คงไม่มีใครปฏิเสธความจริงว่าการนำเสนอข่าวทั้งทางวิทยุ และโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์นั้นไม่น่าสนใจ สาเหตุที่ไม่น่าสนใจ ไม่ได้อยู่ที่วิธีการนำเสนอเพียงเท่านั้น แต่อยู่ที่ประเด็นของข่าวสารที่นำเสนอด้วย
ประเด็นข่าวที่ถูกเลือกเพื่อนำเสนอต่อประชาชนโดยกรมประชาสัมพันธ์นั้นเป็นประเด็นที่ถูกมองว่าสนับสนุนรัฐบาลเพียงอย่างเดียว โดยไม่สามารถนำเสนอข้อท้วงติงใดๆ ต่อรัฐบาล ถึงแม้ฝ่ายข่าวของกรมประชาสัมพันธ์มีฐานะเป็นสื่อมวลชน ที่จำเป็นต้องมีเสรีภาพในการนำเสนอข้อเท็จจริงโดยรอบด้าน และต้องไม่ถูกอำนาจของรัฐบาลลิดรอนการนำเสนอข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม แต่ฝ่ายข่าวของกรมประชาสัมพันธ์ก็คงจะไม่มีวันกล้าวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ต่อให้รัฐบาลบริหารประเทศผิดพลาดมากมายสักเพียงใดก็ตาม เพราะไม่เคยมีรัฐบาลไทยชุดไหนใจกว้างพอที่จะกล้ารับฟังคำวิจารณ์จากกระบอกเสียงของตน
ดังนั้นการทำงานของฝ่ายข่าวในกรมประชาสัมพันธ์จึงเป็นการทำงานที่ขัดแย้งต่อวิชาชีพของตัวเองมาโดยตลอด เนื่องจากสถานะของการเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลจึงไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ แม้จะรู้ดีในหลายต่อหลายครั้งว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายบริหารประเทศผิดพลาดไปจากหลักทำนองครองธรรม และหลักธรรมาภิบาล
เรื่องไม่ปรกติภายในกรมประชาสัมพันธ์ แต่ถูกทำให้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ สรรเสริญ แก้วกำเนิด จำเป็นจะต้องรู้ดีอยู่แก่ใจของตน ในฐานะที่เป็นผู้รักษาการตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
นับเป็นเรื่องดีประการหนึ่งที่สรรเสริญรู้ว่า การนำเสนอข่าวของกรมประชาสัมพันธ์ไม่เป็นที่สนอกสนใจของประชาชน แต่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจที่สรรเสริญอ้างผลการสำรวจความเห็นของประชาชนที่ว่า การนำเสนอข่าวของกรม ขาดสีสัน ส่วนประเด็นที่สรรเสริญกล่าวว่ารูปแบบการนำเสนอข่าวไม่น่าสนใจ ผู้จัดรายการขาดทักษะ และนำเสนออย่างจืดชืด แล้วสรรเสริญก็บอกว่า ต้องการเห็นการนำเสนอข่าวของกรม เป็นแบบการเล่าข่าว
โอ! พระเจ้าช่วยด้วยเถิด (หรือหากจะเขียนให้มีสีสันน่าหมั่นไส้ก็ต้องเขียนว่า “ต๊าย ตาย อกอีแป้นจะแตก มันเกิดอะไรกับสังคมไทยกันนี่) นี่หรือคือความคิดของรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อในคราวนี้แล้วละว่า คนที่ทำหน้าที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ต้องการให้กรม เสนอข่าวที่มีสีสัน แถมยังต้องการให้นำเสนอข่าวแบบเล่าข่าวอีกด้วย
ขอถามจริงๆ เถอะว่า ทุกวันนี้สรรเสริญไม่เห็นบ้างหรือว่าการนำเสนอข่าวในบ้านเมืองของเรานั้นมันเต็มไปด้วยสีสันอันสุดแสนจะน่าสังเวช มันน่าสังเวชเสียจนคนที่มีสติปัญญาประกาศชัดๆ ว่าไม่ต้องการเสพข่าวที่เต็มไปด้วยสีสันแบบเล่าข่าวอีกต่อไป ขอถามต่อไปว่า ก็ไม่ใช่เป็นเพราะข่าวสีสันที่มาจากการเล่าข่าวหรอกหรือ ที่ทำให้บ้านเมืองของเราปั่นป่วนโกลาหลเช่นทุกวันนี้ หรือว่าสรรเสริญยังเห็นว่าบ้านเมืองทุกวันนี้ยังโกลาหลไม่พอ หรือเกรงว่าหากบ้านเมืองสงบ และผู้คนมีสติปัญญาแล้ว รัฐบาลทหารจะยึดกุมอำนาจไว้ต่อไปได้ยาก
ขอให้สรรเสริญได้โปรดกลับไปทบทวนหลักการรายงานข่าวที่มีสาระ และมีคุณประโยชน์โดยแท้จริงต่อสังคมอีกสักครั้งหนึ่ง แล้วนำหลักการสำคัญนั้นไปปรับปรุงแก้ไขการนำเสนอข่าวของกรมประชาสัมพันธ์ ขอให้สรรเสริญตระหนักไว้ว่ากรมประชาสัมพันธ์มีพันธกิจในการนำเสนอข่าวสารและข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์โดยแท้ต่อสังคม กรมประชาสัมพันธ์ไม่ควรสนับสนุนให้มีการเล่าข่าวที่เต็มไปด้วยสีสัน แต่มากมายไปด้วยความเพ้อเจ้ออีกต่อไป เพราะทุกวันนี้สังคมไทยก็ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัสเพราะการเล่าข่าวที่ไร้สาระจนเกินจะทานทนได้อีกต่อไปแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี