คณะกรรมการมหาเถรสมาคมที่มีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช เป็นองค์ประธานเป็นองค์กรที่ปกครองคณะสงฆ์ไทยซึ่งมีจำนวน 330,000 รูปกำลังตกเป็นข่าวในทางลบอย่างหนักในขณะนี้เพราะมีกระแสข่าวว่ามีคณะกรรมการมหาเถรชั้นพรหมรูปหนึ่งได้หลบไปจำวัดอยู่ในต่างประเทศและมีเงินอยู่ในบัญชีสูงถึง 25 ล้านบาท
ปัญหาการทุจริตภายในองค์กรปกครองสงฆ์ไทยนั้นมีข่าวที่ไม่ดีมานานเป็นสิบปีแล้วนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกรณีของวัดพระธรรมกายที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นเรื่องคาใจของพุทธศาสนิกชนมานานว่าทำไมวัดดังกล่าวจึงได้รับการปกป้องจากคณะกรรมการมหาเถรสมาคมทั้งๆ ที่มีการกระทำผิดพระธรรมวินัยมาช้านานจนตัวเจ้าสำนักได้หลบหนีคดีอาญาเป็นปีโดยที่เจ้าหน้าที่ยังจับกุมตัวมาดำเนินคดีไม่ได้จนกระทั่งทุกวันนี้
สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรีได้เกิดปัญหาการทุจริตงบอุดหนุนวัดต่างๆ มาเป็นปีไม่ว่าจะเป็นกรณีเงินทอนจากงบบูรณปฏิสังขรณ์วัดปีละ 500 ล้านบาท มาจนถึงการทุจริตงบอุดหนุนการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมปีละ 1,200 ล้านบาท และงบเผยแผ่พระพุทธศาสนาปีละ 600 ล้านบาท ทำให้เกิดคำถามขึ้นในสังคมว่าต้นตอของปัญหาเกิดจากอะไรเงินงบประมาณทำนุบำรุงพุทธศาสนารวม 2,300 ล้านบาท ถูกฉ้อฉลไปเป็นจำนวนมาก
ผลของการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทั้งจากสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติและจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ระบุว่าผู้ที่ดำเนินการทุจริตครั้งนี้คือข้าราชการระดับสูงที่ร่วมมือกับคณะกรรมการมหาเถรสมาคมบางรูปที่ต่างเอื้อผลประโยชน์ซึ่งกันละกันพอความแดงขึ้นมาก็มีเสียงโจมตีว่าคณะรัฐบาลกลั่นแกล้งต้องการล้มระบอบปกครองสงฆ์
ซึ่งเบื้องลึกที่ทราบกันมาก็คือคณะกรรมการมหาเถรสมาคมบางรูปในอดีตมีส่วนเกื้อหนุนระบอบรัฐบาลเก่าในระบอบทักษิณเป็นอย่างดีโดยเฉพาะสำนักสงฆ์วัดธรรมกายมีความสนิทกับระบอบดังกล่าวมากเป็นพิเศษขณะนี้ถึงเวลาที่ประชาชนชาวพุทธต้องทราบความจริงและต้องมีการชำระล้างพุทธศาสนาให้เกิดความสะอาดบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น
สาเหตุสำคัญนั้นมาจากรูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ปี 2505 ที่รวมศูนย์อำนาจ ขาดการตรวจสอบถ่วงดุลทำให้เกิดมีผลประโยชน์ทับซ้อนขึ้นอย่างกว้างขวางการตั้งเจ้าคณะภาคเพื่อปกครองคณะสงฆ์ในส่วนภูมิภาคปรากฏว่าการแต่งตั้งเป็นอำนาจของกรรมการมหาเถรสมาคม
คณะกรรมการจะเห็นชอบให้พระภิกษุในสายของตนเองไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาคเห็นได้ว่ากรรมการมหาเถรสมาคมหลายรูปมีตำแหน่งเจ้าคณะภาคพ่วงอยู่ขณะที่เจ้าคณะภาคเองก็มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดเจ้าคณะจังหวัดก็มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าคณะอำเภอเรื่อยลงไปจนถึงเจ้าคณะตำบลจนเป็นการผูกขาดอำนาจการปกครองสงฆ์ทั้งประเทศในที่สุด
ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงในวงการพระพุทธศาสนากันอย่างจริงจังเสียทีการดำเนินการไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมืองแต่เป็นการกวาดล้างอลัชชีให้พ้นไปจากคณะสงฆ์ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี