ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเสียงโอดโอยในหลายหน่วยงาน อย่างน่าสมเพชเวทนายิ่งนัก เสียงหนึ่งว่า บัดนี้นักโทษล้นคุกล้นตะราง จนไม่มีที่จะคุมขัง และจนไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่ที่จะดูแลได้อย่างเพียงพอ อีกเสียงหนึ่งก็ว่า บัดนี้ยาเสพติดเต็มไปทั้งบ้านทั้งเมือง ยิ่งจับได้มาก ก็ยิ่งผลิตเข้ามาจำหน่ายมากขึ้น จนจับกันไม่หวั่นไม่ไหวอยู่แล้ว
เสียงคร่ำครวญดังว่านั้น ไม่ต่างจากเสียงขลุ่ยทำนอง
เพลงโศก ที่เต็มไปด้วยความถดถอยท้อแท้และเศร้าสลด สะท้อนถึงความสิ้นแล้วซึ่งสติปัญญาและความคิดอ่าน คือ มิรู้ที่จะแก้ไขประการใด
เสียงคร่ำครวญหวนไห้ดังกล่าวผ่านไปนับสัปดาห์ ก็หามีเสียงใดสนองตอบให้เกิดประกายความคิด หรือเผยความรับผิดชอบที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวเลย กรณีกลายเป็นว่าบ่นได้ก็บ่นไป ไม่ใช่เรื่องของกูโว้ย นี่คือสภาพที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ในยุคสมัยที่มีการชักนำเอาพวกตาอยู่มากินบ้านกินเมือง
ดังนั้น จึงจำเป็นอยู่เอง ที่คนซึ่งพอมีสำนึกในความเป็นข้าแผ่นดินที่จะต้องคิดอ่านแก้ไข เพราะเป็นปัญหาใหญ่โตจริงๆ และเมื่อคิดอ่านจะแก้ไขเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องย้อนไปดูถึงต้นเหตุและสายทางของปัญหา
ก็จะพบว่า สาเหตุสำคัญที่นักโทษล้นคุกล้นตะรางนั้น ส่วนใหญ่ที่สุดเป็นนักโทษคดียาเสพติด ทำให้กระบวนการจับกุม กระบวนการพิจารณาพิพากษาคดี และกระบวนการในการบังคับตามพิพากษาของศาลในการจำคุก และฟื้นฟูผู้ต้องโทษได้กลายเป็นเรื่องใหญ่สุด และมีปริมาณมากที่สุดในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
เป็นเรื่องที่ใช้กำลังคน กำลังงบประมาณ และเวลาของประเทศชาติ และกระบวนการยุติธรรมมากที่สุด จนเบียดบังและกระทบต่อการอำนวยความยุติธรรมของประเทศอย่างน่าตกใจ
และยิ่งปราบปรามมาก ราคายาเสพติดก็ยิ่งสูงมากขึ้น จูงใจให้มีการผลิตเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะเมื่อยาเสพติดยิ่งแพงขึ้นมากเท่าใด การผลิตยาเสพติดก็ยิ่งได้ราคาแพงมากขึ้นเท่านั้น จากเมื่อครั้งที่ยังเรียกว่ายาม้า ก็มีราคาเพียงเม็ดละไม่กี่บาท แต่มาถึงวันนี้ชื่อก็เปลี่ยนเป็นยาบ้าไปแล้ว และราคาก็บ้าตามไปด้วย คือมีราคาสูงขึ้นทุกวันจนตกเม็ดละหลายร้อยบาท
ยิ่งมีสินบนนำจับที่กำหนดเป็นร้อยละของมูลค่ายาเสพติดด้วยแล้ว ยิ่งจับมาก็ได้สินบนมากจึงจูงใจให้จับกุมกันเป็นมหกรรมจนกระทั่งบางครั้ง ก็ต้องเฉลียวใจคิดว่า หากมีใครลงทุนผลิตยาบ้าแล้วให้มีการจับกุม ก็เท่ากับเป็นการผลิตจัดจำหน่ายแก่รัฐ โดยมีผลตอบแทนที่สูงลิบลิ่วก็ได้
เมื่อสายสนกลเหตุเป็นเช่นนี้จึงถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องปรับแนวความคิด เพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดครั้งสำคัญซึ่งควรที่จะปรับระบบความคิดและกำหนดมาตรการดังต่อไปนี้
ประการแรก ยกเลิกบรรดาความผิดเกี่ยวกับการมี การจำหน่าย และการเสพยาบ้า เพียงเท่านี้ก็จะลดเวลาการทำงานของผู้คนในกระบวนการยุติธรรมไปกว่า 80% จะประหยัดรายจ่ายของแผ่นดินมากมายมหาศาล
ประการที่สอง ประกาศให้ผู้ต้องการเสพยาเสพติดมาขึ้นทะเบียน และขอรับยาเสพติดจากหน่วยงานของรัฐโดยไม่คิดมูลค่า โดยถือว่าผู้ติดยาเสพติดคือผู้ป่วยชนิดหนึ่ง ซึ่งรัฐมีหน้าที่รักษา ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องหาเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพใครๆ ก็ไม่สามารถมาขายแข่งกับการแจกฟรีของรัฐได้ เมื่อขายไม่ได้ก็ย่อมไม่มีการผลิต ยาเสพติดก็ย่อมจะหมดไป
เพราะเมื่อรัฐให้ยาเสพติดฟรีแก่ผู้ติดยาเสพติดแล้ว ผู้ติดยาเสพติดนั้นก็หมดความจำเป็นที่จะต้องหาเงินไปซื้อหายาเสพติด บรรดาการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ และความผิดอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากความต้องการหาเงินไปซื้อยาเสพติดก็จะหมดสิ้นไป สังคมไทยก็จะกลับสู่สภาพสันติมากขึ้น
เมื่อไม่มีผู้ใดต้องการซื้อยาเสพติดกันเองอีก เพราะสามารถไปขอรับได้จากรัฐโดยตรง โดยไม่ต้องจ่ายเงินซื้อหาแล้ว ผู้ค้าผู้ขายยาเสพติดก็จะไม่สามารถค้าขายได้ เพราะไม่มีคนซื้อหา เพราะเนื่องจากผู้เสพยาเสพติดไปขอรัฐกันหมดแล้ว
เมื่อผู้ค้าผู้ขาย ขายยาเสพติดไม่ได้ ก็ไม่ไปซื้อยาเสพติดจากผู้ผลิตมาขายอีก เมื่อนั้นผู้ผลิตยาเสพติดก็ต้องเลิกการผลิตเพราะถ้าผลิตแล้วขายไม่ได้ก็มีแต่จะขาดทุน จึงต้องเลิกการผลิต
จะทำให้กระบวนการการผลิต กระบวนการการจำหน่าย และกระบวนการลักลอบขนส่งหรือค้ายาเสพติดก็จะถูกทำลายลงอย่างราบคาบด้วยอานุภาพของการแจกยาเสพติดฟรีโดยรัฐ
และรัฐก็จะเป็นเจ้ามือของยาเสพติดแต่เพียงเจ้าเดียว ในฐานะที่จัดให้มีขึ้น ในฐานะที่เป็นยารักษาผู้ติดยาเป็นการชั่วคราว ซึ่งย่อมลดจำนวนลงโดยลำดับจนหมดสิ้นเด็ดขาดในที่สุด
ประการที่สาม ให้มีการช่วยเหลือผู้ติดยาที่มารับยาไปเสพในการให้เรียนรู้โทษภัยการติดยาเสพติด ทั้งโทษภัยที่บังเกิดแก่ตนและผู้อื่น และรณรงค์ให้เป็นหน้าที่ของสังคมในการให้โอกาสต้อนรับเข้าสู่อ้อมอกของสังคม อย่าได้ตั้งข้อชิงชังรังเกียจเอากับผู้ติดยาเสพติด
เมื่อสังคมต้อนรับ เอาใจช่วย และให้กำลังใจ ทั้งมีการแนะนำถึงโทษภัยต่างๆ กระจ่างแล้ว ไม่ช้าไม่นานก็จะสามารถเลิกเสพยาเสพติดได้ ก็จะกลายเป็นพลเมืองใหม่ของประเทศ ที่เป็นกำลังของบ้านเมืองสืบไปในอนาคต
ดังพรรณนามานี้ ก็ลองคิดอ่านใคร่ครวญกันดู ซึ่งย่อมดีกว่าการอับจนปัญญาบ้าใบ้ไม่ทำอะไร และปล่อยให้ชาติล่มจม ประชาชนอ่อนแอ อมโรค ดังที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราขณะนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี