เมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมาที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ถนนเเจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร องค์คณะผู้พิพากษาคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)ได้ นัดพิจารณาคดีครั้งเเรกหมายเลขดำ อม.3/2555 (หมายเลขแดงอม.55/2558) ในคดีที่ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อายุ 68 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 เป็นจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)ที่ศาลพิพากษาจำคุกไปแล้วและบริษัทในเครือของบริษัทกฤษดามหานครจำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 27 ราย
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, ความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ 2502, ความผิด พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ 2505, ความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 2535 และความผิดพ.ร.บ.บริษัท มหาชน จำกัด 2535 กรณีร่วมอนุมัติสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มกฤษดามหานครไปโดยทุจริตทำให้ธนาคารต้องเสียหาย
ในการพิจารณาคดีครั้งแรกนี้ เกิดขึ้นภายหลัง นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ได้ยื่นคำร้องต่อศาล เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วขอให้นำคดีนี้ที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวเฉพาะในส่วนของนายทักษิณจำเลยที่ 1 ไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 2555 ซึ่งถูกออกหมายจับติดตามตัวมาดำเนินคดีด้วยนั้นขึ้นมาพิจารณาใหม่โดยไม่มีตัวจำเลยตามกฎหมายใหม่ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ อม.) 2560 มาตรา 28
โดยคดีนี้ได้กล่าวหา “นายทักษิณ” จำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกกระทำความผิดกรณีอดีตผู้บริหารธนาคารอนุมัติสินเชื่อจำนวนมากโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของรัฐจากข้อเท็จจริงพบว่า ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้สินเชื่อกลุ่ม บมจ.กฤษดามหานคร ที่มีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร
ผู้อำนวยการฝ่ายกลั่นกรองสินเชื่อธุรกิจนครหลวงเคยจัดอันดับความเสี่ยงของกลุ่มกฤษดามหานครในอันดับ 5 คือไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้ต่อมามีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และในสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้มีเงื่อนไขระบุว่า บมจ.กฤษดามหานคร ไม่สามารถที่จะขอสินเชื่อได้อีกต่อไปเนื่องจากมียอดขาดทุนสะสมสูงมากแต่ได้มีการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในกลุ่ม
กฤษดามหานคร รวม 3 ประการด้วยกันคือ
การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทอาร์เค โปรเฟสชั่นนัลจำกัด จำนวนเงิน 500 ล้านบาท, การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด วงเงิน 9,900 ล้านบาท มีวงเงินไฟแนนซ์ 8,000 ล้านบาท วงเงินซื้อที่ดินเพิ่ม 500 ล้านบาท และวงเงินพัฒนาโครงการ 1,400 ล้านบาท และการอนุมัติขายหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพของ บมจ.กฤษดามหานคร ให้กับบริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์คอมมูนิเคชั่น จำกัด จำนวนเงิน 1,185,735,380 บาท
ถือว่าผู้เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ ร่วมกันหรือสนับสนุนการกระทำความผิดกรณีธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐเป็นการกระทำโดยทุจริต เพื่อฟื้นฟูกิจการของ บมจ.กฤษดามหานคร ประโยชน์ส่วนตนกับพวก วันที่ 20 มิถุนายน อัยการโจทก์เดินทางมาศาล ร่วมกระบวนพิจารณา ส่วน “นายทักษิณ” จำเลย หรือทนายความ ไม่มีใครมาศาลเมื่อถึงเวลา “องค์คณะผู้พิพากษา” พิจารณาเเล้วเห็นว่า “นายทักษิณ” จำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบเเล้วไม่เดินทางมาศาล
โดยไม่ได้เเจ้งเหตุขัดข้องหรือแจ้งขอเลื่อน เชื่อว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับ วิ อม.มาตรา 28 เพื่อให้นำตัวมาดำเนินคดีพร้อมให้โจทก์ดำเนินการตามหมายจับ และให้รายงานผลการจับกุมให้ศาลรับทราบทุกเดือนโดยกระบวนการพิจารณา เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มาศาลในการพิจารณาครั้งเเรกให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ตาม วิ อม. มาตรา 33 จึงให้นัดตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 26 ก.ย.นี้ เวลา 13.30 น. โดยให้อัยการยื่นบัญชีพยานหลักฐานก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐานก่อนวันนัด 14 วัน เเละให้ส่งหมายเเจ้งให้จำเลยทราบพร้อมปิดหมาย
นายทักษิณได้ถูกอัยการสูงสุดกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองได้ขอให้นำคดีที่เคยจำหน่ายไว้ชั่วคราว รวม 4 สำนวน ขึ้นมาพิจารณาใหม่คือคดีแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือกับดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐขาดรายได้ 6.6 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 2551,คดียื่นฟ้องนายทักษิณ ร่วมกับอดีตคณะผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปล่อยกู้ให้กลุ่มกฤษดามหานคร โดยทุจริต
คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ให้กับรัฐบาลพม่า 4,000 ล้านบาทและคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) โดยคดีที่ ป.ป.ช.ยื่นขอให้นำคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่นั้น ศาลฎีกาฯ นัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ โดยสรุปก็คือศาลท่านพิจารณาไปตามหลักฐานไม่มีคำว่า 2 มาตรฐาน และทักษิณหรือแม้วต้องหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศอีกนานแสนนาน
เป็นอันว่านายทักษิณมีหมายจับติดตัวรวม 2 ใบแล้วที่เจ้าพนักงานของรัฐบาลคสช.ต้องติดตามตัวมารับโทษ ตามกฎหมายผู้ที่ต้องดำเนินการในเรื่องนี้คือนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด, พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และพลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี