น้ำมันและแก๊สเป็นปัจจัยการผลิตต้นน้ำที่สำคัญที่สุด เพราะการผลิตทั้งหลายต้องพึ่งพาอาศัยน้ำมันและแก๊ส และยังต้องพึ่งพาอาศัยตลอดทั้งกระบวน คือ ทั้งกระบวนการแปรรูปและกระบวนการขนส่ง ดังนั้น จึงเป็นต้นทุนสำคัญที่ส่งผลต่อราคาสินค้าและบริการทั้งประเทศ
และแน่นอนว่า เมื่อส่งผลต่อราคาสินค้าและบริการของทั่วทั้งประเทศแล้ว ก็ย่อมส่งผลต่อค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะประชาชนทุกคนที่ต้องกินต้องใช้ ต้องอาศัยในแผ่นดินนี้
ดังนั้นบรรดาประเทศทั้งหลายทั่วโลก จึงให้ความสำคัญในการกำหนดนโยบายราคาน้ำมันและแก๊ส ซึ่งก็คือนโยบายเกี่ยวกับต้นทุนการผลิต เกี่ยวกับค่าครองชีพและความเป็นอยู่ของประชาชนนั่นเอง รัฐบาลไหนปรีชาสามารถก็จะรักษาประโยชน์ของประเทศและประชาชนได้
รัฐบาลไหนที่โง่เง่าเต่าตุ่น ก็จะเป็นต้นเหตุในการสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศชาติและประชาชนเป็นส่วนรวม
ยิ่งถ้าหากเป็นรัฐบาลขายชาติ ปล้นชาติ โกงชาติ ที่แสวงหาผลประโยชน์จากราคาน้ำมันและแก๊สก็จะยิ่งซ้ำเติมวิกฤติให้กับประเทศชาติและประชาชน จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นการปล้นสะดมประเทศชาติและประชาชนนั่นเอง
ดังนั้น รัฐบาลที่ดีและปรีชาสามารถในโลกเขาจึงต้องมุ่งเน้นในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับน้ำมันและแก๊สรวมทั้งนโยบายราคาที่ถือเอาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก และโดยทั่วไปก็จะมีหลักในการกำหนดนโยบายดังนี้
ประการแรก นโยบายในการจัดประโยชน์ ในกรณีที่ประเทศมีแหล่งทรัพยากรน้ำมันและแก๊ส ซึ่งโดยทั่วไปจะกำหนดนโยบายดังนี้คือ
ก. ถ้ารัฐบาลนั้นสามารถสำรวจขุดเจาะและผลิตได้เอง ก็จะต้องลงทุนเองเพื่อให้ผลประโยชน์ทั้งหมดตกเป็นของประเทศชาติ
ข. ถ้ารัฐบาลนั้นไม่สามารถสำรวจขุดเจาะและผลิตได้เอง ก็จะให้สัมปทานโดยมีการแบ่งผลประโยชน์จากจำนวนผลผลิตที่ได้ และต้องเป็นส่วนแบ่งข้างมาก ระหว่าง 60-80%
ประการที่สอง ในกรณีที่ประเทศไม่มีแหล่งทรัพยากรน้ำมันและแก๊สเอง ก็ต้องนำเข้ามากลั่นและจำหน่ายในประเทศ ในกรณีนี้จะกำหนดนโยบายดังนี้คือ
ก. ถ้าประเทศมีองค์กรในการกลั่นและจำหน่าย ก็จะกำหนดราคาต้นทุนบวกด้วยผลกำไรแต่เพียงเล็กน้อย เพื่อทำให้ราคาจำหน่ายต่ำสุด เพื่อทำให้ต้นทุนผลิตประเทศต่ำสุด และเป็นการบรรเทารายจ่ายของประชาชน
ข. ถ้าประเทศไม่มีองค์กรในการกลั่นและจำหน่าย ก็จะกำหนดนโยบายให้ผู้กลั่นและจำหน่าย สามารถกำหนดผลกำไรได้ไม่เกินอัตราที่กำหนด โดยจะไม่ยินยอมให้โรงกลั่นและ
ผู้จำหน่ายแสวงหากำไรโดยไร้ขอบเขต หรือตามอำเภอใจ ซึ่งจะเป็นการทำร้ายประเทศชาติและประชาชน
ดังเช่นในกรณีที่โรงกลั่นและผู้จำหน่ายมีกิจการที่มีทุนหนึ่งแสนล้านบาท ก็สามารถกำหนดนโยบายให้กิจการเหล่านั้นมีกำไรได้ไม่เกินปีละ 50,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นผลกำไรมหาศาลอยู่แล้ว แต่ถ้าหากไม่มีการกำหนดนโยบายเช่นนี้ก็จะเป็นการเปิดช่องทางให้มีการปล้นสะดมประเทศชาติและประชาชนได้ตามอำเภอใจ
เช่น ถ้ากิจการที่มีทุนจดทะเบียน 1 แสนล้านบาทแต่สามารถทำกำไรได้ถึงปีละ 4 แสนล้านบาทก็หมายความว่า ประเทศชาติและประชาชนถูกปล้นสะดมไปอย่างอำมหิตและเลือดเย็น ถึง 350,000ล้านบาท ในแต่ละปี
และเป็น 350,000 ล้านบาท ที่เป็นต้นทุนต้นทางของราคาสินค้าและบริการค่าครองชีพทั้งหลาย ซึ่งจะส่งผลให้สูงขึ้นไม่น้อยกว่า 100 เท่าก็นึกดูกันเอาเองว่า จะเกิดความเดือดร้อนทุกข์เข็ญต่ออาณาประชาราษฎร์สักเพียงไหน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี