันการเมือง สามารถแยกแยะเรื่องดีงาม กับเรื่องฉาวโฉ่ได้ โดยไม่ยอมเคลิ้มไปกับคำกล่าวโฆษณาชวนเชื่อ หรือกับนโยบายและมาตรการประชานิยมของผู้นำพรรครัฐบาลที่มีเรื่องอื้อฉาวไปทั่วโลก และนอกจากนั้น ยังไม่เกรงกลัว ท้อถอย กับลัทธิอำนาจนิยม หรือนัยหนึ่งคงพูดได้ว่า ชาวมาเลเซียเขาต่างรู้เห็นกันว่า ใคร พรรค และนักการเมืองฝ่ายใดเป็นฝ่ายธรรมะ และฝ่ายใดเป็นฝ่ายอธรรมที่สำคัญต่างยอมรับความเป็นพหุสังคม พหุวัฒนธรรมของมาเลเซีย ที่ชาวมาเลเซียแม้จะมีเชื้อสายมลายู ชนเผ่าดั้งเดิม เชื้อสายจีน และเชื้อสายอินเดีย ต่างมีที่ยืนในสังคม ต่างมีโอกาส และได้รับการปกป้องคุ้มครองภายใต้กฎหมายอย่างทัดเทียมกัน โดยไม่โอนอ่อนคล้อยตามไปกับการยึดมั่นในเรื่องชาติพันธุ์นิยม
และที่สำคัญ ผมขอแสดงความประทับใจความน่าทึ่งใจ ต่อความเด็ดเดี่ยวของนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่กล้าเอาชื่อเสียงและชีวิตเป็นเดิมพัน ในการตัดสินใจกลับสู่สนามการเมือง เพื่อ “กู้ชาติ” เพราะเห็นว่าชาติที่ตนสร้างมากับมือกำลังล้มเหลวไปกับการใช้อำนาจโดยมิชอบ การลิดรอนสิทธิเสรีภาพ การสร้างอาณาจักรแห่งความกลัว การสร้างค่านิยมเกลียดชังกันในเรื่องสีผิว ชาติพันธุ์ และการนับถือศาสนา ซึ่งปรากฏการณ์ครั้งนี้ของ นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด เสมือนเป็นหนุมาน หรือซูเปอร์แมน ที่เข็นครกขึ้นภูเขาได้สำเร็จท่ามกลางความเสี่ยงและอุปสรรคต่างๆ นานา
สิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่างก็คือ การที่นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ประกาศว่า พฤติกรรมใดที่เป็นความผิดของผู้ทำลายชาติ ผู้ทำลายความสำเร็จต่างๆ ของมาเลเซียที่สะสมมาตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากอาณานิคมอังกฤษ จะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม จะดำเนินการตามครรลองครองธรรม โดยไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง โดยจะไม่เอาชัยชนะครั้งนี้มาเป็นเครื่องมือกลไกในการแก้แค้นส่วนตัว ดังพฤติกรรมที่ปรากฏในรัฐบาลชุดก่อน ที่ผ่านมาเป็นการแสดงออกซึ่งจิตใจอันสูงส่ง และเป็นการคิดพินิจพิจารณาว่า สังคมมาเลเซียต้องมุ่งหน้า และรัฐบาลชุดใหม่นี้ต้องรับใช้บ้านเมือง เพื่อให้สงบและก้าวหน้าอย่างสง่างามเพื่อคนมาเลเซีย และเพื่อการเคารพนับถือของประชาคมโลก
เราชาวไทย ก็น่าจะได้ร่วมกันแสดงความยินดีต่อเพื่อนๆ ชาวมาเลเซีย และอวยพรให้เขาประสบความสำเร็จภายใต้การนำพาของนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด ความเป็นปึกแผ่นและความเจริญก้าวหน้าของมาเลเซียจะมีผลบวกแก่ไทย ทั้งในเรื่องการทำมาค้าขาย ในเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้ในเรื่องการส่งเสริมเส้นทางสายกลางของความนึกคิดและความเชื่อถือ และในการพัฒนาประชาคมอาเซียนให้เป็น “ประชาคม” ที่แท้จริงยิ่งๆ ขึ้น
ผมก็หวังด้วยว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้ที่มาเลเซียจะได้เป็นข้อคิด ข้อเปรียบเทียบ เป็นตัวกระตุ้นให้กับวงการต่างๆ ของไทย โดยเฉพาะวงการการเมือง ในการเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง เป็นเรื่องที่ต้องมาก่อน และทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันกู้ชาติ และสร้างชาติบ้านเมือง
คนไทยเราทุกคนจะได้เอามาเป็นตัวอย่างว่า เราจะต้องไม่อายที่จะออกมาทำความดี คนไทยทุกคนต้องเลิกผูกติดกับระบบอุปถัมภ์ กับค่านิยมที่สวนทางกับหลักธรรม และหลักกฎหมาย และร่วมกันส่งเสริมคนดี และปฏิเสธโจร และเหลือบสังคมต่างๆ
เมื่อเราทุกคนต่างเป็นพลเมือง เรื่องของเมืองก็เป็นเรื่องของเรา เราต้องรู้เรื่อง ต้องสนใจ ต้องมีส่วนร่วม เพราะเราเป็น “พลัง” และเราเป็นเจ้าของ “เมือง”
นอกจากการชื่นชมเพื่อนๆ ชาวมาเลเซียแล้ว เราคนไทยทุกคน ก็ต้องช่วยกันผลักดันทุกๆ ทาง ให้ทุกอย่างทางการเมืองเราได้เข้าที่เข้าทางอย่างถูกต้อง เพื่อที่ในอีกไม่นาน เราจะได้มีโอกาสในการได้ชื่นชมตัวเราเอง ประเทศเราเองด้วย
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี