สี่ปีที่ผ่านมานี้ การเมืองการปกครองของบ้านเราอยู่ในสภาพของ “การทหารนำการเมือง” ซึ่งเป็นสภาพการณ์ของการใช้อำนาจในการบริหารจัดการประเทศให้เป็นไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจ
ไม่ใช่ “การเมืองนำการทหาร” ซึ่งเป็นหลักการในทางการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีข้อจำกัดในการใช้อำนาจที่กำหนดขึ้นเป็นกฎเป็นกติกาในการบริหารปกครองบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
ดังนั้นรูปแบบในการใช้อำนาจของผู้บริหารจึงไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะรูปแบบของ “การทหารนำการเมือง” อย่างที่เห็นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งผู้มีอำนาจจะใช้อำนาจต่างๆ ที่มีอยู่ในมือในลักษณะต่างๆกันดังต่อไปนี้
1. อัตตาธิปไตย เป็นอำนาจที่ใช้ความคิดเห็นของตนเองในการบริหารปกครองด้วยความคิดของตัวเองเป็นหลัก ถ้าผู้บริหารปกครองเป็นคนมีคุณธรรม จริยธรรม หรือเป็นคนมีเมตตาธรรม ผู้อยู่ใต้ปกครองย่อมได้รับผลในทางบวก มากกว่าทางลบ
แต่ถ้าผู้บริหารปกครองยังมีจิตใจที่ปนเปไปด้วยกิเลสและอารมณ์ที่ไม่คำนึงถึงเหตุและผล ใช้อำนาจโดยขาดสติสัมปชัญญะ ผู้อยู่ใต้ปกครองย่อมได้รับผลในทางลบ
2. อำนาจนิยม เป็นเผด็จการที่ชนชั้นปกครองอาจให้ผู้ใต้ปกครองมีเสรีภาพบางส่วน เช่นเปิดโอกาสให้ประชาชนมีอิสระในการประกอบอาชีพ หรือทำกิจการต่างๆได้ แต่โอกาสในทางการเมืองจะถูกผูกขาดโดยผู้บริหารปกครองเท่านั้น ที่จะคิด จะทำอย่างไร
3.เผด็จการเบ็ดเสร็จ เป็นอำนาจที่ผู้บริหารปกครองไม่ยอมให้สิทธิเสรีภาพใดๆ ไม่ว่าสิทธิเสรีภาพทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง และด้านสังคมแก่ผู้อยู่ใต้การบริหารปกครอง กิจกรรมทุกอย่างในบ้านเมืองต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของผู้มีอำนาจปกครอง
ทั้ง 3 ลักษณะของการใช้อำนาจ เกิดขึ้นให้เห็นเสมอในยามนี้ “การทหารนำการเมือง” ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งดังกล่าว
สี่ปีที่ผ่านมาในประเทศเราภายใต้การบริหารปกครองของผู้มีอำนาจ ซึ่งมีการใช้อำนาจในลักษณะใดใน 3 ลักษณะดังกล่าวข้างต้น ก็ขอให้พิจารณาดูเอง
แต่สำหรับในประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายแล้ว จะเปิดโอกาสให้ประชาชนมีอิสระและเสรีภาพ พรรคการเมืองในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชน จะทำหน้าที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ตามกติกาในโครงสร้างการเมืองการปกครองของประเทศนั้นๆ ที่เป็นประชาธิปไตย
จริงอยู่ในขณะนี้ที่บ้านเมืองเราต้องมีการรัฐประหารเกิดขึ้น เพราะผู้บริหารปกครองในขณะนั้นทำให้เกิดความเสียหายหลายอย่าง มีการใช้อำนาจอย่างตามใจชอบ เล่นพรรคเล่นพวกและแสวงหาประโยชน์เข้าตนอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเพราะมีอำนาจ ทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงแก่ส่วนรวม ผู้คนในบ้านเมืองจะเดือดร้อนอย่างไรไม่สนใจ ใช้อำนาจหน้าที่และกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการกับผู้คนที่ต่อต้านอย่างรุนแรง เพื่อรักษาสถานะของตนให้คงอยู่ต่อไป การเข้ามาทำการรัฐประหารครั้งนี้ ผู้คนในบ้านเมืองต้อนรับเหมือนได้คนมาช่วย เพราะหวังว่าจะมีการจัดการความสกปรกเลอะเทอะทั้งหลายที่เกิดขึ้นให้หมดไปจากแผ่นดิน
แต่สี่ปีที่ผ่านมา ความรู้สึกของผู้คนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองที่มีต่อคณะรัฐประหารชุดนี้เปลี่ยนไป ความศรัทธาเชื่อถือลดน้อยตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ในขณะนี้ ท่ามกลางความยากลำบากในการทำมาหากินในชีวิตประจำวันของตน ไม่ว่าจะเป็นรายได้หรือรายจ่าย และหนี้สินที่เพิ่มขึ้น
สมทบเข้ามาในแต่ละวันทางด้านความรู้สึก ที่เกิดจากสิ่งที่พบเห็น หรือได้ยินได้ฟัง จากการแสดงออกด้วยคำพูดหรือกิริยาท่าทาง ตลอดจนข่าวสารในทางลบ เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นจากผู้บริหารปกครองบางคน ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกในทางไม่ดีให้เกิดขึ้นกับผู้คนในบ้านเมือง เพิ่มเข้าไปอีกเรื่อยๆ เช่นที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
ลำพังเรื่อง “การทหารนำการเมือง” เป็นเรื่องที่นำซึ่ง “ตัวลบ” มากกว่า “ตัวบวก” อยู่แล้ว ยิ่งมีเรื่องสมทบที่เกี่ยวกับ “ตัวคน” ที่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารปกครองเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพูด การแสดงกิริยาท่าทาง เพิ่มสมทบเข้ามาอีก อย่างที่พบเห็นอยู่บ่อยๆขณะนี้ด้วยแล้ว ยิ่งซ้ำเติมในเรื่อง “การทหารนำการเมือง” ให้แย่ลงไปอีกในความรู้สึกที่ไม่ดีของผู้คนในบ้านเมือง
กลายเป็นคนที่ผู้คนไม่อยากได้ หรือไม่อยากคบ
เพราะคนที่ผู้คนอยากได้ อยากคบ นั้นต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1. ไม่อวดดี ไม่พูดมาก
2. อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักผ่อนสั้น ผ่อนยาว
3. พูดจาเรียบร้อย ไม่แข็งกระด้าง
4. เป็นคนเสียสละ ไม่เอารัดเอาเปรียบ
5. เป็นคนรู้จักบุญคุณคน โดยเฉพาะประชาชน
6. เป็นคนสุขุม รอบคอบ ไม่พูดจาข่มขู่
7. เป็นคนไม่ฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด
8. เป็นคนคงเส้นคงวา
9. เป็นคนไม่ดุร้าย ไม่ว้ากใครง่ายๆ
ทั้ง 9 ข้อ เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ควรมี ถ้า “การทหารนำการเมืองในภาวะที่บ้านเมืองมีการรัฐประหาร มิฉะนั้นแล้วบ้านเมืองก็จะวุ่นวายต่อไปไม่สิ้นสุดเพราะการต่อต้าน
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี