จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดใหญ่และศูนย์กลางการปกครองของพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้มีประชากรมากที่สุดคือ 1.548 ล้านคนและมีเขตปกครองทั้งหมดในพื้นที่รวม 23 อำเภอ ในวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 ชาวนครศรีธรรมราชได้เป็นเจ้าภาพจัดการเสวนาเวทีสาธารณะภาคประชาชนเรื่อง “คลองไทยคนใต้ว่าอย่างไร?” ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชตำบลท่างิ้ว อำเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยมี 2 นักวิชาการระดับดุษฎีบัณฑิตทำหน้าที่พิธีกรผู้ดำเนินรายการได้แก่ ผศ.ดร.สุเมต สุวรรณพรหม วิศวกรไฟฟ้าระดับ 10 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ ดร.ดวงจันทร์ เดชรักษา อาจารย์หลายมหาวิทยาลัยของชาวใต้ชื่อดัง
เริ่มด้วยเวลา 09.00 น.พลเอกพงษ์เทพ เทศประทีป นายกสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา กล่าวเปิดเวทีการศึกษาคลองไทยกับอนาคตโลจิสติกส์ไทยโลจิสติกส์โลก ต่อด้วยเวลา 09.30 ถึง 10.30 น. ศาสตราจารย์ ดร.ฐาปนา บุญหล้า ประธานมูลนิธิสถาบันโลจิสติกส์แห่งเอเชีย บรรยายเรื่อง คอคอดกระคลองกระสู่คลองไทย
หลังจากนั้น เวลา 10.30 ถึง11.00 น. นายวิรวัฒน์ แก้วนพ วิศวกรจากบริษัทเอสซีจี จำกัด(มหาชน) ในฐานะวิศวกรสมาคม
คลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา บรรยายเรื่องวันนี้ที่คนใต้คนไทยต้องรู้เรื่อง เวลา 11.00 ถึง 12.00 น. รองศาสตราจารย์ ดร.สถาพร เขียววิมล อดีตศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยของรัฐหลายสถาบันในฐานะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิแสดงวิสัยทัศน์ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับคลองไทย
เวลา 12.00-13.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวันและชมนิทรรศการคลองไทย เวลา 13.00 น. นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต้อนรับในนามจังหวัด ต่อด้วย ดร.ฆนัท ธาตุทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการเสวนาในฐานะเจ้าของสถานที่ แล้วพลเอกพงษ์เทพ เทศประทีป นายกสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนากล่าวเปิดการเสวนา
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตกล่าวแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับคลองไทย นายวิรวัฒน์ แก้วนพ วิศวกรสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา บรรยายเรื่องคลองไทย 9 เป็นอย่างไร เวลา 13.45 ถึง 16.00 น.การเสวนาเรื่องคลองไทยคนใต้ว่าอย่างไร? ดำเนินการเสวนาโดย 2 พิธีกรอาวุโสชาวใต้คือ นายสุทธิชัย หยุ่น และนายสุภาพ คลี่ขจาย
โดยมีผู้ร่วมเสวนารวม 6 ท่านคือ พลตำรวจเอกสุนทร ซ้ายขวัญ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ผู้ทรงคุณวุฒิและอดีต สส. นครศรีธรรมราช ศาสตราจารย์ ดร.ฐาปนา บุญหล้า ประธานมูลนิธิสถาบันโลจิสติกส์แห่งเอเชีย นายนิยม คำแหง ผู้ทรงคุณวุฒิและอดีต สส. นครศรีธรรมราช นายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่แห่งประเทศไทย นายอรรถวิชช์สุวรรณภักดี ผู้ทรงคุณวุฒิและอดีต สส. กรุงเทพมหานคร
ช่วงสุดท้ายเวลา 16.00-16.30 น. การสรุปผลการเสวนาโดย 2 พิธีกรผู้ดำเนินการเสวนาและปิดการเสวนา เวลา 16.30 น. การแถลงผลการเสวนาโดย 3 นายกสมาคมคือสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ สมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย
ชาวไทยใน 14 จังหวัดภาคใต้ส่วนใหญ่ในจำนวน 10 ล้านคน มีความมั่นใจว่า “คลองไทย” จะเป็นความหวังใหม่ของคนไทย ที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันและอนาคตดีขึ้น ไม่ด้อยไปกว่าชาติใดในโลก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียง ที่มีความเจริญรุ่งเรืองประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างสุขสบายห่างไกลความยากจนไปแล้ว ทั้งๆ ที่ประเทศชาติของเขาไม่มีอะไรดีกว่าประเทศของเราเลย
ตรงกันข้ามประเทศของเราซึ่งมีชัยภูมิที่ตั้งได้เปรียบประเทศต่างๆในภูมิภาคอย่างยอดเยี่ยม เพราะเป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหมทางทะเลระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ที่เชื่อมโยงประชากรกว่า 4,000 ล้านคน โดยจะเป็นศูนย์กลางการเดินเรือ 70% ของโลกถ้ามีคลองไทย และจะเป็นศูนย์กลางทั้งทางบกและทางอากาศของภูมิภาคอีกด้วย
เป็นเรื่องน่าคิดน่าศึกษาสำหรับคลองไทย ลองประเมินดู เมื่อสามารถกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี กลยุทธ์ แนวทาง นโยบาย และแผนพัฒนาที่สอดคล้องกับภูมิยุทธศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้ เมื่อนั้นความรุ่งเรืองไพบูลย์ และสภาพศานตินิรันดร จะปรากฏขึ้นเหนือดินแดนไทยแห่งนี้อย่างแน่นอนและอาณาประชาราษฎรไทยก็จะมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีความเป็นอยู่ไม่แพ้ชาติใดในโลกและเมื่อนั้นไทยที่รักของเราก็จะก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0
นโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คือการวางยุทธศาสตร์ 20 ปีข้างหน้า และไทยแลนด์ 4.0 นั้น ถ้าไทยไม่มีเงินไม่มีเทคโนโลยี และประชาชนยากจนอยู่ นโยบายนี้จะสำเร็จได้หรือไม่ “คลองไทย” จะทำให้นโยบายเหล่านี้สัมฤทธิผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นจริงได้ ไม่น่าห่วงว่าไทยจะเอาเงินที่ไหนมาลงทุนเกี่ยวกับคลองไทยในขณะนี้เพราะเชื่อว่าถ้ารัฐบาลไทยประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษาคลองไทยเท่านั้น ภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศก็จะพากันมาขอเข้าทำการศึกษาด้วยทุนตัวเองอย่างแน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ไทยไม่อาจทำการสำเร็จได้โดยลำพังชาติเดียวจะต้องสามัคคีกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกับมหาอำนาจเอเชียคือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น บนพื้นฐานความยิ่งใหญ่ เป็นมหาอำนาจที่ยิ่งยงของโลก ในการเจรจาความร่วมมือเพื่อพัฒนาภูมิยุทธศาสตร์นี้ให้เป็นศูนย์กลางแห่งสันติภาพของภูมิภาคเอเชียแห่งนี้และของโลกตลอดไปนานเท่านาน
โปรแกรมการสัมมนาน่าสนใจมาก และผมได้รับเชิญไปในงานนี้ แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี