ในที่สุด พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. และ สว. ก็ผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลายคนก็คงคิดว่าน่าจะเข้าสู่การเตรียมการเลือกตั้งจริงๆ ได้แล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะต้องเห็นเค้าลางการเลือกตั้งได้ตั้งแต่วันที่ผ่าน พ.ร.ป.เลือกตั้งที่สนช.แล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือมีความจงใจเตรียมการรอไว้แล้ว พรรคการเมืองใหม่พรรคหนึ่งที่เปิดตัวในเดือนนั้นแบบพอดิบพอดี ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดการเลือกตั้งเดิมถูกกำหนดไว้ปลายปี 2561 การตั้งพรรคใหม่ที่อาจหวังปั่นกระแสการเมืองให้เกิดขึ้น 180 วัน ก็จะสวยหรูพอดี อย่างที่พรรคใหญ่พรรคหนึ่งเคยทำมาแล้ว ตั้งแต่สมัยยุคนายกฯพี่ชายนายกฯน้องสาว ก็ใช้ตัวเลขสูตรทำนองนี้มาแล้ว แต่แล้วกระบวนการทางกฎหมายก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาด อย่างไรก็ตามเส้นทางของผู้ท้าชิง คสช. เมื่อเปิดตัวแล้วก็ต้องเดินต่อไป
ในเมื่อปัจจัยทางกฎหมายไม่ได้เป็นอย่างที่คาดไว้ กระบวนการเร่งรัดสร้างปัจจัยเทียมจึงเริ่มก่อตัวขึ้น? เพื่อเร่งเร้าให้เกิดการเลือกตั้ง และดิสเครดิตรัฐบาลในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในรัฐบาลตามปกติภายใต้ระบอบประชาธิปไตย โดยหากพูดถึงปัจจัยที่จะทำให้เกิดการเลือกตั้ง หรือปัจจัยโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งตามรัฐบาลที่มีสภาฯแบบปกติ อาจเกิดจากปัจจัย (1)การครบวาระการทำงานตามกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรแบบปกตินั้นคือประมาณ 4 ปี (2)เกิดจากความสั่นคลอนของรัฐบาล หรือการแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาล หรือ (3)เกิดจากกรณีที่นายกรัฐมนตรี หรือ หัวหน้าพรรคที่มีคะแนนสูงสุดมีคดีความ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเคยเกิดขึ้นมาหมดแล้ว และเป็นตัวเร่งให้หมดวาระการทำงานของรัฐบาลตามธรรมชาติ ที่มีทั้งล้มรัฐบาลโดยยุบสภาฯหรือไม่ยุบสภาฯก็ตาม
หากแต่รัฐบาลประยุทธ์ไม่ได้มีเงื่อนไขใดที่เข้าเกณฑ์เหล่านี้เลย เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร ไม่ได้มีวาระกำหนดที่แน่นอน แม้จะถูกระบุเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญเรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่มีกำหนดที่ชัดเจนว่าเมื่อไหร่? และที่ผ่านมาก็เห็นว่าสามารถเลื่อนได้เรื่อยๆ หากมองถึงปัจจัยของคะแนนเสียงพรรคร่วมรัฐบาล ความสั่นคลอนของรัฐบาลก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้กับรัฐบาลชุดนี้ หรือหากจะมองว่าเป็นปัญหาจากการบริหารงานที่ล้มเหลว เช่นเรื่องของเศรษฐกิจเหมือนที่เคยเกิดขึ้นแล้วในปี 2540 รัฐบาลชุดนี้แม้ตัวเลขของเศรษฐกิจก็ไม่ดีนักใช่หรือไม่? แต่ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาก็ทรงตัวประมาณนี้มาตลอด ไม่ได้สูงขึ้นหรือลดลงมากเท่าไหร่? ที่จะเพียงพอในการบีบคั้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง? ดังนั้นในเมื่อปัจจัยทางธรรมชาติไม่มี หลายคนจึงนึกถึงปัจจัยเทียม ที่จะเร่งรัดให้เกิดการเลือกตั้ง หรือสร้างความได้เปรียบในฐานะผู้ท้าชิงใช่หรือไม่?
ว่ากันด้วยปัจจัยเทียม ในเมื่อไม่มีวาระการทำงานที่ชัดเจนตามกฎหมายเหมือนสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ หลายฝ่ายจึงถือเอาการนับวัน หลังมีการประกาศใช้ พ.ร.ป. การเลือกตั้งเป็นตัวกำหนด การนับเวลาถอยหลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ที่นำไปสู่การเปิดตัวพรรคใหม่ แต่อยู่ดีๆ สนช.ก็มายื่นว่าร่าง พ.ร.ป. ขัดต่อรัฐธรรมนูญ’60 หรือไม่?แม้ในวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัด แต่ต้องยอมรับว่า กำหนดเวลาได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว และแสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องแน่นอนเกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้งอีกต่อไป รวมถึงเครื่องมือสำคัญคือคำสั่ง คสช. ที่ห้ามพรรคการเมืองเดิมทั้งหลายประชุมและห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเปิดสวิตช์นี้เมื่อไหร่
จึงมีแต่การวางแผนและการคาดเดา ปัจจัยนี้จึงควบคุมไม่ได้เพราะขึ้นอยู่กับรัฐบาลและคำสั่ง คสช.
ปัจจัยเทียมต่อมาโดยการสร้างความสั่นคลอนให้รัฐบาลผ่านการเขย่าแรงโดยสื่อในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ตลอด 4 ปีที่รัฐบาล คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ก็ต้องยอมรับว่ามีการถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องปัญหาปากท้องไม่ใช่น้อย จนนำมาสู่โครงการกลุ่มประชารัฐตั้งแต่ลงทะเบียนคนจนจนถึงการแจกบัตรสวัสดิการประเภทต่างๆ ซึ่งดำเนินการอย่างมากในช่วงสองปีหลังมานี้ แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้งบสูง และไม่แน่ใจว่าสามารถใช้แก้ปัญหาปากท้องได้ตรงเป้าหรือไม่? แต่ต้องยอมรับว่าลดกระแสตึงเครียดของประชาชนต่อรัฐไปไม่น้อย โดยเฉพาะประชาชนในระดับฐานราก แต่ไม่ทุกกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์
สิ่งที่รัฐบาลชุดปัจจุบันพยายามผลักดันในช่วงหลังนี้ยังไม่สามารถแก้ได้และยังก่อตัวให้เกิดความตึงเครียดในระดับชนชั้นกลางนั่นก็คือปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นและปัญหาการชะลอการลงทุนของนักทุน ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองเป็นวงจร ความรู้สึกอึดอัดของชนชั้นกลางนี้จึงนำไปสู่การสร้างเงื่อนไขในการปั่นกระแสทางสื่อให้เกิดสภาวะความเดือดร้อนทั่วประเทศ กระทบต่อความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะชนชั้นกลางเพื่อหวังดิสเครดิตและสร้างกระแสล้มรัฐบาลต่อไป เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในท้ายรัฐบาลก่อนๆ หน้า ซึ่งเรื่องนี้แม้ว่าจะมีปัญหาจริงก็ต้องยอมรับว่าศักยภาพของสื่อสามารถนำพาปัญหาไปได้ไกลกว่าความเป็นจริงเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการจุดกระแสการต่อต้านรัฐบาลของกลุ่มวิชาชีพต่างๆ ที่พอมีให้เห็นบ้างแล้วในช่วงเวลานี้พอดิบพอดี แล้วปิดด้วยกลุ่มหลักที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่ไม่มีใครรู้ว่ามีฝ่ายการเมืองใดสนับสนุนหรือไม่? ถึงแม้ว่าแกนนำจะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนยุทธวิธี 180 วัน เพื่อดิสเครดิตรัฐบาลเดิมและสร้างฮีโร่ใหม่ทางการเมือง ดูจะใช้ไม่ได้ผลกับรัฐบาลชุดนี้ เพราะจากเงื่อนไขทางกฎหมายที่ทำให้เวลาในการเลือกตั้งขยับออกมาแล้วหลายครั้ง เพราะรัฐบาลนี้มีสิ่งพิเศษมากกว่ารัฐบาลปกตินั่นคือคำสั่ง คสช. อย่างคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 ที่มีการแก้กฎหมายพรรคการเมือง โดยมีเป้าหมายกำหนดให้พรรคการเมืองจะต้องให้สมาชิกพรรคการเมืองยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคและชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองภายใน 30 วัน โดยมีผลเซตซีโร่พรรคการเมืองเดิมโดยอัตโนมัติ ที่ ณ วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยว่าคำสั่งของ คสช.ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือกรณีคำสั่งหัวหน้า คสช.57/2557 ห้ามพรรคการเมืองประชุมหรือทำกิจกรรมทางการเมือง ก็ไม่รู้จะปลดล็อกเมื่อไหร่ ดังนั้นจึงคาดเดาไม่ได้ว่าจะมีคำสั่งหรือกระบวนการใดที่จะทำให้เกิดปัจจัยพิเศษที่ส่งผลต่อการกำหนดวันเลือกตั้งอีกหรือไม่?
แม้ล่าสุดเมื่อสองวันที่ผ่านมานายกฯเองก็ออกมาพูดเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะได้เลือกตั้งแน่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความสงบเรียบร้อย แล้วอะไรคือปัจจัยที่จะบอกว่าบ้านเมืองจะสงบหรือไม่สงบ? ขณะที่การออกมาให้สัมภาษณ์ของรองนายกฯหรือแม้กระทั่งเลขาฯกกต. ที่ออกมาพูดในทำนองที่ว่า “ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไรก็ไม่มีผลกระทบกับโรดแมปการเลือกตั้ง โดยหลักการการพิจารณาปลดล็อกพรรคการเมืองก่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง โดยคาดว่าจะสามารถจัดเลือกตั้งในอีก 11 เดือนตามโรดแมป” นั่นหมายความว่าสามารถเลื่อนการเลือกตั้งไปออกไปถึงเดือนพฤษาคม ปี 2562 ใช่หรือไม่?
อย่างไรก็ตามในวันนี้มีการเปิดตั้งพรรคใหม่อีกหนึ่งพรรคที่เชื่อว่าเป็นพรรคพันธมิตรกับ คสช. แต่ก็ยังไม่ใช่การนับหนึ่งของการเตรียมตัวเพื่อการเลือกตั้งที่แท้จริง ตราบจนถึงวันที่มีการส่งสัญญาณเปิดตัวพรรคอีกพรรคที่เชื่อว่า เป็นพรรคของคนในครม.ปัจจุบัน ตามที่เป็นข่าวออกมาประกาศตัวจึงจะถือว่าเคาะระฆังนับถอยหลังเลือกตั้งจริง ดังนั้นบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายที่หวังจะให้มีการปลดล็อกพรรคการเมืองเพื่อทำกิจกรรม ประชุมพรรคการเมือง หรือกิจกรรมอะไรต่างๆ ในตอนนี้นั้น มองได้เลยว่ายากที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้
“...หากท่านไม่เชื่อถือผู้อื่น ผู้อื่นไหนเลยเชื่อถือท่าน?...”
คำคมโกวเล้ง จากเรื่องดาบมรกต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี