ได้อ่านข้อคิดความเห็นของอาจารย์เอนก เหล่าธรรมทัศน์ (นักการเมือง นักวิชาการ) ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรค
รวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) แล้ว มีความรู้สึกดีใจ ผสมแปลกประหลาดใจ และสุดท้ายผสมความมึนงง หนักใจ
อาจารย์เอนกเขียนไว้ตอนหนึ่งว่า
“...พรรค รปช. ยืนยัน จะไม่ผูกขั้วเป็นศัตรู หรือ เป็นปรปักษ์กับพรรคใดๆ ฝ่ายใดๆ สีใดๆ ไม่ผูกมัดตัวเองก่อนเวลาเกินไปว่าจะรวมกับใคร ไม่รวมกับใคร
ผม กับมิตรสหายผู้ก่อตั้งจำนวนหนึ่งในฐานะคนนอก-กปปส. และ นอก-พันธมิตร จะมุ่งเน้นทำการเมืองแห่งความรู้รักสามัคคี คุณสุเทพกับอดีต กปปส. จำนวนมาก ก็เดินมาถึงจุดที่พร้อมยื่นมือไปร่วมมือ ปรองดอง กับแทบทุกพรรคฝ่าย ขอเถอะครับ อย่ามองแต่ความขัดแย้งในอดีต เราตั้งพรรคเพื่อวันข้างหน้า เพื่ออนาคต เป็นสำคัญ ทำอย่างไรคนที่เคยเดินขบวนหนักจากคนละจุดยืน จะหันมาทุ่มเทสร้างพรรคใหม่ บ้างก็ปรับเปลี่ยนพรรคเก่า และยื่นดอกกุหลาบแดงไปให้พรรคฝ่ายที่เคยบาดหมาง บ้าง” – (จากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์)
ผมมีความเห็นและความรู้สึก ดังนี้
1. “การไม่ผูกขั้วเป็นศัตรู หรือปรปักษ์กับพรรคใดๆ ฝ่ายใดๆ สีใดๆ ไม่ผูกมัดตนเองก่อนเวลาเกินไป ว่าจะรวมกับใคร ไม่รวมกับใคร”
คำพูดความคิดของอาจารย์เอนกนี้ ดูดี ที่เน้นการไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาตแค้นพยาบาท ไม่เป็นปรปักษ์กับใคร ให้อภัย ล้วนเป็นของดี
และก็เชื่อว่าจะไม่ได้มีความหมายเกินเลยไปถึงขั้นว่า จะนำพาพรรคไปร่วมกับใคร ร่วมกับพรรคใด ขอให้ได้เป็นรัฐบาลมีอำนาจ แม้คำพูดจะเปิดช่องให้ตีความไปได้เช่นนั้น แต่นักรัฐศาสตร์ นักคิดอย่างอาจารย์เอนกคงไม่ได้ติดเลวร้ายอะไรทำนองนั้น
2. อาจารย์เอนกออกตัวให้กับตนเองและคนที่ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมการเมืองภาคประชาชนกับ กปปส. และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าที่เขาเข้าร่วมก่อตั้งพรรค รปช. ร่วมกับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ จะเน้นความปรองดอง สามัคคี มองข้ามความขัดแย้งในอดีต สามารถยื่นมือไปร่วมมือปรองดองกับแทบทุกพรรคฝ่าย
ประเด็นนี้ ทำให้ผมมึนงง ประหลาดใจ เพราะผมเป็นคนเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ และ กปปส. จนมีคดีความติดตัวจนถึงปัจจุบัน ผมเข้าใจดีมาโดยตลอดว่า ผู้เข้าร่วมกับพันธมิตรฯ และ กปปส. ต่างต่อต้านและรับไม่ได้กับ “ระบอบทักษิณ”
ระบอบที่อาศัยการเลือกตั้งตามกลไกระบอบประชาธิปไตย เข้าไปเป็นเผด็จการรัฐสภา โดยการรวบรวม สส. และ สว. จูงใจด้วยผลประโยชน์และอำนาจ ขจัดการตรวจสอบจากฝ่ายค้านและองค์กรตรวจสอบ ด้วยการเข้าไปแทรกแซง โดยส่งคนเข้าไปเป็นฝ่ายตรวจสอบ และแทรกซื้อบางคนมาเป็นพรรคพวก แล้วหาผลประโยชน์จากนโยบายเพื่อแบ่งปันกันในหมู่ตนเองและเครือญาติ
คนที่ “รู้ทันระบอบทักษิณ” ได้ออกมาชุมนุม เรียกร้อง กดดัน ต่อต้าน โดยสงบและปราศจากอาวุธ แต่ต้องล้มตาย บาดเจ็บ เสียเวลา เสียเงินทองมากมาย
ผมมั่นใจว่า คนเข้าร่วมกับ กปปส. และพันธมิตรฯ รับไม่ได้กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคล หรือพรรคการเมืองที่ยังมีพฤติกรรมแนวคิดอุดมการณ์เหมือน “ระบอบทักษิณ”
การลืมอดีตของความขัดแย้ง การไม่ขัดแย้งด้วยความรุนแรง การให้อภัยเป็นของดี แต่การจะร่วมมือกับกลุ่มบุคคลหรือพรรคการเมืองที่ยังยึดโยงด้วยผลประโยชน์ หรืออุดมการณ์ในระบอบทักษิณ ยังเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ผมเข้าใจและประเมิน ซึ่งอย่างน้อยก็มีตัวผมเองคนหนึ่งที่รับไม่ได้
พูดอย่างตรงไปตรงมา พรรคเพื่อไทยที่มีรากเหง้าของพรรคไทยรักไทยและระบอบทักษิณ ตราบใดที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตนเองว่าได้สลัดแนวคิดอุดมการณ์ของระบอบทักษิณ และตระกูลที่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ผมเชื่อว่าคน กปปส. และพันธมิตรฯ จะไม่ยินดีเข้าร่วมมือปรองดองด้วย แม้จะเห็นด้วยว่าไม่ควรมองแต่ความขัดแย้งในอดีต และไม่ควรมุ่งจะให้เกิดความขัดแย้งในอนาคต
3. การจะให้ยื่นกุหลาบแดงไปให้แก่ผู้ที่เคยบาดหมางกันบ้างในเรื่องส่วนตัว ยังรับได้
แต่ถ้าจะให้พันธมิตรฯ และ กปปส. ไปยื่นกุหลาบแดงให้แก่กลุ่มบุคคลหรือพรรคการเมืองที่ยังมีแนวคิดอุดมการณ์ในระบอบทักษิณ คงจะยาก เพราะอย่าให้ต้องไปยื่นดอกกุหลาบแดงไปให้ แค่จะให้รับดอกกุหลาบแดงที่เขายื่นมาให้ก็ยังคงยากลำบาก
เว้นแต่พรรคการเมือง หรือกลุ่มบุคคลใด ที่ได้พิสูจน์จุดยืนอุดมการณ์ได้ชัดเจนแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับระบอบทักษิณ เราก็มาร่วมมือปรองดองกันได้ ตราบเท่าที่แนวคิด แนวนโยบาย เพื่อประโยชน์ของสังคมไทยตรงกัน
4. น่าสนใจที่เข้าใจว่า กลุ่มบุคคลเป้าหมายที่จะเข้าร่วมพรรค รปช. คือ คนที่เคยมีอุดมการณ์ แนวคิด ร่วมกับ กปปส. และพันธมิตรฯ คนกลุ่มนี้จะรับได้ไหม ถ้าผู้บริหารพรรคคิดจะยื่นดอกกุหลาบแดงให้กับพรรคบางพรรคที่ยังแนบแน่นกับระบอบทักษิณ?
5. อยากจะเชิญชวนให้อ่านบทความข้อคิดสั้นๆ ที่บังเอิญได้รับจากโซเชียลมีเดีย ไม่ได้ระบุผู้เขียน เรื่อง “หอยมุก กับม้าป่า” ความว่า
“หอยมุก กับ ม้าป่า ...
เม็ดทรายหลุดเข้าเนื้อในหอย มันรู้สึกไม่สบาย แต่ไม่สามารถขับทรายออก มันไม่บ่นว่าคร่ำครวญโทษฟ้าดิน แต่ค่อยๆ ขับสารอาหารในกายออกมาหุ้มเม็ดทราย จนในที่สุดกลายเป็นมุกเม็ดงาม
ค้างคาวดูดเลือดเกาะขาม้าป่าดูดเลือดม้า ม้าป่าไม่สบาย แต่ไม่สามารถไล่มันไป ก็กระโดดวิ่งพล่าน มีม้าป่าไม่น้อยถูกทรมานจนตาย
นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า ปริมาณเลือดที่ค้างคาวดูดจากม้านั้นน้อยเกินกว่าจะทำให้ม้าตายได้ ที่ม้าตายเพราะความโกรธเกรี้ยวและวิ่งพล่าน
เรื่องไม่ได้ดั่งใจมักมีมากมาย ยามใดประสบเรื่องขัดใจ ลองคิดถึงหอยมุกกับม้าป่า ไยจะไม่เอาเยี่ยงหอยมุก หาทางรับมือ ใช้หัวใจ “หอยมุก” ไปยอมรับทุกสภาวะอันไม่ได้ดั่งใจ ให้เกิดประโยชน์ต่อเรา อย่าได้ทำอย่างม้าป่า ดีแต่โกรธเกรี้ยวโกรธา สุดท้ายรับผลร้ายจากตนเอง
หยุดขึ้งโกรธต่อสิ่งรอบตัว ฝึกรับมือกับทุกสิ่งที่ขัดใจ ความทุกข์ความเจ็บปวดพึงเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ ให้มันเป็นประสบการณ์ล้ำค่าในชีวิต
ลองฝึกจิตอย่างมีสติรับมือกับอารมณ์ที่เกิดกันดูนะคะ...”
อ่านแล้ว เห็นด้วยว่าเราไม่ควรทำตัวอย่างม้าป่า ที่โกรธเกรี้ยว โกรธา ซึ่งสุดท้ายก็ไม่เป็นผลดี ซึ่งในที่นี้ก็หมายความถึงไม่ควรโมโหโกรธาระบอบทักษิณ กระโดดวิ่งพล่านดังม้าป่า จนหมดแรง เป็นภัยแก่ตนเอง
แต่เราควรเอาอย่างหอยมุก ที่เห็นว่า “ระบอบทักษิณ” เหมือนเม็ดทรายที่อยู่ในตัวหอย หรือระบอบทักษิณอยู่ในความคิดคนกลุ่มหนึ่งในสังคมไทย ก็ต้องขับสารในกายในสังคมออกมาห่อหุ้ม “ระบอบทักษิณ” ไม่ให้เป็นพิษระคายเคืองสังคม เฉกเช่นหอยมุกขับสารในกายห่อหุ้มเม็ดทราย จนในที่สุดกลายเป็นมุกเม็ดงาม
สุดท้าย จะขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512 ความว่า
“....ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี