ข่าวการเลือกตั้งของประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซียสร้างความสนใจให้แก่คนไทยเป็นจำนวนมาก
บางสื่อนำมาวิเคราะห์ถึงการเลือกตั้งในไทยว่า ถ้ามหาเธร์ โมฮัมหมัด อายุ 92 ปี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียได้ คุณชวน หลีกภัย อายุ 80 ปี ก็น่าจะกลับมาเป็นผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์ได้
จากผลการเลือกตั้งในมาเลเซียทำให้นักการเมืองรุ่นเก่า เช่น นายเสนาะ เทียนทอง หรืออดีตนายกฯ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อายุมาก แต่ก็ยังมีความหมายอยู่ แสดงว่าคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นสูงอายุต้องทำงานร่วมกันทางการเมือง ประเทศจึงจะไปได้ ไม่ใช่เฉพาะคนรุ่นใหม่หรือเฉพาะคนรุ่นอายุมากเท่านั้น เพราะช่วงนี้มีการพูดถึงพรรคของคนรุ่นใหม่มาก
ผมลองสรุปบทเรียนของการเลือกตั้งมาเลเซียครั้งนี้ให้ท่านผู้อ่านเป็นข้อๆ
ภาพบรรยากาศมหาเธร์ โมฮัมหมัด กับการเลือกตั้ง
ข้อแรก คือ ผลการเลือกตั้งรัฐบาลนายนาจิบ ราซัค แพ้อย่างขาดลุ่ย ได้คะแนนที่นั่งแค่ 79 จาก 133 เมื่อปี 2013 ส่วนพรรคฝ่ายค้านโดยการนำของ มหาเธร์ ชนะได้คะแนน 122 เสียง
ข้อสอง การพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในช่วงเวลา 60 ปีของกลุ่มการเมืองที่เรียกตัวว่า UMNO (The United Malays National Organisation) ที่ปกครองประเทศมาเลเซียอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ได้รับเอกราช การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ของคนใน UMNO เดิมคือ มหาเธร์ ซึ่งอดีตเคยเป็น
UMNO ปกครองมาเลเซีย เป็นนายกรัฐมนตรีกว่า 20 ปี และเป็นคนสร้างผู้นำอย่างนาจิบด้วย จึงเป็นการต่อสู้กันระหว่าง UMNO เก่า กับ UMNO กลายสภาพมาเป็นฝ่ายค้าน
ข้อสาม มหาเธร์ทราบว่ากลุ่ม UMNO เข้มแข็งมาก ถ้าจะล้ม UMNO ต้องจับมือกับพรรคฝ่ายค้านของคุณอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งมีคะแนนนิยมมากพอในอดีตก็เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีสมัยมหาเธร์ด้วย
ข้อสี่ ในช่วงที่อันวาร์เป็นรองนายกฯ มีความคิดที่จะเป็นผู้นำคนใหม่ของมาเลเซียเร็วเกินไป จึงถูกมหาเธร์ไม่พอใจจึงแจ้งความคดีรักร่วมเพศ
ข้อห้า การต่อสู้ครั้งนี้ ประเด็นแรกคือการเมือง ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวร
มหาเธร์ โมฮัมหมัด เคยอยู่ฝ่ายเดียวกับ นาจิบ ราซัค มาก่อน
ข้อหก นอกจากมหาเธร์ จับมือกับพรรคอันวาร์แล้วยังร่วมมือกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มาจากกลุ่มชาวจีน และกลุ่มชาวอินเดีย ซึ่งในอดีต UMNO มีนโยบายให้ชาวจีนและชาวอินเดียให้สนใจเรื่องการค้า กีดกันไม่ให้มีบทบาทในการเมือง
ข้อเจ็ด เหตุที่คนมาเลย์เสื่อมต่อผู้นำ นาจิบคือเรื่องคอร์รัปชั่น คือ นาจิบถูกกล่าวหาว่าเอาเงินกองทุน IMDB ไปใช้ในบัญชีส่วนตัวประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ ทำให้ประชาชนไม่ไว้ใจอีกต่อไป
ข้อแปด คุณมหาเธร์ได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้อันวาร์ ได้ออกมาจากคุกเรียบร้อย และคงจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหลังจากมหาเธร์ ดำรงตำแหน่ง 2 ปี
ข้อเก้า บทเรียนครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่ามหาเธร์เป็นบุคคลที่มีความมุ่งมั่นต่อประเทศ ถึงอายุมากแล้วแต่ยังเป็นห่วงในความอยู่รอดของประเทศ ภาวะผู้นำของเขาจึงมีคุณค่าแก่การเรียนรู้ของผู้สนใจบทบาทผู้นำในภูมิภาคนี้
ข้อสิบ มหาเธร์ ดำเนินกลยุทธ์ที่จะชนะเลือกตั้ง โดยในที่สุดกลับมาคืนดีอดีตลูกน้องเก่า ซึ่งเขาเคยแจ้งจับในคดีรักร่วมเพศ
ข้อสิบเอ็ด สำหรับอันวาร์ อิบราฮิม บทเรียนคือโตเร็ว มีความทะเยอทะยาน ทำให้มหาเธร์ไม่พอใจ อันวาร์รับโทษถึง 17 ปี ทำให้เขาได้เรียนรู้ความเจ็บปวด ผู้นำจะชนะได้ต้องมาจากความเจ็บปวด จากทฤษฎี 3 L’s ของผม
นายกฯ มหาเธร์ โมฮัมหมัด(ขวา) จับมือกับ อันวาร์ อิบราฮิม ก่อนเข้าเฝ้า ที่พระราชวังในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2561 ภาพจากกระทรวงสารสนเทศมาเลเซีย/AFP
1.Learning from pain เรียนรู้จากความเจ็บปวด
2.Learning from experiences เรียนรู้จากประสบการณ์
3.Learning from listening เรียนรู้จากการรับฟัง
ข้อสิบสอง ผลกระทบต่อ 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย จังหวะนี้น่าสนใจว่ารัฐบาลคุณประยุทธ์จะดำเนินนโยบาย 3 จังหวัดภาคใต้อย่างไร ควรจะใช้จังหวะนี้เจรจากับผู้นำคนใหม่
ผมมีโอกาสได้พบคุณอันวาร์ในประเทศไทย 1 ครั้งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้ว อันวาร์เป็นผู้นำที่รู้จักคนไทยมากเข้าใจประเทศไทยอย่างดี ร่วมทั้งคุณมหาเธร์ก็เข้าใจปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้อย่างดี น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะเจรจาต่อไป
และสุดท้าย โครงการ IMT-GT การร่วมมือ 3 ประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง น่าจะเร่งรัดให้ไปสู่ความสำเร็จเร็วขึ้น
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี