การก่อรัฐประหารกับการเมืองไทยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ดูเสมือนว่า จะกลายเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด เพราะเมืองไทยมีการทำรัฐประหารมาแล้วร่วม 13 ครั้ง
รัฐประหารครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2476 ในสมัยพระยามโนปกรณ์นิติธาดาที่ประกาศปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และประกาศงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา
จากนั้นในวันที่ 20 มิถุนายน 2476 พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ก่อการยึดอำนาจจากรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา
ส่งผลการรัฐประหารในไทย ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นในปี 2490, 2491, 2494, 2500, 2501, 2514, 2519, 2520, 2534, 2549 และครั้งล่าสุดคือ 2557 วันที่ 22 พฤษภาคม
มีผู้ตั้งคำถามว่า ทำไมจึงเกิดรัฐประหารบ่อยครั้งเหลือเกินในประเทศไทย เป็นเพราะบ้านเมืองของเรามีนักการเมืองเลวทราม หรือเป็นเพราะมีทหารบ้าอำนาจหรือเป็นเพราะประชาชนของเราไม่ประสีประสากับการเมือง
คำตอบต่อปัญหาดังกล่าวตอบได้ไม่ง่ายนัก เพราะแต่ละภาคส่วนของสังคมไทยล้วนแล้วแต่ ต้องร่วมรับผิดชอบต่อชะตากรรมของบ้านเมืองด้วยกันทั้งสิ้น แต่สิ่งหนึ่งซึ่งชัดเจนที่สุดคือ ผลของการ ก่อรัฐประหารทุกครั้งคือ บ้านเมือง สังคม เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศชาติล้วนได้รับผลกระทบทุกครั้ง
ส่วนคำถามที่ว่า ก่อรัฐประหารเพราะอะไร คำตอบก็จะขึ้นอยู่กับว่า ใครเป็นผู้ตอบเป็นใคร หากเป็นนักการเมืองจำพวกเกิดมาเพื่อโกงบ้านกินเมือง ก็จะตอบว่า พวกที่ทำรัฐประหารคือผู้ทำความเสียหายให้ชาติบ้านเมือง แต่กลับไม่เคยสำเหนียกว่า ตนเองคือสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้มีการรัฐประหาร
หากคนตอบคือ ผู้ทำรัฐประหารก็จะตอบแบบเดิมๆ ว่า เพื่อรักษาความสงบสุขของชาติบ้านเมือง หรือเพื่อให้ประเทศชาติรอดพ้นจากเหตุมิคสัญญีกลียุค แต่หากถามประชาชน ก็ต้องดูว่า ถามประชาชนกลุ่มใด เพราะแต่ละกลุ่มก็จะตอบต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่า ประชาชนสนับสนุนฝ่ายนักการเมืองโกงชาติหรือสนับสนุนฝ่ายรัฐประหาร
แต่ก็มีหลายต่อหลายครั้งที่ประชาชนกลุ่มที่รังเกียจนักการเมืองโกงชาติให้การสนับสนุนทหารให้ก่อรัฐประหารเพื่อล้มล้างรัฐบาลทรราช แต่ครั้นเมื่อทหารยึดอำนาจได้เสร็จสิ้นแล้วขึ้นเถลิงอำนาจรัฐ แล้วสุดท้ายผู้ก่อรัฐประหารก็มิได้มีพฤติกรรมแตกต่างไปจากเหล่านักการเมืองโกงชาติเมื่อเป็นเช่นนี้ เหล่าประชาชนที่เคยสนับสนุนผู้ก่อรัฐประหารมาก่อน ก็จะหันหลังให้กับกลุ่มผู้ก่อรัฐประหาร และรวมตัวลุกขึ้นขับไล่ผู้ก่อรัฐประหารที่มีพฤติกรรมสามานย์ไปแตกต่างไปจากนักการเมืองทรราช
สำหรับการรัฐประหารครั้งล่าสุด (ซึ่งน่าจะมิใช่ครั้งสุดท้ายของประเทศไทย) ที่กำลังจะเวียนมาบรรจบครบสี่ปีเต็มในวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 นั้น หากจะถามอีกครั้งว่า สังคมไทยได้หรือเสียอะไรจากการรัฐประหารครั้งล่าสุดนี้ ก็คงต้องถามกลับเหมือนเดิมว่า ตั้งคำถามให้ใครตอบ
ไม่ว่าจะถามใครก็ตาม คำตอบหนึ่งที่น่าจะได้คล้ายกันก็คือ สังคมไทยสามารถล้มล้างนักการเมืองทรราชกลุ่มหนึ่งลงไปได้ แต่ขอย้ำว่า แค่ล้มล้างเท่านั้น แต่มิได้ถอนรากถอนโคนนักการเมืองทรราชให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินนี้ ส่วนผู้ถือครองอำนาจรัฐรายใหม่จะมีพฤติกรรมการเมืองดีกว่านักการเมืองทรราชหรือไม่สิ่งเหล่านี้คนไทยคงมีคำตอบอยู่ในใจอย่างชัดเจนแล้ว
ข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่สังคมไทยประจักษ์ชัดคือ การรัฐประหารครั้งล่าสุดนี้ทำให้สังคมไทยไม่เกิดการชุมนุมแบบบ้าคลั่งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาในระยะหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุที่ไม่เกิดการชุมนุมแบบบ้าคลั่งมาจากอะไรนั้น คงตอบได้ยากพอสมควรบางฝ่ายอาจจะตอบว่า เพราะผู้ชุมนุมเกรงกลัวอำนาจทหารบางฝ่ายอาจตอบว่า เพราะไม่มีผู้นำการชุมนุมที่น่าศรัทธาบางฝ่ายอาจตอบว่า เพราะไม่มีเหตุปัจจัยหลักให้ประชาชนจำนวนมากไปร่วมชุมนุม
แต่อย่างไรก็ตาม เราคงไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่า ในระยะ 4 ปีมานี้ สังคมไทยไม่เกิดการชุมนุมเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองครั้งใหญ่ขึ้นมาเลย ซึ่งนับได้ว่า ดีกว่ายุคของรัฐบาล 3-4 ชุดที่ผ่านมา
ส่วนที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่า การก่อรัฐประหารครั้งล่าสุดทำให้ประเทศไทยและสังคมไทยเสียโอกาสแห่งการพัฒนา ทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอย และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยตกต่ำย่ำแย่ในสายตาประชาคมโลกนั้น เรื่องเหล่านี้อาจมีทั้งส่วนจริงผสมอยู่กับส่วนที่ไม่เป็นความจริง
แน่นอนว่า ในสายตาของประชาคมชาวตะวันตกนั้น การรัฐประหารไม่ใช่เรื่องดี และไม่มีใครยอมรับได้อย่างแน่นอน
หากจะถามประชาคมตะวันตกกลับว่า แล้วจะมีทางออกหรือคำตอบที่ดีที่สุดอย่างไรให้กับคนไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาผู้นำการเมืองไทยที่อ้างว่า มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับมีพฤติกรรมฉ้อฉลปล้นประเทศ และมีพฤติกรรมเป็นรัฐบาลทรราชโดยโจ่งแจ้ง อยากทราบว่า ประชาคมในโลกซีกตะวันตกจะให้คำตอบอย่างไร
ทว่ายังคงมีคำถามอยู่ตลอดเวลาว่า รัฐประหารครั้งนี้จะเป็นรัฐประหารครั้งสุดท้ายของไทยหรือไม่ ซึ่งผู้เขียนเองก็ขอให้คำตอบว่า ไม่น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย (แต่ผู้เขียนก็อาจจะตอบผิดก็ได้) ขณะเดียวกันผู้เขียนก็ขอตั้งคำถามนี้กับผู้อ่านด้วย และอยากทราบผู้อ่านจะตอบเช่นไร
ส่วนคำถามว่า รัฐประหารครั้งล่าสุดนี้ คนไทย ประเทศไทย ได้หรือเสียอะไร ผู้เขียนขออนุญาตตอบว่า มีทั้งได้และทั้งเสีย ส่วนจะเสียมากกว่าได้ หรือได้มากกว่าเสียผู้เขียนขออนุญาตถามคำถามนี้กับคุณผู้อ่าน เพราะเชื่อว่า ทุกคนมีคำตอบอยู่ในใจเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
ขออภัยที่ดูเหมือนว่า คอลัมน์ในวันนี้ช่างวกวนและช่างสับสนเสียเหลือเกิน ซึ่งผู้เขียนต้องยอมรับคำวิจารณ์นั้นโดยดุษณี เพราะว่า ผู้เขียนเห็นมาโดยตลอดว่า สังคมไทยของเรานั้นมันสับสนอลเวงมานานแสนนานแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี