อนาคตใหม่ประกาศกร้าวฉีกรัฐธรรมนูญ’60 นิรโทษกรรมนักโทษคดีการเมือง! กำนันลั่นไม่เคยพูดหนุนลุงตู่เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง! สมคิด เตือน ธนาธร พูดเรื่องฉีกรัฐธรรมนูญอาจมีปัญหา!
นี่คือพาดหัวข่าวที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองใหม่ที่เริ่มมีการขยับขยายพื้นที่ของตัวเองในหน้าสื่อ? ตั้งแต่การเผยพรรคใหม่พรรครวมพลังประชาชาติไทย การจัดประชุมพรรคใหญ่ครั้งแรกของพรรคอนาคตใหม่ และปฏิกิริยาตอบกลับของว่าที่พรรคใหม่ที่มีข่าวว่าอาจอยู่ใต้เงา คสช. ขณะที่พรรคเดิมทั้งหลายยังคงถูกตรึงด้วยประกาศ คสช.
การจัดประชุมใหญ่ครั้งแรกของพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา เสมือนเป็นการส่งสัญญาณถึงความพร้อมของกลุ่มคนหน้าใหม่ทางการเมืองต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ นอกจากประเด็นของการเลือกกรรมการบริหารพรรคฯ ที่ไม่ผิดโผไปมากนักทั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการ และโฆษก นอกจากพรรคอย่างอนาคตใหม่แล้ว ยังมีการเปิดเผยพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือพรรค รปช. ที่เริ่มมีการออกสื่อมากขึ้น และคาดว่าจะมีการเปิดตัวพรรคเร็วๆ นี้
แต่เบื้องต้นก็มีรายชื่อกรรมการบริหารพรรคที่หลุดออกมาแล้ว ทั้งนักวิชาการสายการเมือง และแกนนำจากพรรคเก่าบางส่วนที่ถูกดูดมาร่วมสังกัด พร้อมกับการแสดงทัศนคติทางการเมืองแนวใหม่ในลักษณะเปิดกว้าง ประกาศไม่ยึดติดอดีต ตลอดจนพรรคในเครือข่ายรัฐบาลที่มีข่าวว่าจริงหรือไม่ที่จะมีคนจาก ครม.มานั่งเป็นหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค?
แม้ขณะนี้ที่หน้าฉากยังไม่มีการเปิดตัวอะไรมากนัก แต่ก็รู้กันดีว่าแอบทำกันเงียบๆ อยู่ข้างหลัง เพื่อฟูมฟักขุมกำลังให้พร้อมเสียก่อนใช่หรือไม่? อย่างไรก็ตามก็เริ่มมีท่าทีสั่นไหวกับการเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ ถึงขนาดที่มีสื่อออนไลน์ที่เชื่อว่าอยู่ในเครือข่ายฯ ออกมาจุดประเด็นทำนองว่า “ไม่เลือกเราเขามาแน่” คำถามที่ตามมาก็คือเหตุใดพรรคการเมืองใหม่ หรือว่าที่พรรคใหม่เหล่านี้ ถึงสามารถวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ได้ ทั้งโจมตีฝ่ายตรงข้ามหรือเรียกคะแนนนิยมให้ตัวเอง โดยไม่มีการห้ามปรามใดๆ จาก คสช. ทำให้คิดได้หรือไม่ ว่าดูจะเป็นการเปิดช่องให้พรรคการเมืองใหม่ทั้งหลายได้ออกตัวไปก่อนพรรคการเมืองเก่า หรือขยับทำอะไรได้มากกว่า เพราะขณะนี้พรรคเก่าถูกตรึงบทบาทหน้าที่ แม้แต่การจัดประชุมก็ยังทำไม่ได้ รวมไปถึงเรื่องการบีบกรณีการยืนยันสมาชิกเดิมที่ดูจะมีอุปสรรคไปหมดทั้งเรื่องเวลาและวิธีการ เป็นผลให้เกิดแต้มต่อ ทั้งการปรับโครงสร้างให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน การพูดเพื่อสร้างคะแนนนิยม ซึ่งแน่นอนมีผลต่อการระดมทุนบริหารพรรค เรื่องนี้น่าคิดเพราะหาก คสช.มีพรรคใหม่จริงย่อมได้อานิสงส์ไปด้วย จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถไปกีดกันพรรคการเมืองใหม่อื่นๆ ที่จะเป็นคู่แข่งทางการเมืองของตัวเองเช่นกัน
อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่น่าคิดคือ เหตุใดพรรคการเมืองใหม่หลังจากเริ่มสร้างคะแนนนิยมด้วยบุคลิกของผู้นำ ความหลากหลายของผู้ก่อตั้ง และมุมมองในการวิจารณ์สังคมแบบทันสมัยใหม่ๆ แต่พอเปิดตัวจริงกลับชูธงเป้าหมายที่แท้จริง นั่นคือ การประกาศฉีกรัฐธรรมนูญ รวมถึงประเด็นหลบซ่อนที่เพิ่มเข้ามาคือการนิรโทษกรรม ประโยคนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้ยิน ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป และตามมาด้วยการขานรับของพรรคการเมืองใหญ่ที่เคยเสนอเรื่องนี้มาก่อนหน้า จึงทำให้สังคมสงสัยได้ว่าการนิรโทษกรรม และการฉีกรัฐธรรมนูญ เกี่ยวพันหรือไม่กับการนิรโทษกรรมนักโทษคดีการเมืองแบบที่พรรคเพื่อไทยเสนอ หรือทำให้สังคมสงสัยได้ว่าการที่เสนอฉีกรัฐธรรมนูญแทนที่จะเสนอแก้ไขเฉพาะมาตราที่ผิดพลาดมีปัญหาเป็นเพราะมีเบื้องหลังในการแก้รัฐธรรมนูญบางเรื่องหรือเพิ่มเติมบางมาตรา แต่ไม่อยากให้สังคมรับรู้จึงใช้วิธีเหมาเข่งฉีกรัฐธรรมนูญหรือไม่ แล้วก็เคลือบด้วยคำว่าประชาธิปไตย ทั้งที่คำว่าประชาธิปไตยอาจจะเป็นคนละเรื่องกับผลประโยชน์ของนักการเมือง
ดังนั้นสิ่งที่ คสช. อาจกำลังมองข้ามนั่น คือ ขุมกำลังของพรรคใหม่บางพรรคไม่ใช่เพียงพรรคเด็กน้อยที่ไม่เคยลงเล่นการเมืองหรือไม่? เคยตั้งคำถามหรือสังเกตหรือไม่ว่า มีการผ่องถ่ายอำนาจ และบุคลากรจากพรรคเก่าเข้ามาทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ และมีทั้งประสบการณ์ เข้ามาทำงานหรือไม่? มีประเด็นอยู่ว่า ก่อนการประชุมใหญ่พรรคใหม่ดังกล่าว มีการประชุมย่อยสาขาพรรคในพื้นที่ต่างจังหวัดก่อนใช่หรือไม่? ทั้งนี้มีการออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้แก่ผู้ร่วมประชุมทุกท่านให้มาร่วมประชุมด้วยใช่หรือไม่? หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงก็น่าคิดว่ารูปแบบระบบจัดการตลอดจนบุคลากรในสาขาต่างจังหวัด และงบประมาณทั้งหลายมาจากใคร? และมีระบบการส่งผ่านเครือข่ายและเงินจากที่ใด?
รวมถึงเรื่องการเสนอให้ปลดล็อกพรรคการเมืองที่พรรคการเมืองเก่าต่างเรียกร้องมาตลอด แต่มีคนสังเกตว่าพักหลัง พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ออกมาเรียกร้องปลดล็อกเหมือนก่อนหน้านี้ และกรณีการชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง หลังถูกโดนจับบิ๊กเพื่อไทยกลับไม่มีการออกมาสนับสนุนหรือช่วยเหลืออย่างจริงจัง? ทั้งที่แกนนำบางคนเป็นอดีตแนวร่วมเสื้อแดงมาก่อน แต่กลับเป็นการออกมาเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคใหม่มากกว่า
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการปรากฏตัวของอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ประชุมใหญ่พรรค ที่บอกว่าไม่ธรรมดานั้น เพราะอดีตข้าราชการคนนี้เคยเป็นผู้กุมระบบการทะเบียนราษฎรทั้งประเทศ ตลอดจนเป็นผู้เคยเสนอการรวมข้อมูลประชากรเข้าสู่ระบบบิ๊กดาต้า และได้รับการปูนบำเหน็จจนเป็นบิ๊กข้าราชการข้ามกระทรวงในสมัยอดีตนายกฯ เพื่อไทยใช่หรือไม่? ซึ่งอาจจะมีคนมองได้ว่านอกจากจุดเชื่อมโยงพรรคใหญ่แล้วภารกิจหลักอาจเป็นการทำข้อมูลบิ๊กดาต้าที่จะเกี่ยวกับการเลือกตั้ง? เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องธรรมดาหรือ?
เมื่อประกอบเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกัน อาจถูกมองได้ต่างๆนานา และพรรคใหม่ที่ว่าก็อาจไม่ใช่เด็กน้อยอย่างที่รัฐบาลคสช. เข้าใจ มีคำถามทั้งในด้านความเชื่อมโยง เครือข่ายด้านบุคคล มวลชนเดิม งบประมาณแหล่งทุน ตลอดจนการให้สัมภาษณ์ที่นอกจากจะไม่ขัดแย้งกันแล้วก็ยังดูไปในทิศทางเดียวกัน กลับมาสู่โจทย์ที่ คสช. ใช้ตรึงกำลังพรรคการเมืองเดิมไม่ให้มีการเคลื่อนไหว ด้วยเหตุผลในการสร้างความเป็นธรรม ลดความขัดแย้งทางการเมือง หรืออะไรก็ตาม อาจไม่มีผลหากมีคนทำหน้าที่แทนในฐานะพรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ก็เป็นได้ เพราะสุดท้ายดูเหมือนเป้าหมายจะเริ่มไปทิศทางเดียวกัน “นิรโทษกรรม?”
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาหากยังจำกันได้ เมื่อครั้งสมัยรัฐบาลพลังประชาชนก็เคยเสนอเรื่องนี้และสังคมก็เข้าใจว่า เป็นการนิรโทษความผิดที่เกิดในสมัยรัฐบาลทักษิณ แต่การดำเนินการครั้งนั้นไม่สำเร็จล่วงมาถึงสมัยนายกฯพรรคเพื่อไทย มีประเด็นเรื่องนิรโทษกรรมขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มีความชัดเจนทั้งในรูปแบบและกฎหมาย และสุดท้ายก็ทำสำเร็จในชั้นของสภาผู้แทนราษฎร แม้จะไม่สำเร็จออกมาเป็นรูปธรรมจริงๆ แต่ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าในคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น ทั้งประเด็นสิ่งที่จะให้นิรโทษกรรมว่าครอบคลุมคดีประเภทใด และรูปแบบของการผ่านกฎหมายที่อ้างประชาธิปไตยแล้วใช้อำนาจเด็ดขาดในสภาเร่งผ่านกฎหมายกลางดึกโดยไม่ฟังเสียงประชาชน ใช้อำนาจข้อบังคับยุติการอภิปราย เพื่อปิดหูปิดตาประชาชนไม่ให้รับรู้ นำมาซึ่งการลุกฮือของประชาชนและกลายมาเป็นความขัดแย้งระดับประเทศในที่สุด เหตุเพราะหลายคนเชื่อว่าการนิรโทษกรรมในรอบนั้นเป็นการใช้อำนาจเสียงข้างมากล้างความผิดให้กับพวกพ้องตัวเอง ซึ่งนอกจากคดีทางการเมืองในครั้งนั้นอาจรวมถึงคดีการคอร์รัปชั่น คดีที่อยู่ในกระบวนการของ ป.ป.ช. และ ศาล หรือกระทั่งคดีที่ตัดสินไปแล้วใช่หรือไม่? เป็นความพยายามรวมความผิดในคดีทุจริตเหมารวมปะปนไปกับความผิดทางการเมืองใช่หรือไม่?
มารอบนี้ก็เช่นกันที่แม้จะพูดว่าเป็นการนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองในยุค คสช. แต่ความเป็นจริงแล้วถ้าทำจริงจะครอบคลุมแค่ไหน? นักโทษคดีการเมืองยุคคสช. ขอบข่ายจะมีเท่าใด? คดีจำนำข้าวจะเกี่ยวหรือไม่? คดีจีทูจีจะเกี่ยวหรือไม่? หรือจะหมายรวมไปถึงคดีก่อนหน้ายุค คสช. ด้วยหรือไม่? เหตุใดจึงไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม จะเร่งเหมาเข่งล้มกระดานปิดหูปิดตาประชาชน ให้เกิดข้อสงสัยกลับมาที่ตัวเองทำไม การเปิดตัวของพรรคใหม่ที่ชูว่าจะสร้างการเมืองที่สะอาด การเมืองที่ประชาชนไม่เบื่อหน่าย นักการเมืองที่มีคุณธรรม เป็นเรื่องที่ดีที่มีวิสัยทัศน์เช่นนั้น แต่ถ้ามีโอกาสแล้วจัดการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งก็จะย้อนกลับมาเป็นคำถามที่ตัวเองให้ประชาชนสงสัยได้ว่า อุดมการณ์ที่ขายฝันก่อนหน้านี้หายไปไหนหมด
สถานการณ์การเมืองที่เข้มข้นขึ้นกับเงื่อนไขเวลาที่ลดลงทุกที กำลังเร่งรัดการทำงานของรัฐบาล คสช. ให้ต้องดำเนินการหลายๆ เรื่องทั้งการปฏิรูปและการออกกฎหมายให้ทันท่วงที พรรค คสช. จะเกิดหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะเอาจริงเอาจังแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ การเปิดช่องให้พรรคการเมืองใหม่มีพื้นที่ในการดำเนินการต่างๆมาก เกิดคำถามว่าจะมีการผ่องถ่ายสรรพกำลังจากพรรคเก่ามาลงสู้ในพรรคใหม่หรือไม่? ขณะที่ฟากฝั่งประชาธิปัตย์ที่เคยเชื่อกันว่ามีพรรคใหม่อย่างพรรคลุงกำนันมาคอยหนุน กลับปรากฏรอยร้าวให้เห็นชัดเจนว่าอาจจะแตกคอกันจริงๆ แต่พรรคใหม่ของลุงกำนันที่ว่า เมื่อดูบุคลากรแล้วก็ไม่ใหม่อย่างที่คิด หากรัฐบาล คสช. จริงใจที่จะปฏิรูประบบการเมืองก็ควรปลดล็อกพรรคการเมืองเพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ ได้เริ่มทำกิจกรรมเพื่อวางรากฐานสู่การเลือกตั้งอย่างเท่าเทียม เวลา 4 ปีของรัฐบาลคสช. ที่ประชาชนยอมหลับหูหลับตารอการปฏิรูปประเทศ จะต้องสูญเปล่าเพราะพรรคแม่ลูก? ยืนยันแล้วว่าฉีกแน่นอนรัฐธรรมนูญ’60......
“...ความหมายของการไม่กล่าววาจา บางครั้งก็เป็นการยอมรับ...”
คำคมโกวเล้งจากเรื่อง เล็กเซี่ยวหงส์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี