การชุมนุมเดินขบวนของกลุ่มคนที่อ้างว่า “อยากเลือกตั้ง” เมื่อวานนี้ ถูกมองได้ว่า ล้มเหลว
โดยเฉพาะในแง่ของการแสวงหาแนวร่วมออกไปสู่วงกว้างในสังคม
ไม่ใช่เพราะคนในสังคมพึงพอใจกับบ้านเมืองในขณะนี้ทุกเรื่อง หรือไม่อยากเลือกตั้งเลย แต่เพราะคนในสังคมส่วนใหญ่ยังเห็นว่า การออกไปชุมนุมตอนนี้ สร้างผลเสียมากกว่าผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนส่วนรวม
บทเรียนที่น่าคิด อาทิ
1. ไม่ใช่ว่า พยายามสร้างความเกลียดชังในตัวบุคคลอย่างเดียว แล้วจะม็อบสำเร็จ
แม้ว่าก่อนหน้านี้ คนกลุ่มนี้จะพยายามทำลายความเป็นมนุษย์ของผู้นำ คสช. ด้วยการประณามหยามเหยียด สร้างวาทกรรมเกลียดชังวาดภาพเป็นนักโกหก จมูกยื่นยาว ฯลฯ
แต่เมื่อถึงเวลาชุมนุม คนส่วนใหญ่ก็ไม่เอาด้วย
2. การนัดหมายชุมนุม ตัวแกนนำจะต้องมีความน่าเชื่อถือในระดับสูง
ถ้าไม่เช่นนั้น ก็จะต้องเป็นประเด็นที่สังคมให้น้ำหนักร่วมกันในสถานการณ์เฉพาะหน้าขณะนั้นจริงๆ
แต่การชุมนุมครั้งนี้ เมื่อสังคมรับทราบไปแล้วว่า การเลือกตั้งจะมีขึ้นตามโรดแมป ต้นปี 2562 แถมแกนนำผู้ชุมนุมแต่ละคน ยังไม่มีบารมี ไม่มีผลงาน ไม่มีความน่าเชื่อถือในระดับที่จะเชื่อใจได้ว่าจะนำพามวลชนบรรลุข้อเรียกร้องโดยไม่ทิ้งกัน หรือไม่ทรยศหักหลังกัน
สุดท้าย คนที่ออกมาร่วมด้วย จึงร่อยหรอเต็มกลืน
3. ภาพที่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ว่า ผู้เข้าร่วมกับการชุมนุม “อยากเลือกตั้ง” มีจำนวนน้อยนิด
น้อยกว่าจำนวนตำรวจหลายเท่าตัว
น่าจะน้อยกว่าจำนวนสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวด้วยซ้ำ
และยิ่งไปกว่าจำนวนแนวร่วมที่เข้าร่วมชุมนุม ก็คือ ประเด็นข้อเรียกร้องก็ไม่ได้รับการขานรับจากสังคมส่วนรวมเลยแม้แต่น้อย ที่ประกาศเรียกร้องว่าจะต้องจัดเลือกตั้งภายในปีนี้
ไม่มีเสียงขานรับจากสังคม
4. การจัดการรับมือกับการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ เป็นไปโดยละมุนละม่อม
ทั้งๆ ที่ เป็นยุคเผด็จการทหาร
หากเปรียบเทียบกับรัฐบาลในยุคที่มาจากการเลือกตั้ง
ยกตัวอย่าง ยุคที่พันธมิตรออกมาชุมนุม ต้องเจอกับอะไรบ้าง?
ระหว่างการชุมนุม ในช่วงปี 2551 ฝ่ายพันธมิตรฯ ได้ถูกกระทำรุนแรง ทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ อันธพาลคนเสื้อแดงของฝ่ายรัฐบาลขณะนั้น ถูกโจมตีด้วยอาวุธสงคราม ทำให้มีผู้เสียชีวิต พิการ และบาดเจ็บจำนวนมาก
25 พ.ค.2551 ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงใช้ก้อนหินขว้างปา และใช้ไม้ทุบตี โดยปราศจากความช่วยเหลือจากตำรวจ
24 ก.ค. 2551 กลุ่มคนรักอุดร พร้อมอาวุธมีด-ขวาน ลุยทำร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตรฯที่จังหวัดอุดรธานี โดยบุกเข้ารื้อเผา ทำลายเวที เป็นผลให้ผู้ร่วมเวทีชุมนุมพันธมิตรฯ ที่จังหวัดอุดรธานี บาดเจ็บกว่า 20 คน
29 ส.ค.2551 ตำรวจบุกทำร้าย ทำลายทรัพย์สิน และรื้อเวทีชุมนุมพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ บาดเจ็บจำนวนมาก
2 ก.ย.2551 กลุ่มคนเสื้อแดงบุกจากสนามหลวง ใช้อาวุธ เช่น มีด ดาบ ไม้ ฯลฯ จู่โจมเข้าทำร้ายพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานฯ ตอนตี 1
7 ต.ค.2551 ตำรวจใช้ระเบิดแก๊สน้ำตายิงใส่ประชาชน ตั้งแต่ตอนเช้ามืดจนถึงกลางคืน มีผู้เสียชีวิต 2 คน คือ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี และมีผู้สูญเสียอวัยวะและบาดเจ็บกว่า 400 คน
นอกจากนี้ ยังต้องเจอกับการโจมตี ลอบกัด สารพัด เช่น 30 ต.ค.2551 คนร้ายขว้างระเบิด M 79 เข้าใส่การ์ดพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ ได้รับบาดเจ็บประมาณ 10 คน สาหัส 2 คน, 4 พ.ย.2551 คนร้ายยิงระเบิด M 79 บริเวณเชิงสะพานอรทัย, 7 พ.ย.2551 คนร้ายยิงระเบิด M 79 ถึง ๒ ครั้ง, 8 พ.ย.2551 คนร้ายปาระเบิดเข้าใส่เต็นท์นอนในที่ชุมนุมของพันธมิตรฯ เยื้องเวทีปราศรัยประมาณ 250 เมตร มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย, 11 พ.ย.2551 คนร้ายยิงระเบิดเข้ามาทะลุเต็นท์ชุมนุมของพันธมิตรฯ ห่างจากเวทีปราศรัย 50 เมตร มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย ฯลฯ
ยุค กปปส. ก็เช่นกัน ถูกโจมตี ทั้งจากกองกำลังตำรวจ และกองกำลังติดอาวุธลอบกัด เป็นเหตุให้มีเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
โดยที่ทั้งสองยุคนั้น เป็นยุครัฐบาลที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง
5. นับว่าโชคดีของกลุ่มอยากเลือกตั้ง ที่รัฐบาลปัจจุบันและเจ้าหน้าที่พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อมิให้เกิดความสูญเสีย
เพราะที่น่ากลัวที่สุด คือ พวกที่ต้องการแห่ศพ
น่าเสียใจว่า บรรดาอดีต สส. อดีตรัฐมนตรี อดีตแกนนำม็อบ รวมถึงศิลปินคนมีชื่อเสียงบางคน ที่แสดงบทบาทยุยง ปลุกระดม ชี้นำ หรือบงการอยู่ข้างหลัง ไม่ยอมพาตัวเองออกเดินนำร่วมกับแกนนำผู้ชุมนุมบนท้องถนน
นี่คือความล้มเหลวของม็อบตั้งแต่เริ่มต้นก็ว่าได้
แกนนำตัวจริง ยุให้คนไปเจ็บไปตายแทน
ผู้หวังจะได้รับผลประโยชน์ตัวจริง ยุให้ชาวบ้านออกไปติดคุกแทน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี