เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ ดังนี้ 1.เห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวเอเปกประจำปี พ.ศ. 2561 2.หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ โดยไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้แล้ว ให้ กก. ดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
3.อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ ดังกล่าว
สาระสำคัญของเรื่อง กก. รายงานว่า การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปก ครั้งที่ 10 (10th APEC Tourism Ministers’ Meeting : TMM) จะจัดขึ้น ณ เมืองพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ในวันที่ 1 มิถุนายน 2561 ภายใต้หัวข้อ “ความครอบคลุมและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลสำหรับภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก” (Harnessing Inclusive and Sustainable Tourism in the Digital Age for the Asia-Pacific)
โดยมีนาย Emil Tammur รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี เป็นประธานการประชุม และมีประเทศสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมด 21 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม เป็นต้น
สาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ ครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น 1.ปฏิญญาลิมา 2.คณะทำงานด้านการท่องเที่ยว (Tourism Working Group : TWG) 3.ผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยว 4.การหารือนโยบายระดับสูงฮาลอง (Ha Long High-Level Policy Dialogue) 5.วัฒนธรรมประเพณี 6.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อลดความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ 7.บทบาทของสตรี 8.การให้ข้อมูลแบบ Real Time 9.การเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้เป็น “Sharing Economy” (สังคมเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน) 10.การจัดทำคู่มือนโยบายและการพัฒนานโยบายที่สนับสนุนการเติบโตของการท่องเที่ยว 11.ปฏิญญาผู้นำเอเปก 12.ความร่วมมือกับคณะทำงานเอเปก 13.การผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
เอเปก (Asia-Pacific Economic Cooperation - APEC) คือ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก กรอบความร่วมมือนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2532 เพื่อตอบสนองต่อภาวะการพึ่งพาซึ่งกันและกันของเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก ที่เพิ่มมากขึ้น
จากจุดเริ่มต้นด้วยการหารืออย่างไม่เป็นทางการในระดับรัฐมนตรีด้วยสมาชิกเพียง 12 ราย เอเปกได้พัฒนาจนกลายมาเป็นเวทีในระดับภูมิภาคที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอเปกได้เริ่มจัดการพบปะระหว่างผู้นำเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 เป็นต้นมา ปัจจุบัน เอเปกมีสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ มีประชากรรวมกันประมาณ 2,500 ล้านคน (ประมาณ ร้อยละ 42 ของประชากรโลก) มีผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติรวมกันกว่า 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2544 และการค้าระหว่างประเทศกว่า ร้อยละ 69 ของไทยเป็นการค้ากับสมาชิกเอเปก ด้วยศักยภาพข้างต้น เอเปกได้กลายมาเป็นพลังผลักดันการค้าแบบเปิดและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และวิชาการอย่างแท้จริง
วัตถุประสงค์ของเอเปก เอเปกมีเป้าหมายในการส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมเป็นประชาคมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในแต่ละปี ผู้นำและรัฐมนตรีเอเปกจะมาพบกันเพื่อทบทวนความคืบหน้าของการดำเนินงาน และกำหนดเป้าหมายวัตถุประสงค์หลักของความร่วมมือในปีต่อๆ ไป เป้าหมายที่โดดเด่นที่สุดอันหนึ่งของเอเปก คือ “เป้าหมายโบกอร์” ที่จะส่งเสริมการเปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
โดยเริ่มจากสมาชิกที่พัฒนาแล้วภายใน ปี 2553 และสำหรับสมาชิกกำลังพัฒนาที่เหลือภายในปี 2563 โบกอร์ เป็นชื่อของเมืองชายทะเลตั้งอยู่บนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2537 เอเปกไม่เหมือนองค์กรอื่น เช่น สหประชาชาติ ที่ต้องมีการลงคะแนนเสียงในกระบวนการ ตัดสินใจบางครั้ง หรือองค์การการค้าโลกที่ประเทศสมาชิกต่างพยายามปกป้องผลประโยชน์ด้านการค้าของตนอย่างเต็มที่ แต่เอเปกดำเนินการบนพื้นฐานของฉันทามติ ความสมัครใจ และการดำเนินการในกรอบเวลาที่ต่างกัน
นอกจากนี้ เอเปกยังเป็นองค์กรที่มีลักษณะพิเศษตรงที่สามารถคุยกันในเรื่องของ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการระหว่างสมาชิกที่พัฒนาแล้วกับสมาชิกที่กำลังพัฒนาได้
ก็นำมาบอกเล่ากันในช่วงใกล้วันหยุดสุดสัปดาห์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี