พระเถระชั้นผู้ใหญ่ในวงการบริหารพระพุทธศาสนาจำนวน 5 รูป ต้องข้อกล่าวหาว่า โกงเงินวัด ผลการรวบรวมหลักฐานชัดเจนพอที่จะดำเนินคดี จึงมีการส่งเรื่องดำเนินคดีแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินการในทางอาญาต่อไป
การโกงเงินวัดเป็นความเศร้าหมองอย่างรุนแรง และกระทบจิตใจชาวพุทธอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ มีผลกระทบกระเทือนต่อพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง
ที่น่าเจ็บช้ำน้ำใจของชาวพุทธก็คือ ในขณะที่เรื่องราวปรากฏชัดเจนขนาดนี้แล้ว กลับมีคนบางจำพวกที่พยายามปกป้องคุ้มครองคนผิดคนชั่ว เพื่อไม่ให้ต้องถูกดำเนินคดี ใช้อำนาจอิทธิพลตลอดจนใช้พลังมวลชนในการข่มขู่คุกคาม และใส่ร้ายป้ายสีผู้ที่ทำหน้าที่อย่างไม่ไยดีต่อความผิดถูก
เดชะบุญที่บ้านเมืองยามนี้ ยังมีผู้มุ่งบำรุงปกป้องพระพุทธศาสนา เพื่อความบริสุทธิ์ของสงฆ์ เพื่อความเป็นที่พึ่งของชาวพุทธ และเพื่อประโยชน์สุขของคนหมู่มากในโลก ดังนั้น แม้จะมีผู้ใช้อำนาจบิดเบือนปกป้องคุ้มครองคนกระทำความผิด แต่การดำเนินการตามกฎหมายก็ยังคงดำเนินรุกหน้าไป แม้จะชักช้าแต่ก็ถือได้ว่าไม่หยุดนิ่ง
ที่สำคัญคือ องค์กรที่มีหน้าที่และซื่อตรงต่อหน้าที่ของตน ได้รวบรวมหลักฐานและสืบสาวเส้นทางการเงินจนกระทั่งพบหลักฐานชัดเจนว่า เงินที่โกงไปนั้นมีการยักย้ายถ่ายโอนอย่างไร และมีจำนวนมากมายมหาศาล และยังลุกลามขยายผลไปถึงการโกงการจัดผลประโยชน์ของวัดครั้งมโหฬารที่สุดอีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น ตัวละครที่เกี่ยวข้องกำลังเชื่อมโยงไปถึงขบวนการปกป้องคุ้มครองคนชั่วมากขึ้นทุกที และสักวันหนึ่งอาจมีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงคนใหญ่ คนโตที่กำลังลำพองในอำนาจวาสนาให้ตกนรกหมกไหม้ไปก็เป็นได้
กรณีมีความชัดเจนไปในรูปคดีว่า มีการโกงเงินวัดจริง และมีการยักย้ายถ่ายเท เพื่อปกปิดหลักฐานและซุกซ่อนทรัพย์สินจริง ทั้งจำนวนเงินก็มากมายมหาศาลและส่อไปอย่างชัดเจนด้วยว่า ยังเกี่ยวข้องกับการโกงผลประโยชน์อื่นๆ ของวัดอีกด้วย
กรณีทั้งหมดนี้ นอกจากมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งในส่วนกฎหมาย ป.ป.ช. เพราะเป็นเรื่องของพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐทำการทุจริต และเป็นเรื่องในส่วนกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นการผิดพระวินัยข้อร้ายแรงอันต้องด้วยอาบัติปาราชิกด้วย เพราะเงินที่โกงนั้นมีค่ากว่า 5 มาสก หรือ 5 บาท
ความเป็นปาราชิกนั้น ย่อมทำให้พ้นจากความเป็นภิกษุในทันที ที่ต้องอาบัติปาราชิกนั้น การสอบสวนทางพระวินัยไม่ได้ทำให้ความผิด หรือความเป็นปาราชิกเกิดขึ้นในวันที่สรุปผลการสอบสวน
ดังนั้นเมื่อกรณีมีความชัดเจน โดยปราศจากข้อสงสัยว่ามีผู้ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ย่อมพ้นจากความเป็นภิกษุ ย่อมไม่สามารถกระทำสังฆกรรมใดๆ กับคณะสงฆ์ได้ ไม่อาจครองสมณศักดิ์ต่อไปได้ ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมมหาเถรสมาคมได้
ถ้าเข้าร่วมพิธีบวช หรือเข้าร่วมการสวดปาติโมกข์ การบวชและการปวารณาใดๆ หรือการสวดปาติโมกข์นั้นถือเป็นโมฆะทั้งสิ้น แม้การเข้าร่วมประชุมมหาเถรสมาคมก็เป็นโมฆะด้วย เพราะเมื่อพ้นจากความเป็นภิกษุแล้วก็ไม่สามารถดำรงฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของมหาเถรสมาคมได้อีก
กรณีเช่นนี้ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องกราบทูลสมเด็จพระสังฆราชเพื่อทรงมีพระบัญชาให้พ้นจากตำแหน่งต่างๆตามกฎหมาย และดำเนินการเพื่อให้มีการถอดสมณศักดิ์และเอาผ้าเหลืองออกจากกายตามแนวพระบัญชาในสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช ในกรณีธัมมชโย
ดังนี้ก็จะบังเกิดความบริสุทธิ์ในหมู่สงฆ์ และถ้าคนมีหน้าที่เพิกเฉยก็เป็นเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน และ ป.ป.ช. จะต้องดำเนินการตรวจสอบไต่สวนเอากับผู้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี