มีการกล่าวเป็นระยะๆ ในสังคมไทย บ้างเชิงแนะนำ บ้างเชิงรำคาญใจ ว่าให้เลิกพูดเรื่อง คนชื่อทักษิณในแดนไกลได้แล้ว เพราะเป็นเรื่องน่าเบื่อ น่ารำคาญที่จะต้องมาได้ยินกันซ้ำซาก สังคมไทยควรก้าวข้ามทักษิณกันได้แล้ว เอาเวลาไปคิดอ่านทำการอื่นใดไม่ดีกว่าหรือ มัวแต่วุ่นวายกับเรื่องคนคนนี้แบบไม่จบไม่สิ้น สังคมไทยจะคืบหน้าต่อไปได้อย่างไร
ฟังแล้วก็พอเข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดเหล่านี้ แต่อย่าลืมว่า จู่ๆ พวกเราๆ จะไปต่อสู้กับระบอบทักษิณโดยกระทำแค่ฝ่ายเดียวนั้นก็คงไม่ได้ อย่างไรเสีย จะต้องมีอีกฝ่ายหนึ่งตั้งใจสู้ด้วย ซึ่งในความเป็นจริง คนที่ว่านั้น เขาไม่เคยรามือไปจากการบ้านการเมืองไทย หรือเคารพกฎหมายกติกาบ้านเมืองเลย
ดังนั้นที่สังคมไทยก้าวข้ามไปไม่ได้ เพราะคนแดนไกลคนนี้ เขาไม่ยอมให้ก้าวข้าม ไม่ยอมรามือ ดังจะเห็นได้จากการกระทำต่างๆ ของทั้งเจ้าตัวและน้องสาว ไม่ว่าจะเป็นการเวียนไปเวียนมาอยู่รอบรั้วไทยให้เป็นข่าวอยู่เนืองนิตย์ เพื่อเตือนความจำสังคมไทยว่าฉันทั้งสองยังอยู่ ยังคลั่งไคล้ในอำนาจวาสนาอยู่ นอกจากนั้นก็ยังปล่อยข่าวคราวออกมาโดยตลอดว่า มีผู้คน สมัครพรรคพวก เหาะเครื่องบินไปแสดงความคารวะพบปะหารือ ให้กำลังใจ เพื่อให้เขากลับมายิ่งใหญ่กันอีกครั้ง
เมื่อไม่นานมานี้ ที่กรุงโตเกียว ก็ได้มีการพบปะกันโดยบังเอิญระหว่าง 2 พี่น้อง กับผู้คน ที่มิใช่พวกลิ่วล้อทุนสามานย์ ซึ่งก็มีคำบอกกล่าวกระเซ็นกระสายออกมาว่า ผู้ชายแดนไกลและน้องสาวผู้เลอโฉมนั้นยังเข้มแข็ง คึกคัก และแสดงความเชื่อมั่นว่า มีการเลือกตั้งเมื่อไรฝ่ายตนก็จะชนะขาดอีก และเมื่อนั้น การกลับคืนสู่มาตุภูมิก็มีความเป็นไปได้สูง
นอกจากก้าวข้ามไม่ได้ เพราะด้านหนึ่งเจ้าตัวไม่ยอมแล้ว อีกด้านหนึ่งฝ่ายต่อต้านจะเป็นนามว่า ฝ่ายพันธมิตรฯ หรือ กปปส. ก็ไม่สามารถโค่นเขาลงได้โดยเด็ดขาด จึงเป็นสถานการณ์แบบเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ คือไม่แพ้ไม่ชนะ ยันกันอยู่ไปเรื่อยๆ
โดยที่ผ่านมา ก็ได้มีพระเอกขี่ม้าขาว ก้าวเข้ามาถึง2 ครั้ง 2 ครา นามหนึ่งคือ สนธิ อีกนามหนึ่งว่า ประยุทธ์นัยว่าเพื่อห้ามทัพไม่ให้ฝ่ายเอา กับฝ่ายไม่เอาทักษิณต่อกรกันอีกต่อไป โดยไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเลยว่า สาเหตุของการเผชิญหน้านั้นมีมาและเป็นมาอย่างไร ใครสร้างปัญหาบ้านเมืองกันแน่
ซึ่งเมื่อไม่ชี้ชัด ไม่ตัดสินใจ บ้านเมืองก็คาราคาซังเรียกว่า บอนไซกันไว้ทั้ง 2 ฝ่าย ด้วยกฎเหล็กและเหล็กรถถัง ปืนผาหน้าไม้ แล้วแทนที่จะขจัดตัดรากตัดโคนปัญหาบ้านเมืองให้รู้แล้วรู้รอดให้สิ้นซาก ก็คิดว่าวิธีดีที่สุดคือ พระเอกขี่ม้าขาวต้องนั่งบนแท่นผู้บริหารประเทศต่อไปยาวๆ แต่จะบริหารประเทศในบริบทเผด็จการก็จะไม่ได้แล้ว เพราะสัญญาไว้ว่าจะต้องเป็นบริบทประชาธิปไตย ก็หมายความว่า ฝ่ายพระเอกขี่ม้าขาวจะต้องชนะการเลือกตั้งทั่วไป ก็มีคำถามว่า แล้วจะได้เสียงข้างมากมาจากไหน ก็อยู่ในอำนาจต่อไป แต่ก็หวาดกลัวว่าทางฝ่ายระบอบทักษิณจะชนะเลือกตั้งอีก
ชาวประชาไทยก็ยิ่งงุนงงว่า หากกลัวขนาดนั้นแล้ว ทำไมถึงไม่ลงมือจัดการเสียให้สิ้นซากเสียแต่แรก ปล่อยให้ลอยชายอยู่ในต่างประเทศ แถมยังยอมปล่อยให้น้องสาวล่องหนหายตัวออกจากแผ่นดินไทยไปสมทบรวมพลังกันอีกด้วย ส่วนในดินแดนแดนไทยที่ว่าอำนาจปกครองล้นเหลือ ก็กลับปล่อยให้ลิ่วล้อเพ่นพ่านออกมาแหย่โทสะอยู่เป็นเนืองนิตย์
ดังนั้น หากจะก้าวข้ามทักษิณไปให้ได้ ก็คงต้องล้มระบอบทักษิณกันสถานเดียว แต่นี่ก็ปาเข้าไป 2 นายพลเอกแล้วที่มีอำนาจมหาศาลที่มีอยู่ในมือ แต่ก็ยังไม่ดำเนินการล้มระบอบทักษิณ และเครือข่ายเสียที นายพลคนแรก ก็เงื้อง่าราคาแพง จนได้รับฉายาว่า ปฏิวัติปราสาททราย ปฏิวัติเสียของ จากสังคมไปแล้ว ก็น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี แต่นายพลคนที่สองก็ยังชะล่าใจจนบัดนี้ก็มานั่งกุมขมับตัวเองอยู่ว่า แล้วจะเอาชนะฝ่ายระบอบทักษิณในสนามการเมืองเลือกตั้งอย่างไรดี?
ทั้งหมดนี้หาความสมเหตุสมผลใดๆ ไม่ได้เลยว่ายึดอำนาจ 2 ครั้งแล้ว อำนาจล้นมือแล้ว ทำไมไม่ล้มให้เบ็ดเสร็จ สังคมจะได้ก้าวข้ามไปได้เสียที ได้แต่ปล่อยให้คาท่ออยู่ แถมยังจะเปิดเวทีให้เขาเล่นได้ดังใจอีกในขณะที่ตนเองก็กลัวสุดหัวใจ ว่าเขาจะกลับมายึดเวทีไปจากมือตนเอง
มีอำนาจเบ็ดเสร็จกลับไม่ทำ พอเงื่อนไขเวลา คำสัญญาบังคับ ก็จะหันไปตั้งพรรค เพื่อรวมพรรค รวบรวมเสือ สิงห์ กระทิง แรด มาเป็นฐานอำนาจไว้ต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง เมื่อนั้นลิ่วล้อก็ต่อรองอำนาจกันวุ่นวายกระบองวิเศษก็หมดเวลาใช้ แล้วจะไปสู้เขาได้อย่างไร
เมื่อใจไม่ถึง มือไม่ถึง ก็น่าจะลงจากเวทีไปดีกว่าแล้วปล่อยให้ประชาชนเขาว่ากันเอง
แม้ที่ผ่านมาฝ่ายระบอบทักษิณจะไม่ชนะ แต่ก็ไม่แพ้ ส่วนฝ่ายต่อต้านก็เช่นกัน ต่างฝ่ายต่างยันกันไว้ แล้วฝ่ายพระเอกขี่ม้าขาวก็เข้ามาขัดตาทัพ ผลก็เลยยังไม่ออกหัวออกก้อย เรื่องราวต่างๆ ก็เลยคั่งค้าง ยุ่งเหยิง สับสนกันไปอีก เพราะการเมืองไทยได้มีผู้เล่นหลักจาก 2 กลุ่ม อนาคตก็เลยดูมืดมน แต่ก็ยังไม่สายที่ฝ่ายพระเอกขี่ม้าขาวจะทบทวนจับต้นชนปลายให้ถูก โดยเอาเรื่องชาติมาก่อน แล้วขจัดความลุ่มหลงในรสอำนาจ และเมื่อนั้นสังคมไทยก็จะก้าวข้ามระบอบทักษิณไปได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี