ช่วงนี้ มีการแชร์ ข่าวสารและข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องพลังงาน และหรือราคาน้ำมันขายปลีกออกมาสู่สาธารณะขอให้เราตั้งสติ ใช้ความรู้ ปัญญา พิจารณาคิดวิเคราะห์ ซึ่งอาจจะยากหน่อย สำหรับคนทั่วไป ที่มิใช่ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการนี้ แต่ขอให้ข้อมูลกลางๆ เพื่อเป็นพื้นฐานการคิดและทำความเข้าใจ
l หากติดตามข่าวจากโซเชียลเน็ตเวิร์ก และข่าวสื่อ นสพ.ทีวี ฯลฯ จะเห็นข่าวนี้ปรากฏเป็นข่าวใหญ่เล็ก
1.ที่มา
-สื่อ นสพ. ทีวี ฯลฯ จะนำข่าวที่มีผู้ให้สัมภาษณ์มาลง และจากคอลัมนิสต์ หรือการเชิญคนมาพูด
-ความเห็นของ “ขาประจำ” และผู้รับข่าว และนำไปส่งต่อๆ ในเฟสบุ๊ค ไลน์การพูดต่อๆ กันซึ่งมักจะไม่เขียนเอง แต่ไปลอกข่าวเขามาอีกที และนำมาโพสต์ในตามตนหรือคนอื่น (ข้อสังเกตเห็น มักเป็นข้อความเดียวกัน และมักไม่ลงวันเดือนปี และแหล่งที่มา)
2.แหล่งข่าว จาก 2 ส่วน
-ส่วนที่ปรากฏ จะเป็นกลุ่มเครือข่ายที่คัดค้านพลังงาน ที่มีไม่กี่เครือข่าย และมีหัวไม่กี่คน
-ส่วนที่ไม่ปรากฏ เป็นการจัดตั้งกลุ่มและเครือข่ายของสื่อ ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่มีเป้าหมายเฉพาะ ทำทุกเรื่อง ทั้งในและต่างประเทศ ทำเป็นกระบวนการ ต่อเนื่อง ไม่หยุดฯ (ทำทุกเรื่อง ทั้งในและต่างประเทศองค์กรระหว่างประเทศ และที่สำคัญ คือ เรื่องของสถานหลัก) ที่ปกป้องเสริมบทบาทของเจ้าของและพรรคของเขา ให้มีภาพพจน์ที่ดีเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ทำเพื่อคนจนและอีกด้านหนึ่ง คือ ดิสเครดิตของรัฐบาลและกองทัพฯ โดยการกล่าวหาทุกเรื่องทุกกรณี ฯลฯ ซึ่งทำอย่างเป็นระบบและกระบวนการ และส่งต่อหรือมีเครือข่าย มาสร้างกระแสข่าวอย่างต่อเนื่อง
**เจ้าของพรรคเป็นนายทุนสามานย์ มีความเชื่อในทฤษฎี “การข่าวและสื่อ มากกว่าความจริง” คือ “ไม่ว่าความจริงหรือเท็จ ที่ทำให้คนเชื่อ หลงใหลได้” ต้องสื่อต่อเนื่อง หลายทาง แล้วคนจะเชื่อเชา จะเป็นเจ้าของสื่อ ทั้งเปิดและปิด การสร้างอิทธิพลและเชื่อมกับสื่อใหญ่ และโซเชียลมีเดีย ฯลฯ
3.จะขอกล่าวเฉพาะ “กลุ่มเครือข่ายที่คัดค้าน”
-มีเจตนาดี ต้องการตรวจสอบรัฐ (รัฐบาล หน่วยงานราชการ และหน่วยงานกึ่งรัฐ) และกลุ่มทุนใหญ่ฯ
-มีเจตนาที่ นำเสนอเรื่องราวให้ตนและกลุ่ม ให้เป็นข่าว มักมีอีโก้ ชอบเป็นข่าว มีบทบาท ฯลฯ
-มีเจตนาแอบแฝง ไม่พอใจรัฐ เพราะเคยถูกกระทบจากเรื่องอื่น หรือมีความคิดอคติต่อรัฐ กองทัพฯ
• ข้ออ่อนใหญ่ คือ
-มีความรู้บางระดับ ถนัดและมีประสบการณ์ตรวจสอบ แต่ขาดการรู้จริง และขาดข้อมูลที่เป็นจริงวิธีการวิเคราะห์ คือ “อาศัยการตีความ” จากข้อมูลของรัฐ ข้อมูลต่างประเทศ สำนักข่าวต่างๆ หรือการได้รับข้อมูลที่ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง จากคนหรือกลุ่มที่ขัดแย้งกับหน่วยงานและรัฐบาลและบางกรณี ก็รับข้อมูลจาก “นักการเมือง กลุ่มทุนที่ขัดแย้งกับหน่วยงานของรัฐ นักวิชาการฯ”
-มีความเชื่อที่ผิดและคลาดเคลื่อน คือ “มีหน้าที่ตรวจสอบ” จริงหรือไม่จริง เป็นเรื่องที่รัฐต้องตอบและ ไม่ยอมรับ “ข้อมูลความจริง” จากรัฐและหน่วยงานฯ เพราะมีอคติไม่เชื่อถืออยู่แล้ว
-ไม่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในเรื่องนั้นๆ และขาดประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงมีความรู้ความชำนาญความเชี่ยวชาญ ไม่มากพอ ที่จะชี้ให้เห็นเหตุ “ตามที่เขาและเธอ เชื่อ”
-จะคัดค้านแทบทุกเรื่อง และออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเป็นข่าวเก่า ข่าวใหม่ และเรื่องอนาคตฯ
-คนกลุ่มนี้ มีไม่มาก แต่ขยันเอาจริงจัง ออกมา โต้แย้ง มาตลอด (จนบางส่วนหลงว่า “รู้จริง”)
-มีลักษณะพิเศษ (ที่ไม่เหมาะสม) คือ มักใช้การกล่าวหาบุคคลและหน่วยงานที่ร่วมประชุมหรือทำหน้าที่ ว่า “มีผลประโยชน์ เข้าข้างนายทุนใหญ่ รังแกคนจน ไม่ช่วยเหลือชาวบ้าน ฯลฯ” ซึ่งมีส่วนที่ทำให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ที่ดี ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยว ไม่ตอบโต้ฯ เพราะเคยชี้แจงไปหลายครั้ง ก็ไม่รับฟัง ยังคงดำรงลักษณะที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ มาตลอด
-หากเราสังเกต จะเห็นว่า “คนส่วนใหญ่ของกลุ่มค้าน มีอาชีพหลากหลาย แพทย์ สังคม ปรัชญา วิทยาศาสตร์ อดีตนักการเมือง รัฐมนตรี สว.องค์กรสิทธิ หากเป็นวิศวกรฯ ก็จะเป็นระดับต้นๆ กลางๆ
-เคยได้รับความไม่เป็นธรรม จากโครงการของรัฐ ในอดีตฯ
-มีอคติต่อรัฐ (รัฐบาล กองทัพ และหน่วยงาน) ซึ่งในอดีต บางส่วนของหน่วยงานรัฐฯ
-นำเสนอด้านลบ ความคาดการณ์ สร้างความตระหนกในอนาคต ตามมโนของตน
-ใช้คำพูดหวือหวา อ้างตรรกง่ายๆ “ยืนอยู่ข้างคนจน” สู้กับ “นายทุนใหญ่ และคนขายชาติ”
4.ฝ่ายที่สนับสนุนหรือเห็นด้วย เป็นหน่วยงานด้านพลังงานของรัฐ และบริษัทในเครือปตท. และรัฐบาล
-จุดอ่อน ที่ผ่านมาในอดีต(ที่นานพอสมควร) มีประเด็นเรื่องของระบบราชการไม่โปร่งใส จากการแทรกแซงของนักการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐบาล และกลุ่มทุนใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีผลประโยชน์มหาศาลแต่ปัจจุบัน จุดอ่อนนี้ ถูกแก้ไขไปมาก จากการมีกรรมการบริษัทที่เอาจริง และจากการตรวจสอบจากหน่วยงานและภาคอื่นๆ ที่มีธรรมาภิบาล รวมทั้งจากราคาน้ำมันที่มีทิศทางปรับตัวลง (เพราะมีพลังงานอย่างอื่นถูกค้นพบและนำมาใช้แทน)
-จุดแข็ง คือ การมีหน่วยงานของรัฐ ที่ได้พัฒนาปรับตัว และดำเนินงานธรรมภิบาลโปร่งใสและในส่วนของภาครัฐ ในช่วงหลังและรัฐบาลนี้ ไม่ได้มีการแทรกแซงมากเหมือนแต่ก่อน
l 5.สถาบันทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จะให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมาคณะวิศวจุฬาฯ จะมีงานวิชาการ และอาจารย์และบุคคลกรที่มีความรู้และประสบการณ์จริง มีความเป็นกลางฯ มีงานวิจัย ฯ และการศึกษาดูงานฯ ทั้งภายในและต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพลังงาน
6.ความเห็นส่วนตัวที่ได้ติดตามในเรื่องนี้พอสมควร แต่เนื่องจากมิใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องจึงไม่สามารถชี้ขาด ฟันธง ในเรื่องที่ตนไม่รู้จริง 100% แต่ขอให้ความเห็นและข้อแนะนำ ดังนี้
-เหตุผล ของฝ่ายหน่วยงานของรัฐ ดีกว่าและถูกต้องกว่าน้ำหนักและเหตุผลของฝ่ายคัดค้าน
-สถาบันทางวิชาการชั้นสูง หรือมหาวิทยาลัย ควรมีบทบาทอออกมาชี้แจงให้เหตุผลแก่ชาวบ้านฯ
-ขอให้ฝ่ายค้าน แสดงเหตุผล และแสดงความรับผิดชอบ หากมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองควรจะให้ชาวบ้านในพื้นที่ ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง หรือการไปดูงานในต่างประเทศ (ซึ่งมักจะค้าน)
-ขอให้รัฐบาล ดำเนินการ “จัดเวทีสุดท้าย เชิญมาทุกฝ่าย” ทำให้เรื่องนี้ มีข้อยุติโดยเร็วและควรมีมาตรการทางกฎหมาย และการให้สื่อและการใช้สื่อ มีจรรยาบรรณ มีความรับผิดชอบฯ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี