ครบรอบ 4 ปี คสช. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือ ความพยายามที่จะกระทำบางอย่าง หรือ หลายอย่างที่มีผลลบต่อกรุงเทพฯ และประเทศไทย และอาจรวมถึงกรณีข่าวเรื่องการก่อการร้ายต่อกรุงเทพฯ ด้วยใช่หรือไม่? เช่นเดียวกันกับช่วงเดียวกันกับเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ที่มีคนบางกลุ่มพยายามทำสองอย่าง หนึ่งคือความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคการเมืองในการต่อต้านรัฐบาลขณะนั้น และ สองคือความเคลื่อนไหวของมวลชนบางกลุ่มที่พยายามทำให้เกิดความวุ่นวายในกรุงเทพฯ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีกลุ่มคนที่ไม่พอใจ หรือไม่ต้องการรัฐบาล คสช. ออกมาแสดงจุดยืนบางอย่างเนื่องในวาระครบรอบ 4 ปีภายใต้กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง
แต่เอาเข้าจริงนี่ไม่ใช่กลุ่มใหม่มาจากไหน แท้ที่จริงแกนนำหลายคนก็มาจากกลุ่มการเมืองที่วนเวียนกันมาก่อนหน้านี้ และมีการเปลี่ยนชื่อไปตามสถานการณ์ ตั้งแต่กลุ่มดาวดิน? กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย? ซึ่งหากไม่เอาชื่อกลุ่มปัจจุบันเป็นตัวตั้งจะพบว่าแกนนำทั้งหลายออกมาต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่ปีแรกๆ ของการดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว และไม่รู้ว่ารักประเทศจริงหรือไม่? แต่ยังไม่เคยเห็นกลุ่มการเมืองดังกล่าว ออกมาโจมตี หรือต่อต้านการทุจริตของกลุ่มการเมืองอีกฝั่งเลย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความพยายามเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลหลายกลุ่ม หรือสุดท้ายเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่? อย่างไร? อาทิ ความพยายามในการที่จะจัดการชุมนุมที่แมคโดนัลด์ราชประสงค์ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับ การก่อเหตุเผาเซ็นทรัลเวิลด์เมื่อ 8 ปี ที่แล้ว หรือการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ก็ยังมีอีกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน นั่นคือความพยายามในการซ่องสุมอาวุธของกลุ่มคนอีกกลุ่ม ซึ่งโชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบได้ก่อนที่จังหวัดนนทบุรี ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับใคร และเตรียมการมาก่อการอะไรในกรุงเทพฯหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม ถ้าย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อปี 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมในตอนต้นดูเหมือนจะชุมนุมมือเปล่า แต่ภายหลังการจบสิ้นการชุมนุมเจ้าหน้าที่ได้บุกตรวจค้นฐานการชุมนุมกลับพบอาวุธสงครามมากมาย หรือแม้แต่ช่วงท้าย การชุมนุมกปปส. ที่พบว่าเริ่มมีการชุมนุมของกลุ่มการเมืองอีกฝั่งโดยหลังรัฐประหารใหม่ๆ ก็พบอาวุธสงครามที่ถนนอักษะ ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เวทีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และในเวลาต่อมาพบอีกจุดอยู่ในกรุงเทพฯ โชคดีที่เจ้าหน้าที่จับได้ก่อน เป็นการพบอาวุธจากกลุ่มการเมืองฝั่งเดียวกันมาตลอดหรือไม่? และ ณ วันนี้ก็มีการพบอาวุธอีกครั้งแม้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามาจากกลุ่มการเมืองกลุ่มใด? จะให้คนกรุงเทพฯ นอนหลับลงได้อย่างไร? ในเมื่อยังมีความพยายามที่จะเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ที่คนกรุงเทพฯและอีก 5 จังหวัด ต้องขวัญผวา จากเหตุก่อความวุ่นวาย เผาสถานที่ต่างๆ ของกลุ่มหัวรุนแรงทางการเมือง แม้การชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมในรอบนี้และการจับอาวุธที่พึ่งพบได้ ยังไม่พบประเด็นเกี่ยวข้องกันและยังไม่แน่ชัดว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มพรรคการเมืองพรรคใดหรือไม่?
และแม้กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่สามารถก่อการอะไรได้ เนื่องจากรัฐบาลควบคุมไว้ได้ก่อน แต่ก็ดูว่ายังไม่มีทีท่าจะล้มเลิกไปได้ง่ายๆ จะให้ประชาชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอำนาจนักการเมืองทั้งหลายวางใจได้อย่างไร? ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้วการชุมนุมเมื่อปี 2553 ที่มีการปลุกระดมมวลชน เพื่อขับไล่รัฐบาลในขณะนั้นของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ซึ่งพบว่าภายหลังมีการใช้กำลังก่อให้เกิดความรุนแรง และสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินสาธารณะของประชาชน และยังตรวจพบการใช้อาวุธสงครามอีกหลายชนิดในพื้นที่ชุมนุมใช่หรือไม่? เป็นการสร้างความเสียหายอย่างมากทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั้งทรัพย์สินราชการและเอกชน รวมถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจ ซึ่งในขณะนั้นประเมินว่ามีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท
แต่ในวันนี้ดูเหมือนเหตุผลในการปลุกเร้ามวลชนจะกระทำได้เฉพาะเหล่าแกนนำหัวรุนแรงใช่หรือไม่? มิอาจปลุกเร้ากระแสมวลชนโดยทั่วไปของประเทศได้ในรอบนี้ โดยแม้คสช.จะมีจุดอ่อนมากมาย หากแต่พรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่มาโจมตี คสช. ทุกวันนี้ ก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่เห็นจะดีไปกว่ากัน ยิ่งตอกย้ำภาพเบื่อหน่ายการเมืองของประชาชนโดยทั่วไป จึงยากที่จะให้ประชาชนเชื่อในแม่ทัพที่จะลุกขึ้นมาต่อต้าน การเปิดประเด็น โจมตี คสช. 7 ข้อ ของกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่ง เอาเข้าจริงก็มีหลายข้อน่าคิด แต่เมื่อหันไปดูคนที่โจมตีเอง ก็ไม่รู้ว่าดีกว่ากันตรงไหน? ทั้งเรื่องความล้มเหลวในการสร้างความปรองดอง เรื่องการปราบปรามทุจริต เรื่องการใช้อำนาจกฎหมายเพื่อประโยชน์ตน เรื่องการปกป้องสิทธิมนุษยชน เรื่องการเสพติดอำนาจ หรือแม้กระทั่งเรื่องการบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว? ซึ่งไม่มีใครเถียงว่าข้อมูลนั้นจริงหรือไม่จริง แต่หลายคนถึงกับตกเก้าอี้หงายท้อง เพราะไม่คิดว่าคนที่ออกมาวิจารณ์จะกล้าออกมาวิจารณ์ในสิ่งที่ตัวเองก็เป็นหรือไม่?
ว่ากันตั้งแต่เรื่องสร้างความปรองดอง หากจะบอกว่าความขัดแย้งในบ้านเมือง ทุกวันนี้ยังมีอยู่ก็นับว่าจริง และคนก็คาดหวังว่า คสช.จะทำได้ดีกว่านี้ แต่ก็ยังไม่ถึงจุดนั้น? แต่ใครกันที่เป็นคนจุดชนวนไฟใต้? สร้างความขัดแย้งภายในประเทศ? ใครที่แบ่งภาคเหนือ ภาคอีสาน ให้ฉีกขาดออกจากภาคใต้? และใครเริ่มต้นสร้างกองกำลังหมู่บ้านเสื้อสี ตั้งป้อมบ่อนทำลายคนต่างเสื้อสีในพื้นที่ของตนเอง? และสุดท้ายใครเป็นคนอ้างความปรองดองแต่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดในคดีทุจริตให้ตนเองและพวก? ยังไม่นับการแก้ไส้ในกฎหมายที่ผ่านสภาไปแล้วหรือไม่?
ขณะเรื่องน่าขันที่สอง คือ เรื่องการโจมตีความล้มเหลวในการปราบปรามทุจริต ต้องยอมรับว่ารัฐบาลนี้ก็มีไม่น้อยกว่า 5 เรื่องที่ประชาชนยังสงสัยต่อการกระทำของคนในรัฐบาลนี้และยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจาก คสช. หากแต่ที่ว่าน่าขันก็คือ รัฐบาลใดที่พบคดีทุจริตเยอะที่สุด? มีมูลค่ามากที่สุด? ก็อาจจะมีคนบอกว่าวัดกันที่มูลค่าก็คงวัดไม่ได้ ผิดก็คือผิด แต่ผิดจนประเทศพังเสียหายหลายแสนล้าน? ส่งผลต่อระบบงบประมาณประเทศ? ส่งผลต่อการจัดการตลาดข้าว? ทำลายระบบการปลูกข้าวดั้งเดิม? สร้างค่านิยมทุจริตระบาดไปทั่วทุกวงการโรงสี...ใคร? หากจะวิจารณ์เรื่องการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ตนเอง โดยใช้ ม.44 ที่มีการกล่าวอ้างมุ่งโจมตีไปที่การโยกย้ายตำแหน่งสำคัญต่างๆ ในราชการ เอาเข้าจริงก็คือการโยกย้ายจนไปกระทบคนของพรรคการเมืองนั้นๆ ใช่หรือไม่? แล้วกรณีการใช้อำนาจย้ายอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติครั้งนั้นล่ะจะว่าอย่างไร
อย่างไรก็ตาม การใช้ม.44 ที่ดูเหมือนจะเป็นการใช้อำนาจอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย หากมองว่าเลวร้ายก็คงไม่น่าจะเลวร้ายมากกว่า การใช้อำนาจเสียงข้างมากในสภา แก้ไขกฎหมายเดิม ออกกฎหมายใหม่ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิจตนเอง ที่นอกจากจะทำให้กลุ่มธุรกิจของตนเองรวยขึ้นมหาศาลแล้ว ผลจากการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ทำให้รัฐสูญเสียประโยชน์ โอกาสและรายได้จากภาษีไปมหาศาล นี่ยังไม่นับรวมถึงการใช้อำนาจรัฐ ที่ได้ใช้งบฯกลางมหาศาลของรัฐบาลใด? พิจารณางบประมาณผ่านการใช้มติ ครม. เอื้อประโยชน์ทางการเมือง? อยากได้อะไรก็ใช้กำลังเสียงข้างมากในสภา? ออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนเอง? ธรรมาภิบาลสูญสิ้น หากยังไม่นับเรื่ององค์กรอิสระที่เป็นประเด็น เกิดอะไรขึ้นกับองค์กรอิสระในยุคนั้น? มองว่ายุคนี้มีประเด็นก็นับว่ามีข้อสงสัย แต่ในยุคดังกล่าวนั้นน่าจะมีผลประจักษ์มากกว่า
การโจมตีในเรื่องความล้มเหลวในการปกป้องสิทธิมนุษยชน อย่างเรื่องสื่อหรือเรื่องการเรียกไปปรับทัศนคติ ต้องยอมรับว่าการกระทำดังกล่าวของ คสช.ถูกเพ่งเล็งจากต่างประเทศไม่น้อย แล้วถ้าไม่ทำเสียได้ก็น่าจะดี หากแต่เทียบไม่ได้เลยกับความรุนแรงของการฆ่าตัดตอนในรัฐบาลยุคหนึ่ง โดยอ้างเรื่องผู้มีอิทธิพลเรื่องยาเสพติด ตั้งศาลเตี้ยกำจัดประชาชน โดยไม่ผ่านการพิจารณาของศาล ยังไม่นับรวมเรื่องกรือเซะ-ตากใบที่สร้างความเจ็บปวด และเป็นจุดเริ่มต้นรอยร้าวของคนไทยด้วยกัน
เรื่องการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว เรื่องนี้อาจจะพูดจริง และประเทศกำลังประสบปัญหานี้จริง และประชาชนก็คาดหวังว่ารัฐบาลทำได้ดีกว่านี้ หากแต่ในยุคที่คนที่วิจารณ์เป็นรัฐบาลก็บริหารไม่ได้ดีกว่าวันนี้ ใครเป็นคนเปลี่ยนแปลงเส้นแบ่งความยากจน? ใครเป็นคนออกนโยบายประชานิยม มอมเมาประชาชน จนสุดท้ายหนี้ครัวเรือนปูดอย่างมากในสมัยนายกคู่พี่น้อง สูงจนหลายฝ่ายต้องออกมาเตือนว่าจะก่อวิกฤติเศรษฐกิจครัวเรือนได้ ประชาชนดูเหมือนจะมีทรัพย์สิน แต่เป็นหนี้สินธนาคาร แหล่งเงินกู้นอกระบบมากมาย ภาระหนี้ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ อย่างนี้เรียกว่าบริหารเศรษฐกิจดีหรือ? ประเด็นที่วิจารณ์ว่ามีการวางรากฐานเพื่อสืบทอดอำนาจ ยังจำไม่ได้หรือในรัฐบาลครั้งนั้น ใครที่มีความพยายามใช้วิธีพิสดารในจัดการกับตำแหน่งในโครงสร้างตำรวจเพื่อแหวกทางให้ญาติตนเองได้มีหนทางขึ้นสู่ได้ตำแหน่งสูงสุดใช่หรือไม่? ใครพยายามตั้งญาติเป็นผู้นำกองทัพ? ใครเมื่อลงจากตำแหน่งแต่งตั้งแล้วผลักดันญาติเป็นนายกฯต่อจากตนเองอีกถึงสองคน? แบบนี้ไม่เป็นการสืบทอดอำนาจใช่หรือไม่?
หากแต่เรื่องเดียวที่ใช้โจมตีรัฐบาล คสช. ที่เป็นเรื่องที่น่าคิดตาม ก็คือเรื่องไม่ยึดมั่นตามคำสัญญาในโรดแมปการเลือกตั้ง
และก็ต้องยอมรับว่าประชาชนไม่น้อยของประเทศก็คิดเรื่องนี้เช่นเดียวกัน สิ่งประชาชนต้องการฟัง คือ เหตุผลที่สมเหตุสมผลของการอยู่ต่อถึงทุกวันนี้ ที่ไม่ใช่เหตุผลทางกฎหมาย คนไทยเป็นคนรับฟังถ้าสิ่งนั้นมีเหตุผลและความจำเป็น และประเทศต้องเดินได้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของ
นักการเมืองกลุ่มในกลุ่มหนึ่ง การมีอยู่ของผู้นำประเทศไม่ว่ายุคใด หากเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศผู้นำจะอยู่ได้ หากแต่ไม่ใช่แล้ว ต่อให้วิธีการที่ถูกต้องเพียงใดแต่เป้าหมายไม่ใช่เพื่อคนส่วนใหญ่ของทั้งประเทศ ผู้นำนั้นก็อยู่ไม่ได้ดังที่เห็นมาแล้วสองครั้งเป็นอย่างน้อย
ดังนั้นการจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์อำนาจใดก็ควรจะต้องดูตัวเองเสียก่อน เพราะประชาชนที่มีอายุมากหน่อยก็พอมีสติปัญญาเอาประวัติศาสตร์มาเทียบ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่ คสช.ทำอยู่
ถูกต้องหรือดีงาม และไม่ได้แปลว่าไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง และแก้ไข แม้การคงอยู่จะเป็นการอยู่เพียงชั่วคราว
ต่อจากนี้และกำหนดมีเวลาที่แน่นอนไม่ถึง 1 ปี ประชาชนก็ยัง
คาดหวังให้ท่านทำงานให้ดีกว่านี้...
“...โชคชะตาคนผู้หนึ่งเป็นอย่างไร เกิดจากการกระทำของตัวเอง ดังนั้น คนขยันหมั่นเพียรต้องประสบโชคดีแน่นอน...”
คำคมโกวเล้ง จากเรื่องเล็กเซียวหงส์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี