ช่วงสัปดาห์ที่ 3 จนถึงสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนพฤษภาคม2561 เป็นห้วงเวลาที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลคสช.กำลังโหมไฟเติมฟืนเพื่อให้เกิดกระแสไล่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้มีมากขึ้นโดยเป็นการร่วมมืออย่างเด่นชัดของฝ่ายนักการเมืองสายพรรคเพื่อไทย อดีตทหาร ตำรวจในรุ่นเดียวกับนายทักษิณ ชินวัตร ประสานกับแกนนำคนเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ ที่กระจายตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ
นอกจากในกรุงเทพมหานครซึ่งมี 2 มหาวิทยาลัยใหญ่เป็นหลัก ทั้งในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วก็มีมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ขอนแก่น อุดรธานี มหาสารคาม อุบลราชธานี นครราชสีมา จะมีความเคลื่อนไหวปลุกระดมซึ่งไม่ผิดไปจากก่อนเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 ถึง 14 ตุลาคม 2516 มากนัก แต่ครั้งนี้มันต่างจากสมัยโน้นมากเพราะมีทุนใหญ่หนุนหลังมากกว่าเป็นร้อยๆ เท่า
คนเดือนตุลาคม ปี 2516 ถึงตุลาคม 2519 เกิดกระแสล้มรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ได้นั้นนัยสำคัญมีทุนหนุนหลังจากอดีตนักการเมืองที่เป็นอดีตนายทหารและนายตำรวจรวมไปถึงนักธุรกิจชั้นนำกลุ่มหนึ่งมีหลักฐานใหญ่ที่บ้านพักในกรมทหารแห่งหนึ่ง แถวเกียกกาย ชื่อเรียกขานกันสั้นๆ ในหมู่สื่อมวลชนยุค50 ปีที่แล้วว่า ท่านอ้วน
การที่รัฐบาลทหารของ 2 จอมพล คือ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และพันเอกณรงค์ กิตติขจร ต้องสิ้นอำนาจไปเพราะความขัดแย้งระหว่างมิตรเก่าแก่ที่กอดคอครองอำนาจทางการเมืองหลังหมดยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อปลายปี 2505 คณะทหารที่ครองอำนาจเกิดแตกคอกันและต้องการจะขจัด 2 พลเอกให้พ้นทางแห่งอำนาจการที่รัฐบาลจอมพลถนอมล่มไปก็เพราะการขัดขา 2 นายพล
เหตุการณ์ใหม่ในปีนี้ 2561 ทั้งๆ ที่เหลือเวลาอีก 8-9 เดือน ก็จะมีการเลือกตั้งแล้วทำไมจึงเกิดกระแสไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หนักในระยะนี้ด้วยข้อเท็จจริงทุกย่างก้าวที่คนในระบอบทักษิณจะต้องได้รับโทษตามกระบิลเมืองจากคดีทุจริตต่างๆ ด้วยการตัดสินของศาลอยู่แล้ว
ซึ่งแน่นอนละฝ่ายทักษิณจะยอมให้ศาลตัดสินไม่ได้ต้องมีการใช้ความพยายามทุกวิถีทางลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลทหารให้จงได้ด้วยการปลุกกระแสหนักรอบด้านผ่านสื่อสารมวลชนที่เป็นพรรคพวก ผ่านโซเชียลมีเดียทุกสายและก็ผ่านไปทางสื่อมวลชนในต่างประเทศที่ระบอบทักษิณใช้เงินทุ่มซื้อไว้ด้วย
อะไรที่เป็นภาพลบของคนในรัฐบาลจะต้องถูกขุดคุ้ยขึ้นมาตีแผ่อย่างหนักที่สุดเพื่อเร่งประเด็นล้มรัฐบาลทหารให้จงได้ ไม่แปลกอะไรที่จะมีโพลล์ออกมาจากมหาวิทยาลัยที่อ้างว่าสำรวจนิสิตนักศึกษาจาก 19 มหาวิทยาลัย ว่า ไม่เอารัฐบาลทหาร ก็พวกเล่นไปถามพวกที่มันเกลียดรัฐบาลทหารอยู่แล้วนี่นา ผลมันก็ออกมาในภาพลบต่อรัฐบาลและทหาร
ในขณะเดียวกันการชูประเด็นภาพที่ดีของนายทักษิณ ชินวัตร ออกมาเป็นการแสดงว่าเขายังมีประชาชนรักใคร่อยู่มาก ถ้าหากลองย้อนไปดูเหตุการณ์ก่อนที่จะเกิดสงครามกลางเมืองในสเปน ระหว่างปี 2479 ถึง 2482 พระราชวงศ์บูรบองที่ปกครองสเปน และถือเป็นฝ่ายขวา ได้ถูกรัฐบาลฝ่ายซ้ายที่นิยมมาร์กซิสต์ต้องการกำจัดให้สิ้นไปจากประเทศสเปน
ความแตกแยกอย่างหนักยังผลให้เกิดสงครามกลางเมืองในสเปน ซึ่งกว่าจะยุติก็ทำให้ชาวสเปนล้มตายไปมากกว่า 1 ล้านคน และบาดเจ็บไปอีกหลายล้านคนสำหรับประเทศไทยมีสถานการณ์ที่เหมือนๆ กันแม้จะห่างกันมานานถึง 80 ปีก็ตาม แต่มันมีลักษณะของสังคมที่เหมือนๆ กัน โดยเฉพาะความไม่ลงรอยกันของประชาชนคนไทยฝ่ายนิยมระบอบทักษิณกับฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณยังมีอยู่
สถานการณ์ขณะนี้ให้จับตาความเคลื่อนไหวของนักการเมืองในระบอบทักษิณในประเทศไทย อย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์, ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ฯลฯ หรือผู้นำนิสิตนักศึกษาอย่าง จ่านิว-นายสิรวิชญ์เสรีธิวัฒน์ และนายรังสิมันต์ โรม ว่ามีความเคลื่อนไหวที่ประสานกันตลอด
แม้แต่เหตุการณ์ที่อยู่ๆ ก็มีขบวนการรักป่าเรียกร้องขอคืนพื้นที่ป่าแหว่ง ที่เชิงดอยสุเทพ ที่เชียงใหม่ จับตาดูให้ดีมีการปลุกกระแสขอเอกราชก่อให้เกิดรัฐล้านนาไทยขึ้นมาหรือไม่ เป็นเรื่องที่รัฐบาลทหารต้องระวังเพราะปัจจุบันมีการปลุกระดมทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อล้มรัฐบาลทหาร คสช.อย่างหนักที่สุดซึ่งเงินทุนมาจากนอกประเทศแน่นอน
ช่วงนี้จึงเป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลต้องพร้อมปฏิบัติงานด้วยการใช้ไม้นวมควบคู่กับไม้แข็งในขณะเดียวกันกระทรวงต่างประเทศของรัฐบาล ที่มีนายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรัฐมนตรีว่าการ ก็ต้องเดินเกมรุกให้รัฐบาลเป็นต่อในสังคมโลกด้วยอย่ายอมแพ้หรืออ่อนข้อต่อนายทักษิณอย่างเด็ดขาด
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี