กลายเป็นหม้ายขันหมากไปเสียแล้ว...
การประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ ต้องล่มปากอ่าว หลังบริษัทมือถือเอกชนทั้ง 3 ราย ไม่เข้าร่วมประมูล
1. เงื่อนไขการประมูลที่ กสทช.กำหนดไว้ก่อนนี้ คือ
คลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ ขนาด 15 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 3 ใบอนุญาต อายุสัญญา 15 ปี
ภายใต้เงื่อนไข N-1 (N = จำนวนผู้เข้าประมูล) เพื่อให้มีการแข่งขันราคากัน
ราคาตั้งต้นอยู่ที่ 37,475 ล้านบาท
2. นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ
ขอสรุปบางประเด็นมาคุยกันต่อ ดังนี้
2.1 ทำไม ไม่มีใครประมูลคลื่น 1800 MHz?
“เมื่อมีการวางจำหน่ายสินค้าที่อยู่ในความต้องการของผู้ซื้อในตลาด แต่กลับไม่มีการซื้อขาย เหตุผลหลักก็น่าจะมาจากการตั้งราคาขายที่ไม่เหมาะสมกับกำลังซื้อ ยิ่งมีการบังคับขายพ่วงว่าต้องซื้อเหมา ไม่ขายแยกชิ้น ผู้ซื้อที่ฉลาดก็จะไม่ผลีผลาม และถ้ายังไม่จวนตัวว่าจำเป็นต้องซื้อตอนนี้ ก็ยิ่งจะรอดูไปก่อน”
2.2 ราคาคลื่น 1800 MHz นำออกมาประมูลครั้งนี้แพงไปไหม การขายคลื่นชุดละ 15 MHz ขนาดใหญ่ไปหรือไม่?
“หากอ้างอิงจากผลการศึกษาของ กสทช. แล้วก็พอจะอธิบายได้ไม่ยาก กล่าวคือ ในการประมูลคลื่น 1800 MHz ครั้งก่อน กสทช. ตั้งราคาเริ่มต้นประมูลต่ำกว่าราคาประเมิน แต่ปรากฏว่ามีการสู้ราคากันอย่างดุเดือด จนราคาสูงกว่าราคาประเมินสูงสุดที่เอกชนสามารถทำกำไรได้ตามทฤษฎี และการศึกษาในครั้งนั้นมีสมมุติฐานที่สำคัญ 2 ข้อ
ข้อหนึ่ง-ในช่วงนี้จะยังไม่มีการจัดสรรคลื่นใหม่อื่นๆ เช่น คลื่น 700 MHz, 2300 MHz หรือ 2600 MHz ถ้ามีการจัดสรรแปลว่ามีสินค้าที่ทดแทนคลื่น 1800 MHz ได้ ราคาคลื่น 1800 MHz จะต่ำลงไปอีก
และข้อสอง-ผู้ชนะการประมูลครั้งที่แล้วยังอาจจะต้องการคลื่น 1800 MHz เพิ่มในอนาคตอีกจำนวนหนึ่ง เช่น 5-10 MHz เพื่อให้มีจำนวนคลื่นที่เหมาะสม
ภายหลังการประมูลครั้งก่อน กทค. เดิมตกลงใจตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอว่าจะใช้ราคาชนะประมูลที่สูงผิดปกติครั้งนั้นเป็นราคาเริ่มต้นการประมูลในอนาคต ไม่แน่ว่าเป็นเพราะต้องการเอาใจผู้ชนะการประมูล เพื่อไม่ให้เสียใจหรือรู้สึกเสียเปรียบที่ชนะประมูลในราคาสูงผิดปกติ หรือเพราะต้องการสยบบางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ผลการประมูลที่ทักท้วงว่า การแข่งขันจนราคาสุดท้ายออกมาสูงลิบนั้นเป็นเรื่องไม่ปกติ ไม่ว่าเหตุผลเบื้องหลังจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ผลเบื้องหน้านั้นสรุปได้ง่ายๆ คือ ในอนาคต เมื่อค่ายอื่นมาซื้อคลื่นนี้ก็จะต้องซื้อแพงไม่น้อยไปกว่านี้ แล้วต่อมา กสทช. ก็มีมติกำหนดขนาดบล็อกคลื่นที่ 15 MHz ไม่ใช่ 5 MHz ดังที่หลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นไว้ในการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ทำให้ค่ายที่ต้องการเพียง 5 หรือ 10 MHz ถ้าจะเข้าร่วมการประมูลก็ต้องซื้อคลื่นมากเกินความจำเป็น
นอกจากนี้ สองค่ายมือถือที่ชนะการประมูลครั้งที่แล้วต่างต้องแบกภาระค่าคลื่นทั้ง 1800 MHz และ 900 MHz และที่ผ่านมามีการขอผ่อนผันให้ คสช. ขยายงวดชำระเงิน สะท้อนให้เห็นถึงปัญหากำลังซื้อ และต่อให้มองข้ามเรื่องกำลังซื้อ ก็ยังมีประเด็นว่าจำเป็นจะต้องเข้ามาซื้อในขณะนี้ไหม หรือจะรอสินค้าชิ้นใหม่ที่น่าสนใจกว่า ซึ่งก็คือคลื่น 700 MHz ที่สำนักงาน กสทช. และรองนายกรัฐมนตรีประกาศว่าจะจัดประมูลในปี 2563 เพราะเป็นคลื่นที่ตอบโจทย์เรื่องความครอบคลุม ทำให้ประหยัดต้นทุนในการตั้งสถานีฐาน
ยิ่งมีคลื่น 1800 MHz ในมือแล้ว ควรเลือกประมูล 1800 MHz ที่มีราคาแพง หรือประมูล 700 MHz ที่ไม่เคยมีราคาชนะประมูลเดิมค้ำคออยู่และมีรัศมีทำการที่กว้างกว่า วิญญูชนก็คงตอบได้ไม่ยากกว่าควรจะเลือกคลื่นไหน”
2.3 ทำไมเอกชนรายที่ใช้คลื่น 1800 อยู่เดิม แล้วกำลังจะหมดสัญญา จึงไม่เข้าประมูล?
นพ.ประวิทย์วิเคราะห์ไว้น่าสนใจว่า
“ในส่วนค่ายที่จะหมดสัมปทาน ซึ่งเดิมใช้งานคลื่น 1800 MHz อยู่ 45 MHz หากมาประมูลจะต้องจ่ายแพง และจะได้คลื่นไม่เกิน 15 MHz แต่ถ้าไม่มีใครประมูล ค่ายนี้ก็จะเข้าสู่มาตรการเยียวยา สามารถใช้คลื่นทั้ง 45 MHz ได้ต่อไปอีก 1 ปี โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว แล้วค่อยรอการประมูลที่จะจัดใหม่ในปีหน้า ซึ่งราคาคลื่นอย่างไรก็ต้องต่ำลง เพราะระยะเวลาอนุญาตจะลดลงไปตามเวลาที่ประมูลสำเร็จช้า เวลายิ่งลดลง ราคาคลื่นก็ยิ่งต่ำลง
แม้หากเกิดอุบัติเหตุว่าวันที่ 15 มิ.ย. 2561 คู่แข่งมายื่นเอกสารการประมูล ก็ยังมีทางเลือกว่าจะมายื่นแข่งหลังจากนี้หรือไม่ เพราะเมื่อมีผู้ยื่นเอกสารรายเดียว กสทช. จะขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน และต่อให้ไม่เข้าแข่งแล้วปล่อยให้รายอื่นได้คลื่นเพิ่มอีก 15 MHz รวมเป็น 30 MHz แล้วค่อยไปเจรจาขอโรมมิ่งคลื่น 1800 MHz จากค่ายนั้นก็อาจประหยัดกว่ามาสู้ราคากัน
ยิ่งไปกว่านั้น ค่ายที่จะหมดสัมปทาน 1800 MHz ก็สามารถต่อลมหายใจด้วยการใช้คลื่น 2300 MHz ของทีโอที ความจำเป็นที่จะต้องชิงคลื่นให้ได้จึงลดลงจากเดิม ดังนั้นการเดินหมากเข้าสู่มาตรการเยียวยาน่าจะได้ประโยชน์กับตัวเองมากกว่าการเข้าร่วมเล่นเกมซื้อของแพงให้เสมอหน้าเพื่อน...ตามที่ กสทช. กำหนดขึ้นมา”
2.4 ไม่มีใครประมูลคลื่น 1800 MHz ใครได้-ใครเสีย?
“เมื่อไม่มีเอกชนรายใดมาประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz สภาพการแข่งขันในตลาดก็จะอยู่ในสภาพเดิม โดยที่ไม่มีใครต้องแบกต้นทุนเพิ่ม เพราะการเข้ามาประมูลเพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่ง ก็ตามมาด้วยต้นทุนค่าคลื่นที่เพิ่มขึ้น และถ้าคู่แข่งสามารถหาทางออกด้วยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การประมูล แถมมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ผู้ชนะการประมูลก็อาจจะเจ็บตัวฟรี ยิ่งมีภาระค่าคลื่นเดิมที่ค้างจ่ายอีกหลายหมื่นล้าน ยิ่งต้องรอบคอบรัดกุม
การที่ผู้ชนะประมูลรายเดิมไม่เข้าประมูล ก็จะทำให้ไม่ต้องแบกภาระเพิ่ม แต่ก็เสียโอกาสที่จะทิ้งห่างคู่แข่ง แต่ในเมื่อทุกรายไม่เข้าร่วมประมูล การแข่งขันก็ไม่เปลี่ยนแปลง ผู้บริโภคก็ไม่มีทางเลือกอะไรใหม่ ยังต้องวนเวียนใช้บริการแบบเดิมๆ ไปก่อน...”
2.5 ผลกระทบต่อรายได้รัฐ?
“ในการประมูลคลื่น 1800 MHz ครั้งนี้ กระทรวงการคลังมีหนังสือถึง กสทช. ว่า ขอให้จัดประมูลและนำส่งรายได้จากการประมูลภายในปี 2561 ด้วย โดยกระทรวงการคลังประมาณการรายได้จากสมมุติฐานว่าคลื่นทั้ง 45 MHz จะขายหมดและผู้ชนะการประมูลชำระเงินงวดแรก ร้อยละ 50 ภายในเดือนกันยายนนี้
เมื่อไม่มีผู้เข้าประมูล ประมาณการรายได้ก้อนนี้จึงพลาดเป้าไปหลายหมื่นล้านบาท แผนการใช้งบประมาณของรัฐก็อาจสะดุดหรือต้องหารายได้ทางอื่นมาชดเชย และเมื่อหมดสัมปทานแล้วเข้าสู่มาตรการเยียวยา ก็ยังพบปัญหาในส่วนเงินนำส่งรัฐ เพราะการให้บริการตามมาตรการเยียวยาที่ผ่านมา ยังมีปัญหาการฟ้องคดี และมีการแจ้งในที่ประชุม กสทช. ว่ารัฐยังไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว มาตรการเยียวยาครั้งใหม่นี้จะเหมือนหรือแตกต่างจากเดิม คงต้องติดตามกันต่อไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การไม่มีรายใดมาประมูลคลื่น 1800 MHz ครั้งนี้ ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ในทันทีคือรัฐ ไม่ใช่เอกชน หรือผู้บริโภคที่จะได้รับผลกระทบในระยะยาว”
3. ข้างต้นนั้น เป็นมุมมองบางส่วนของ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา หนึ่งในกรรมการ กสทช.
มีมุมที่น่าคิดอ่าน และดำเนินการหลายเรื่อง
แต่เบื้องต้น... สะท้อนให้เห็นว่า หมากเกมนี้ ในสถานการณ์ที่เอกชนทำให้ กสทช.เป็นหม้ายขันหมากในการประมูลคลื่น 1800 ครั้งนี้ ตอกย้ำว่าบริษัทมือถือเอกชนในบ้านเรา ทุกราย “เขี้ยวลากดิน” จริงๆ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี