ในอดีต เราเคยพบว่าคนไทยไม่เข้าคิว แต่แย่งชิงเบียดเสียด เป็นที่ขายหน้าไปทั่วโลก แต่วันนี้ คนไทยรู้จักเข้าคิวเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นแล้ว แม้การขึ้นรถเมล์ รถจักรยานยนต์ ก็มีคิว แสดงว่าคนในสังคมเปลี่ยนแปลงได้ หากมองเป็นปัญหา และเห็นทางเลือกในทางออกที่ดีกว่า
การทิ้งขยะและกำจัดขยะก็เช่นกัน
ขณะนี้สังคมไทยพบปัญหาขยะล้นเมือง ประชาชนทั่วไปยังอยากจะทิ้งขยะออกไปให้พ้นตัว เห็นแม่น้ำ ทะเล คลอง ท่อระบายน้ำ ถนน และที่ว่างของคนอื่นเป็นที่ทิ้งขยะ คนไทยเป็นเช่นนี้มานานแล้ว แต่ก็เชื่อได้ว่า พฤติกรรมของคนไทยสามารถปรับเปลี่ยนได้
ปัจจุบัน หากเราโยนขยะทิ้งในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น ทะเล แม่น้ำ ถนน หรือที่ดินของคนอื่น เป็นสิ่งที่คนมักง่ายได้ประโยชน์ โยนภาระไปให้ผู้อื่น เพราะคิดว่าใครๆ เขาก็ทำกัน เราทำบ้างก็ไม่เป็นไร ไม่ถูกต่อว่า ไม่ถูกเหยียดหยาม ไม่ถูกปรับเงิน
ถึงเวลาแล้ว พร้อมแล้ว ที่สังคมตื่นตัวรับรู้ แก้ไข ต้องช่วยกัน ดังต่อไปนี้
1. ให้ข้อมูลความจริง ให้รู้ว่า ขยะในปัจจุบัน ส่วนมากเป็นพลาสติก ที่จะใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปี
เราตายแล้วเกิดใหม่หลายชั่วคน
เราคงไม่คิดทำบาปหลายชาติ ยิ่งโฟม ก็จะยิ่งอยู่กับเราชั่วกัปชั่วกัลป์
และขณะนี้ เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีขยะพลาสติกมาก โด่งดังไปทั่วโลก
นอกจากนี้ มีขยะอันตราย แบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาย หลอดนีออน และขยะพิษ รวมถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
2.สร้างต้นทุนให้กับผู้ใช้พลาสติก ผู้สร้างขยะที่ไม่พึงปรารถนา และให้รางวัลกับผู้ใช้ถุงพลาสติกอย่างถูกต้อง ถูกวิธี
ระบบที่จะนำมาใช้ได้ ก็คือให้ผู้บริโภคที่ต้องการใช้ขวดพลาสติก หรือถุงพลาสติกที่บรรจุภัณฑ์ จะต้องจ่ายในราคาแพง แต่เมื่อนำมาแลกคืนก็จะได้เงินคืนในมูลค่าสูงเช่นกัน
ที่ประเทศนอร์เวย์ ผมเคยไปซื้อน้ำ น้ำหวานที่บรรจุในขวดพลาสติก พบว่า จะต้องจ่ายราคาแพงมากๆ เช่น น้ำดื่มหนึ่งขวด ราคา 12 บาท เป็นค่าน้ำ 7 บาท ค่าขวดพลาสติก 5 บาท เมื่อผมเอาขวดพลาสติกมาคืน ผมจะได้เงินคืน 5 บาท ใครๆ ก็จะเก็บขวดพลาสติกมาแลกคืน ไม่ทิ้งเป็นขยะ
และจะพบว่า มีคนคอยเก็บขวดพลาสติกบริเวณสถานีรถไฟ สถานีรถโดยสาร และสนามบิน เพราะผู้เดินทาง
ไม่ประสงค์จะนำติดตัวไปเป็นภาระ ก็โยนใส่ถังขยะ จึงมีคนคอยเก็บขวดเหล่านี้ไปรีไซเคิลเอง
ที่ประเทศเยอรมนี ครั้งหนึ่งไปดูฟุตบอลที่เมืองมิวนิค คนดูฟุตบอลนิยมซื้อเบียร์สดใส่ถ้วยพลาสติกขึ้นไปดื่มเชียร์บอล ปรากฏว่า เบียร์พร้อมแก้วพลาสติกแพงมากๆ แต่พอฟุตบอลจบเกม ทุกคนก็เอาแก้วพลาสติกมาแลกเงินคืน ได้ราคามากกว่า 10 บาทต่อใบ จึงเห็นว่ามีคนเดินสอดส่ายสายตามองหาแก้วพลาสติกบนอัฒจันทร์ เพื่อเก็บแก้วพลาสติกที่คนลืมวางไว้ไปขายคืน
ในบ้านเรา ถุงพลาสติกที่ใส่อาหาร ปัจจุบัน แต่ละชิ้น แต่ละถุง ก็ใช้พลาสติกอยู่แล้ว ยังใส่ถุงพลาสติกรวมอีกชิ้นหนึ่ง นับเป็นความสะดวกสบายที่ฟุ่มเฟือย จนสำนักข่าวบีบีซี ได้ถ่ายทำเผยแพร่ออกไปทั่วโลก
ผมเคยพบในหลายประเทศ เมื่อซื้อของ คนขายจะถามว่า จะเอาถุงพลาสติกใส่ของที่ซื้อไหม? ถ้าเราตอบรับ เราต้อง
จ่ายค่าถุงพลาสติกเพิ่มเติม ใบละกว่า 5 บาท ไม่เหมือนที่เราได้มาฟรีๆ ตามซูเปอร์มาร์เก็ต จึงทำให้มีคนนำถุงพลาสติกเก่า หรือถุงผ้า พกติดตัวมาซื้อของ ประหยัดไปได้หลายบาท
3. เราคงไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่ปลอดพลาสติกได้ เหมือนสังคมสมัยก่อน
ที่ใช้กระป๋องนมข้น แทนแก้วพลาสติก
ใช้ปิ่นโต แทนถุงใส่แกง
ใช้ใบตองห่ออาหาร แทนพลาสติก ฯลฯ
ต้องยอมรับว่า นับแต่มีพลาสติก ชีวิตของเราก็สะดวกสบาย ตั้งแต่ตื่นนอน ของใช้รอบกายล้วนเป็นพลาสติกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น แปรงสีฟัน แก้วน้ำ กล่องสบู่ ปากกา กล่องใส่อาหาร ฯลฯ จนกระทั่งเข้านอน
แต่เราสามารถลดการใช้พลาสติกได้อย่างน้อย 10 เท่า ในเวลาอันรวดเร็ว
เอาง่ายๆ ขวดน้ำดื่ม ถุงพลาสติก เราสามารถล้างและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 10 ครั้ง ก็เท่ากับว่าเราลดการใช้พลาสติกไป 10 เท่า และสุดท้ายก็นำไปขายคืนได้อีก
เวลาไปซื้อน้ำดื่มตามร้านอาหาร เรานำขวดพลาสติกกลับบ้านด้วยก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไร เท่เสียอีกที่เรารัก
สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ มีจิตอาสาเพื่อสังคม
เมื่อครั้งที่ประเทศไทยมีถุงพลาสติกออกมาใหม่ๆ ที่บ้านผมเป็นร้านขายหนังสือเรียน ถุงพลาสติกถูกนำมาขายใบละ 5 บาท (ค่าเงินเมื่อ 50 ปี ก่อนนับว่าแพงมากๆ) ในยุคนั้น คนซื้อของอื่นๆ ถ้าซื้อถุงพลาสติกใส่ของ ก็จะใช้นาน ใช้ซ้ำหลายครั้งมาก
แต่ก่อน ถุงพลาสติกใสที่ใส่อาหาร ก็นิยมล้างตากแดด ใส่ซ้ำหลายครั้ง แต่พอมีพลาสติกออกมามาก ราคาถูก พฤติกรรมคนก็เปลี่ยน
4. ขยะที่เกิดจากการใช้ของพวกเรามีหลายประเภท คือ
(1) ขยะที่ย่อยสลายได้ (ขยะเปียก) หรือขยะที่เกิดจากอาหาร พืช สัตว์
(2) ขยะพลาสติก ของใช้ที่ย่อยสลายได้ยาก หรือไม่ได้ (ขยะแห้ง)
(3) ขยะพิษ เช่น แบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาย หลอดนีออน ขยะอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
ถ้าพวกเราช่วยกันแยกทิ้งขยะใส่ภาชนะเป็นประเภทๆ ก็จะช่วยให้การบริหารจัดการขยะง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพ ใช้ทรัพยากรรบกวนสิ่งแวดล้อมน้อยลง เช่น
ขยะย่อยสลายได้ จำพวกเศษอาหาร ใบไม้ มูลสัตว์ แทนที่จะใส่ถังขยะรวม ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น น้ำไหลออกจากถังขยะ ก็นำไปใส่หลุมฝังสลับกับดิน/ทราย เป็นชั้นๆ สองเดือนก็จะกลายเป็นปุ๋ยต้นไม้อย่างดี ถ้ามีมาก อย่างตามโรงแรม ร้านอาหารขนาดใหญ่ ก็ใส่ถังหมักเป็นแก๊สชีวภาพได้อีกด้วย
ขยะพลาสติกและอื่นๆ ก็แยกประเภท เพื่อนำกลับไปรีไซเคิล ผลิตใหม่ได้ง่ายขึ้น
ขยะพิษ จำพวกถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ และอื่นๆ ก็ใส่ภาชนะปิดแน่น แยกออกมา เพราะจะเป็นอันตรายกับ
ผู้จับต้อง แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานเพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี (เช่น ฝังในคอนกรีต ฯลฯ)
5.จะต้องสร้างความเป็นเจ้าของทรัพยากรสาธารณะ
สังคมไทยยุคใหม่ อาจจะต้องคิดที่จะให้แม่น้ำ ลำคลอง พื้นที่ดิน แม้ชายฝั่งทะเลทุกแห่ง เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีคณะผู้พิทักษ์ที่สังคมแต่งตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ดูแลในแต่ละแห่งอย่างเป็นทางการ สามารถดำเนินการเอาผิดกับบุคคลที่ฝ่าฝืน ทำลายทรัพยากร ดังเช่นที่เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ
หลายประเทศมอบทรัพยากร แม่น้ำ คูคลอง ให้องค์กรบริหารท้องถิ่นเป็นเจ้าของ ดูแลเป็นผู้พิทักษ์
แม้แต่การจับปลายังต้องไปขออนุญาต และจ่ายค่าธรรมเนียม (ภาษี)จับปลา และมีผู้ตรวจตราทรัพยากรที่เป็นของชุมชน เป็นนิติบุคคลที่กฎหมายรับรอง
แผ่นดินไทย ไม่ใช่ดินแดนขยะ
ประเทศไทยมีสิ่งแวดล้อมสวยงาม มีคนไทยที่สามารถปรับตัวได้ หากรู้ความจริงของปัญหา
หากมีระบบที่ส่งเสริมพฤติกรรมให้เหมาะสม ด้วยการสร้างแรงจูงใจ ด้วยผลประโยชน์ และลงโทษ หรือสร้างต้นทุนภาระให้แก่ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เชื่อว่าเราจะผ่านพ้นวิกฤติขยะล้นประเทศที่พบเห็น ทั้งบนบกและใต้น้ำลึก
กลับมาเป็นประเทศที่น่าอยู่ ผู้คนน่ารัก สภาพแวดล้อมงดงาม สมสมัย
ที่สำคัญ นโยบายระดับชาติของเรา ก็จะต้องไม่นำเข้าขยะพลาสติก ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะพิษ จากต่างประเทศ มาทำลายในประเทศของเรา กระทั่งเกิดการรั่วไหล หรือจงใจผ่องถ่าย ละเลยให้เกิดมลภาวะ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว จะต้องเอาผิดกับบริษัทเอกชน และเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โทษฐานที่มักง่าย เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน จากสินบน และความโลภ
คิดสั้น รวมถึงสิ้นคิด จึงได้หากินกับการเพิ่มขยะพิษให้กับประเทศชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี