เละเป็นโจ๊กไปแล้วสำหรับ TCAS61 รอบที่ 3 (TCAS คือ Thai University Central Admission System) และความเละเทะดังกล่าวก็ยังหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ เพราะจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีอธิการบดีรายใดกล้าหาญแสดงตนเพื่อรับผิดชอบในความผิดพลาด อย่างใหญ่หลวงที่เกิดขึ้น
TCAS คือระบบการรับสมัครบุคคลเพื่อเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งถือเป็นผลงานสุดอัปยศของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) โดยก่อนที่จะผลักดันนโยบายนี้ออกมาใช้ ทปอ. ได้ฝันเฟื่องไว้ว่า สิ่งนี้จะช่วยแก้ปัญหาการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยของประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่สุดท้ายผลของการใช้ TCAS กลับเละเทะจนหาสิ่งใดมาเปรียบประมาณมิได้
ปัญหาใหญ่ที่เกิดจาก TCAS คือ ส่งผลให้นักเรียนที่ทำคะแนนสอบได้ดีกว่า และสูงกว่าผู้แข่งขันรายอื่นๆ สามารถกั๊กหรือเก็บที่นั่งในสถาบันการศึกษาไว้ได้ทุกแห่งตามที่คะแนนของตนอยู่ในเกณฑ์การรับของสถาบันการศึกษานั้นๆ หรือพูดให้เข้าใจง่ายคือ เด็กนักเรียนที่ทำคะแนนสอบได้สูงสามารถสอบติดในทุกอันดับในคณะวิชาและในสถาบันที่ตนเองเลือกไว้ แต่ปัญหาที่ตามมาคือเมื่อมีการเปิดให้ยืนยันสิทธิ์ของผู้ที่สอบได้ กลับพบว่ามีที่เรียนว่างมากมายมหาศาล คณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยมีที่นั่งว่างมากมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เนื่องจากเด็กที่ได้คะแนนสูง สอบติดหลายอันดับ และหลายที่ แต่เขาสามารถเลือกยืนยันสิทธิ์ได้เพียงอันดับเดียว และสถาบันเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เกิดปัญหากั๊กที่นั่งไว้โดยคนที่ได้คะแนนสูง ส่วนคนที่ได้คะแนนลำดับที่รองๆ ลงไป หรือคะแนนต่ำกว่า จึงถูกตัดสิทธิ์ไปโดยปริยาย ทำให้เขากลายเป็นผู้เสียโอกาส เพราะถูกระบบ TCAS กีดกัน
แน่นอนว่า จะต้องมีผู้โต้เถียงกลับว่า ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้สอบซึ่งทำคะแนนได้สูงจะสามารถมีที่เรียนได้ตามที่เขาเลือก แต่ความจริงคือ ระบบ TCAS เป็นระบบที่เอื้อให้กับผู้สอบได้คะแนนสูง แต่กลับละเลยผู้ที่ได้คะแนนเป็นอันดับรองๆ ลงไป หรือหากจะกล่าวหาอย่างรุนแรงก็คือ TCAS จงใจเอื้อให้กับผู้ได้คะแนนสูงเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ความผิดของผู้ทำคะแนนได้สูง แต่มันคือความผิดของผู้ออกแบบระบบที่ออกแบบโดยผิดพลาด
จากข้อเท็จจริงพบว่าผู้สอบที่ทำคะแนนได้สูงจนสามารถเลือกศึกษาในกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย(กสพท.) ได้ก็คือคนกลุ่มเดียวกับผู้ที่มีที่นั่งในคณะวิชาอื่นๆ ที่มีชื่ออยู่ในมหาวิทยาลัยที่เขาเลือกพร้อมๆ กัน 3 สถาบันหรือ 3 คณะวิชา ซึ่งนี่คือการกีดกันสิทธิ์ของผู้สอบรายอื่นอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งคำนวณแล้วพบว่ามีการกีดกันสิทธิ์หรือกั๊กสิทธิ์กั๊กที่นั่งในคณะวิชาต่างๆ อาทิ วิศวกรรมศาสตร์ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ มากถึง 2 หมื่นที่นั่ง
มีข้ออ้างว่า นักเรียนที่สอบได้คะแนนรองๆ ลงไปก็ยังมีสิทธิ์เข้าศึกษาต่อได้ แต่ในความเป็นจริงคือ นักเรียนที่ได้คะแนนรองๆ ลงไปนั้นถูกตัดสิทธิ์ในรอบ TCAS61 รอบ 3 ไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงต้องไปเลือกคณะวิชาที่ต้องการเรียนใน TCAS รอบต่อๆ ไป ซึ่งก็หมายถึงโอกาสในการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของเขาในรอบนี้ต้องถูกตัดสิทธิ์ออกไปก่อน แล้วเขาก็ต้องไปหาทางใหม่เอาเองในรอบต่อไป ซึ่งเขาก็ถามผู้กำหนดนโยบาย TCAS ว่าจะรับผิดชอบในการสูญเสียโอกาสทางการศึกษาของเขาอย่างไร
ได้มีการรวมกลุ่มของผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก TCAS โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า Fight for TCAS Friends และรณรงค์ให้ร่วมกันลงชื่อใน website ชื่อ change.org เพื่อร้องเรียนเรื่องนี้ไปถึงสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และจะส่งเรื่องไปยังรัฐบาล เพื่อให้เร่งแก้ไขปัญหาให้กับผู้สอบที่ได้รับผลกระทบจาก TCAS รอบ 3 และจะเรียกร้องให้ทปอ. ผู้เป็นเจ้าของระบบ TCAS ประสานไปยังมหาวิทยาลัยทุกแห่งให้ดำเนินการรับผู้สอบที่ได้คะแนนรองๆ ลงไปเข้าศึกษาต่อในคณะที่ยังไม่สามารถรับผู้เข้าศึกษาได้เต็มจำนวนที่กำหนดไว้ โดยให้ใช้หลักเกณฑ์การรับเหมือนเดิม และเปิดให้มี clearing house อีกรอบ โดยไม่จำเป็นต้องรอการสมัคร TCAS รอบ 4 ซึ่งใช้หลักเกณฑ์การพิจารณารับผู้เข้าศึกษาต่อคนละเกณฑ์กัน ทั้งนี้นักเรียนที่ได้คะแนนอันดับรองๆ ลงไปยืนยันว่า ถ้าหากทปอ. ไม่สามารถทำให้ผู้สอบที่มีคะแนนรองๆ ลงไปเข้าไปศึกษาในคณะวิชาที่ยังมีที่นั่งว่างได้ ก็หมายความว่าทปอ. จงใจตัดสิทธิ์ของผู้ที่สอบได้ในลำดับรอง ที่มีสิทธิ์เข้าศึกษาต่อในคณะวิชาที่ยังมีที่นั่งว่าง
ส่วนทปอ. ก็ดูเหมือนได้พยายามแสดงความรับผิดชอบเบื้องต้นจากเหตุความผิดพลาดครั้งนี้ด้วยการออกประกาศที่ประชุมทปอ. เรื่องการยืนยันสิทธิ์ TCAS รอบ 3 และจะจัด clearing house รอบที่สาม อีกสองครั้ง โดยจะเปิดให้สอบสัมภาษณ์พร้อมกันในวันที่ 10-11 มิถุนายนนี้ และทปอ. ได้ดำเนินการสำหรับผู้สอบที่ได้รับการประกาศรายชื่อดังนี้ 1) ผู้ยืนยันสิทธิ์ 2) ผู้ไม่ยืนยันสิทธิ์ 3) ผู้ขอสละสิทธิ์ โดยการสละสิทธิ์ในรอบ clearing house3/1 ผู้สละสิทธิ์จะไม่มีโอกาสเลือกสาขาวิชานั้นๆ อีกในการ clearing house3/2 แต่จะมีสิทธิ์เลือกสาขาวิชาที่มีการคัดเลือกเพิ่มเติมในการ clearing house3/2 ในสาขาที่ผู้สอบไม่ได้รับคัดเลือกมาก่อน ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ คือ กรณีที่ผู้สอบได้รับการประกาศรายชื่อว่ามีสิทธิ์เข้าศึกษาในสองสาขาวิชาในการ clearing house3/1 แต่ไม่ได้ยืนยันสิทธิ์ของตน ผู้สอบจะมีสิทธิ์ได้รับการคัดเลือกเพิ่มเติมในการ clearing house3/2 ได้ไม่เกินสองสาขาวิชาที่เหลือซึ่งเป็นสาขาวิชาที่เคยเลือกไว้ในการสอบ (เนื่องจากสามารถเลือกได้ทั้งหมด 4 สาขาวิชา)
ผู้เขียนเชื่อว่า คุณผู้อ่านหลายรายอาจจะปวดหัวหนักมากเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ แล้วก็เชื่อว่าหลายรายอาจเลิกอ่านไปแล้ว หลังจากอ่านไปได้เพียงสองสามย่อหน้า เพราะยิ่งอ่านยิ่งสับสน หรืออาจเป็นเพราะว่าตนเองไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ TCAS เนื่องจากไม่มีลูกหลานต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยในช่วงปีสองปีนี้ แต่สำหรับคนที่มีลูกหลานต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้คงกำลังปวดประสาทอย่างหนักโดยไม่ต้องสงสัย
ปัญหามีอยู่ว่าทำไมเด็กนักเรียนไทยจึงต้องกลายเป็นหนูทดลองยาของทปอ. และมีคำถามตามมาด้วยว่าทปอ. ไม่รู้มาก่อนจริงๆ หรือว่าระบบนี้จะทำให้เกิดปัญหามากมายมหาศาลเช่นนี้ ทั้งๆ ที่มีผู้เตือนทปอ. ไปแล้วว่าระบบนี้จะก่อให้เกิดปัญหาตามมา แต่เหตุใดทปอ. จึงไม่สนใจรับฟังข้อท้วงติง เป็นเพราะว่าทปอ. มั่นใจในความคิดของตนมากจนไม่สนใจคำเตือน ใช่หรือไม่
คำถามตามมาคือเหตุใดทปอ. จึงเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดีได้คะแนนสูงสามารถเลือกสอบได้ทั้งกสพท. แล้วยังมีโอกาสแข่งขันในระบบ TCAS ได้อีก ซึ่งเท่ากับเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนกลุ่มนี้มีสิทธิเลือกได้ถึง 7 สาขาวิชาหรือ 7 ตัวเลือก แต่สำหรับนักเรียนที่ไม่ได้มีโอกาสเลือกสอบกสพท. เหลือโอกาสเลือกแค่เพียง 4 สาขาวิชาเท่านั้น นั้นแสดงให้เห็นว่าทปอ. ให้โอกาสกับเด็กนักเรียนที่ทำคะแนนได้สูงมากกว่าให้โอกาสกับเด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนปานกลาง ใช่หรือไม่ เหตุใดทปอ. จึงไม่ให้เด็กนักเรียนกลุ่มกสพท. ประกาศผลสอบให้เรียบร้อยก่อน หรือให้มีการ clearing house สำหรับนักเรียนกลุ่มกสพท. ก่อน
อย่างไรก็ตาม ทปอ. อาจจะมองว่า TCAS คือการให้โอกาสกับนักเรียนในการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยเปิดโอกาสให้สอบได้ถึง 5 รอบ และจะช่วยลดการแข่งขันในการสอบได้ แต่นักเรียนหลายคนให้ความเห็นตรงกันว่าระบบใหม่นี้สร้างแรงกดดันให้กับผู้สอบไม่แตกต่างไปจากระบบเดิม แถมยังมีความซับซ้อนมากกว่าเดิมอีกด้วย
แน่นอนว่า โดยภาพกว้างนั้น TCAS ดูเสมือนน่าจะช่วยลดปัญหาการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ โดยเฉพาะปัญหาเด็กนักเรียนวิ่งรอบสอบหลายแห่ง หรือพยายามจะแก้ปัญหาเด็กนักเรียนที่ทำคะแนนสอบได้ดีกั๊กที่นั่งในคณะต่างๆ ไว้ หรืออ้างว่า TCAS มีส่วนช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ความจริงคือ ระบบ TCAS มีจุดอ่อนและมีข้อบกพร่องมากมาย แถมเมื่อเกิดปัญหาจาก TCAS แล้ว ทปอ. ก็กลับไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับนักเรียนได้ ทปอ. น่าจะรับฟังความเห็นจากนักเรียนที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยและผู้ปกครองของนักเรียนเหล่านั้นว่า พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนกับความเครียดอันเกิดจาก TCAS ไม่ใช่ความผิดของเด็กนักเรียนที่ทำคะแนนสอบได้สูง และสามารถจะสอบเข้าศึกษาต่อที่ไหนก็ได้ทั้งหมด แต่ความผิดน่าจะอยู่ที่การตัดสินใจออกนโยบาย TCAS โดยทปอ. ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาเด็กเรียนเก่งกั๊กที่เรียนได้
ทปอ. ควรจะรู้ไว้ว่า ใน TCAS3 นั้น คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศรับนิสิตเข้าศึกษาต่อจำนวน 15 คน แต่ปรากฏว่ามีนักเรียนจากกสพท. สอบได้ไปแล้ว 13 คน แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของเด็กกสพท. ที่จะสอบเข้าได้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เลือกเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เพราะปัญหามันเกิดมาจากทปอ. ไม่แยกผลสอบของกสพท. ออกจาก TCAS และไม่แยก clearing house ก่อน แต่กลับนำทุกอย่างไปรวมกัน สุดท้ายปัญหาก็จึงเกิดขึ้นโดยที่ทปอ. ไม่สามารถรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
ขอย้ำว่าทปอ. คือที่ประชุมอธิการบดีของมหาวิทยาลัยไทยทุกแห่ง คำถามสุดท้ายคือ คนระดับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยไทย ทำผิดพลาดแล้วจะแสดงความรับผิดชอบหรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี